ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2021 ที่ผ่านมา มีเหล่ามือถือเกมมิ่งสเปคเทพระดับไฮเอนด์เปิดตัวมาเอาใจเกมมเอร์กันหลากหลายรุ่น ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกก็มีเปิดตัวมาทั้งหมด 4 ซีรีส์เข้าไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Nubia Red Magic 6 Series, ROG Phone 5 Series, Black Shark 4 Series และ Lenovo Legion Phone Duel 2 แน่นอนว่าแต่ละรุ่นก็จัดสเปคมาให้แบบไฮเอนด์ทั้งนั้น ด้วยหน้าจอรีเฟรชเรทสูง และชิปตัวแรงอย่าง Snapdragon 888 ส่วนฟีเจอร์สำหรับคอเกมที่แต่ละรุ่นจัดมาให้นั้น จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง และจะแตกต่างกันแค่ไหน…มาดูกันครับ

Red Magic 6 Series : จอ 165Hz, พัดลมในตัว, ชาร์จไว 120W

เริ่มต้นด้วย Nubia Red Magic 6 และ Red Magic 6 Pro มือถือเกมมิ่งซีรีส์แรกที่เปิดตัวก่อนใคร มากับจุดเด่นคือหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด FHD+ พร้อมรีเฟรชเรทสูงกว่ามือถือรุ่นอื่น ๆ ที่ 165Hz แถมยังเป็นหน้าจอแบบ Adaptive Refresh Rate ปรับรีเฟรชเรทตามการใช้งานอัตโนมัติ เช่นการใช้หน้าจอทั่วไปจะปรับลงมาที่ 30Hz จะปรับเป็น 120Hz ทันทีที่มีการไถหน้าจอ หรือใช้แอปที่รองรับ และจะดันขึ้นไปสูงสุดถึง 165Hz เมื่อเล่นเกมที่รองรับ ทำให้ประหยัดแบตเตอรี่ได้มากกว่า

หมดห่วงเรื่องความร้อนจากการเล่นเกมยาว ๆ ด้วยพัดลมระบายอากาศในตัว โดยพัดลมของ Red Magic 6 ทำความเร็วได้ถึง 18,000 รอบต่อนาที ส่วนรุ่น Pro ทำได้ถึง 20,000 รอบต่อนาที แถมยังมีระบบรายความร้อนแบบ Heat Sink อีกต่างหาก ช่วยให้เฟรมเรทคงที่ไม่มีสะดุดเพราะเครื่องร้อนเกินไป

Red Magic 6 ให้แบตเตอรี่มา 5050 mAh พร้อมระบบชาร์จไว 66W ส่วนรุ่น Pro ให้แบตเตอรี่มาน้อยกว่าที่ 4500 mAh แต่ถูกแทนที่ด้วยระบบชาร์จไวที่สูงถึง 120W ซึ่งสามารถชาร์จจาก 0% – 50% ได้ในเวลาเพียง 5 นาที และใช้เวลาแค่ 17 นาที เพื่อชาร์จให้เต็ม 100%

สเปค NUBIA RED MAGIC 6 / RED MAGIC 6 PRO

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด FHD+, รีเฟรชเรท 165Hz, Touch Sampling 500Hz,  รองรับการแสดงผลสี 10-bit
  • CPU : Snapdragon 888
  • GPU : Adreno 660
  • RAM : (รุ่นธรรมดา) 8GB / 12GB, (รุ่น Pro) 12GB / 16GB, (รุ่น Transparent Edition) 16GB / 18GB
  • ความจุ : 128GB / 256GB / 512GB (รุ่น Transparent Edition เท่านั้น)
  • กล้องหลัง
    – กล้องหลัก 64MP
    – กล้อง Ultrawide 8MP
    – กล้อง Macro 2MP
  • กล้องหน้า : 8MP
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอคู่, DTS X Ultra, รูหูฟัง 3.5 มม.
  • การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, BT 5.1
  • เซ็นเซอร์ : Fingerprint (ใต้จอ), accelerometer, gyro, proximity, compass
  • แบตเตอรี่ : (Red Magic 6) 5050 mAh รองรับชาร์จไว 66W, (Red Magic 6 Pro) 4500 mAh รองรับชาร์จไว 120W
  • ระบบ Android 11 ครอบด้วย RedMagic OS 4.0
  • ขนาด / น้ำหนัก : 169 x 77.09 x 9.7 มม. (รุ่น Pro 9.6 มม.) / 220 กรัม

 

ROG Phone 5 Series : แถบกราฟิกหลังเครื่อง, 4 ปุ่ม L-R ปรับแต่งได้, แบต 6000 mAh

ต่อด้วยเจ้าตลาดมือถือเกมมิ่งที่ได้รับผลตอบรับดีมาตลอดอย่าง ROG Phone 5 Series ซึ่งแม้ว่ารูปร่างหน้าตาโดยรวมจะไม่ค่อยเปลี่ยนไปแปลงไปจากรุ่นก่อนหน้าเท่าไหร่นัก แต่คราวนี้ในรุ่น ROG Phone 5 Pro และ ROG Phone 5 Ultimate จะล้ำขึ้น เพราะไม่ใช่แค่แถบไฟธรรมดา ๆ เท่านั้น แต่มาเป็นหน้าจอ ROG Vision ที่สามารถแสดงผลเป็นกราฟิกสีเคลื่อนไหวได้แบบเก๋ ๆ เมื่อชาร์จแบตเตอรี่, มีสายเข้า, เปิด X Mode หรืออื่น ๆ ตามที่เราตั้งค่า (รุ่น Ultimate แสดงผลเป็นขาว-ดำ)

ส่วนปุ่ม L R ที่เรียกว่าเป็นของจำเป็นสำหรับมือถือเกมมิ่งพันธุ์แท้ ซึ่ง ROG Phone 5 Pro และ Ultimate ก็มีมาให้ถึง 4 ปุ่ม โดย 2 ปุ่มจะอยู่ที่ขอบเครื่องตามปกติ ส่วนปุ่ม L2 R2 ที่เพิ่มเข้ามาจะอยู่บริเวณฝาหลังเครื่องให้ใช้นิ้วนางกดเอา (อาจต้องสร้างความเคยชินซักนิดนึง แรก ๆ อาจกดไม่ถนัด)

ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะปุ่ม L R ด้านบนยังตั้งค่าเพิ่มเติมให้กลายเป็นปุ่มอื่น ๆ ได้อีก ตัวอย่างเช่นการกดปุ่ม R ปกติ จะเป็นการยิงปืน แต่หากตั้งค่าให้การแตะปุ่ม R แล้วลากนิ้วมาทางขวาจะกลายเป็นการเติมกระสุน, ปุ่ม L ปกติจะใช้กดเพื่อเล็งเป้า แต่ตั้งค่าให้การแตะปุ่ม L แล้วลากมาทางซ้ายกลายเป็นการขว้างระเบิดได้ เป็นต้น

แม้ว่า ROG Phone 5 Series จะให้ระบบชาร์จไวมา 65W ซึ่งจริง ๆ ก็นับว่าเร็วอยู่แหละ แต่หากเทียบกับมือถือเกมมิ่งรุ่นอื่นยังถือว่าช้ากว่ามาก…ASUS ก็เลยยัดแบตเตอรี่มาให้มากกว่าชาวบ้านอยู่ที่ 6,000 mAh ทำให้ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวกว่าใครนั่นเอง

ยังมีฟีเจอร์เด็ด ๆ อย่าง Bypass charging ที่เราสามารถเสียบสายชาร์จเพื่อส่งไฟเข้าตัวเครื่องโดยตรงแบบไม่ต้องผ่านแบตเตอรี่ ทำให้แบตเตอรี่ไม่เสื่อมสภาพเร็ว และเครื่องยังไม่ร้อนจากการชาร์จไปเล่นไปอีกด้วย

Play video

สเปค ASUS ROG PHONE 5 / PRO / ULTIMATE

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละอียด FHD+ รีเฟรชเรท 144Hz, Touch Sampling 300Hz, รองรับการแสดงผล HDR10+
  • CPU : Snapdragon 888
  • GPU : Adreno 660
  • RAM (LPDDR5) : 8GB / 12GB / 16GB / 18GB (เฉพาะรุ่น Ultimate)
  • ความจุ (UFS 3.1) : 128GB / 256GB / 512GB (เฉพาะรุ่น Pro และ Ultimate) ไม่รองรับ microSD Card
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก 64MP
    – กล้อง Ultra wide
    – กล้องมาโคร
  • กล้องหน้า : 24MP
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอคู่แบบ Front Facing, Dirac Sound, มีรูหูฟัง 3.5 มม.
  • การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, BT 5.2
  • เซ็นเซอร์ : Fingerprint (ใต้หน้าจอ), accelerometer, gyro, proximity, compass
  • แบตเตอรี่ : 6000 mAh รองรับชาร์จไว 65W
  • ระบบ Android 11 ครอบด้วย ROG UI
  • ขนาด / น้ำหนัก : 172.8 x 77.3 x 10.3 มม. /238 กรัม

 

Black Shark 4 Series : จอ Touch Sampling 720Hz, ปุ่ม L R ของจริง, ชาร์จไว 120W

มือถือเกมมิ่งซีรีส์นี้ จะแบ่งออกเป็น 2 รุ่นคือรุ่นธรรมดา และรุ่น Pro ซึ่งความแตกต่างชัด ๆ เลยก็คือรุ่นธรรมดาใช้ชิป Snapdragon 870 ส่วนรุ่น Pro ใช้ Snapdragon 888 แต่ฟีเจอร์เด่นของซีรีส์นี้จะให้มาเหมือนกัน อย่างเช่นหน้าจอ E4 AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว รีเฟรชเรท 144Hz ที่มี Touch Sampling สูงถึง 720Hz ทำให้การตอบสนองต่อการควบคุมเกมรวดเร็ว และแม่นยำสุด ๆ มีความหน่วงแค่ 8.3 มิลลิวินาที ซึ่งแทบจะไม่สังเกตเลย

จริงอยู่ที่มือถือเกมมิ่งในตอนนี้มีปุ่ม L R มาให้ทั้งนั้น แต่ส่วนมากก็จะเป็นแค่ปุ่มแบบสัมผัสเท่านั้น ทำให้บางทีก้เมื่อยนิ้วชี้ที่ต้องคอยยกอยู่ตลอดเวลาเล่นเกม เพราะหากเอานิ้วลงมาโดนปุ่มนิดหน่อยไกปืนก็ลั่นแล้ว…แต่สำหรับ Black Shark 4 Series จะพิเศษกว่าใครด้วยปุ่ม L R ของจริงที่ยื่นออกมาจากขอบเครื่อง ต้องใช้แรงกดลงไปถึงจะตอบสนองเหมือนกับคอนโทรลเลอร์เกมจริง ๆ นั่นเอง ทำให้การเล่นเกมได้อารมณ์เหมือนเครื่องเกม แถมเวลาไม่ใช้งานปุ่ม L R ยังหดลงไปเก็บในตัวเครื่องได้อีกด้วย

แม้ว่า Black Shark 4 Series จะมีแบตเตอรี่แค่ 4500 mAh แต่มันมากับระบบชาร์จโคตรไว 120W ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0 – 100% ได้ในเวลาแค่ 15 นาทีเท่านั้นเอง…หรือถ้าใครรีบหน่อย จะชาร์จแค่ 5 นาที ก็ยังได้แบตเตอรี่ไปใช้ตั้ง 50% เลยนะ

สเปค Black Shark 4

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละอียด FHD+ รีเฟรชเรท 144Hz, Touch Sampling 720Hz
  • CPU : Snapdragon 870
  • GPU : Adreno 650
  • RAM (LPDDR5) : 6GB / 8GB / 12GB
  • ความจุ (UFS 3.1) : 128GB / 512GB
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก 48MP
    – กล้อง Ultra wide 8MP
    – กล้องมาโคร 5MP
  • กล้องหน้า : 20MP
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอคู่, มีรูหูฟัง 3.5 มม.
  • การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, BT 5.2
  • เซ็นเซอร์ : Fingerprint (ด้านข้าง), accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer
  • แบตเตอรี่ : 4500 mAh รองรับชาร์จไว 120W
  • ระบบ Android 11 ครอบด้วย Joy UI 12.5
  • ขนาด / น้ำหนัก : 163.8 x 76.4 x 9.9  มม. /210 กรัม

สเปค Black Shark 4 Pro

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละอียด FHD+ รีเฟรชเรท 144Hz, Touch Sampling 720Hz
  • CPU : Snapdragon 888
  • GPU : Adreno 660
  • RAM (LPDDR5) : 8GB / 12GB / 16GB
  • ความจุ (UFS 3.1 + SSD) : 256GB / 512GB
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก 64MP
    – กล้อง Ultra wide 8MP
    – กล้องมาโคร 5MP
  • กล้องหน้า : 20MP
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอคู่, มีรูหูฟัง 3.5 มม.
  • การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, BT 5.2
  • เซ็นเซอร์ : Fingerprint (ด้านข้าง), accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer
  • แบตเตอรี่ : 4500 mAh รองรับชาร์จไว 120W
  • ระบบ Android 11 ครอบด้วย Joy UI 12.5
  • ขนาด / น้ำหนัก : 163.8 x 76.4 x 9.9  มม. /210 กรัม

 

Legion Phone Duel 2 : กล้องเซลฟี่ป๊อปอัพด้านข้าง, พัดลมคู่ในตัว, ปุ่มสำหรับเล่นเกม 8 ปุ่ม

สำหรับ Legion Phone Duel 2 (ถ้าดูจากรูปร่างหน้าตาและฟีเจอร์ทั้งหมดแล้วน่าจะเรียกว่าเครื่องเกมที่โทรได้มากกว่า) คราวนี้ยังมากับฟีเจอร์เอาใจสายแคสท์เกมโดยเฉพาะด้วยกล้องเซลฟี่ป๊อปอัพที่อยู่ด้านข้างเครื่อง ทำให้เหมาะสุด ๆ สำหรับการแคสท์เกม เพราะไม่โดนมือบัง หรือหน้าไม่ตรงกล้องเหมือนมือถือทั่วไป แถมยังมีความละเอียดสูงถึง 44MP และยังมีซอฟท์แวร์สำหรับการแคสท์เช่นตัดฉากหลังได้ หรือจะเปลี่ยนหน้าเป็น Avatar ก็ยังได้

เล่นเกมยาว ๆ แบบไม่กลัวร้อนด้วยพัดลมคู่ในตัว แถมยังมีระบบระบายความร้อนแบบ Vapor Chamber Liquid Cooling เข้ามาช่วยอีกแรง ทำให้หมดห่วงเรื่องเครื่องร้อนจนเฟรมเรทตกไปได้

มือถือเกมมิ่งรุ่นอื่น ๆ จะมีปุ่ม L – R ตรงขอบเครื่องมาให้แค่ 2 ปุ่ม แต่ Legion Duel Phone 2 จัดมาให้เลย 4 ปุ่ม และยังมีปุ่มด้านหลังเครื่องอีก 2 ปุ่ม แถมด้วยปุ่มที่ซ่อนไว้ใต้หน้าจออีก 2 ปุ่ม รวมเป็นทั้งหมด 8 ปุ่ม ให้ตั้งค่ากันได้แบบเต็มที่เหมือนกับใช้คอนโทรลเลอร์จริง ๆ กันไปเลย

สเปค LENOVO LEGION PHONE DUEL 2

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.92 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 144Hz
  • CPU : Snapdragon 888
  • GPU : Adreno 660
  • RAM (LPDDR5) : 12GB / 16GB / 18GB
  • ความจุ (UFS 3.1) : 256GB / 512GB
  • กล้องหลัง : กล้องหลัก 64MP (f/1.9) และกล้อง Ultra Wide ความละเอียด 16MP (f/2.2)
  • กล้องหน้าป๊อปอัพ : 44MP (f/2.0)
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอคู่ด้านหน้าแบบแม่เหล็ก 7 ชิ้น, Dolby Atmos, ไมโครโฟน 4 ตัว พร้อมระบบลดเสียงรบกวน, ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.
  • เซ็นเซอร์ : Fingerprint sensor (ใต้จอ), 3D Motion Sensor, E-Compass, Gyroscope, Proximity, Ambient Light, Quad Ultrasonic Shoulder keys, Dual Capacitance keys, Dual Force Touch Sensor
  • แบตเตอรี่ : 5500 mAh (2750 mAh 2 ก้อน) รองรับชาร์จไว 90W
  • ระบบ Android 11 ครอบด้วย ZUI 12.5
  • ขนาด / น้ำหนัก : 176 x 78.5 x 9.9 มม. (12.56 มม. กลางเครื่อง) / 256 กรัม

 

รุ่นไหนเหมาะกับใคร

  • Red Magic 6 Series : สำหรับคนที่อยากได้มือถือเกมมิ่งแบบครบเครื่องจบในตัว หน้าจอลื่นปรื๊ด พัดลมในตัวไม่ต้องซื้อแยกมาติดเครื่องให้ดูเทอะทะ แถมยังชาร์จแบตไวสุด ๆ
  • ROG Phone 5 Series : สำหรับคนอยากได้มือถือแบตอึด ๆ มีปุ่มสำหรับเล่นเกมที่ตั้งค่าได้หลากหลาย แถมยังเท่ด้วยแถบไฟด้านหลังที่แสดงกราฟิกได้ด้วย (รุ่น Pro / Ultimate) และยังคงมีรูหูฟังมาให้อยู่
  • Black Shark 4 Series : สำหรับคอเกมที่อยากสัมผัสประสบการณ์การเล่นเกมที่เหมือนได้ใช้คอนโทรลเลอร์ด้วยปุ่มที่กดได้จริง ๆ บวกกับหน้าจอที่ตอบสนองไวจัด ๆ ถึง 720Hz พร้อมระบบชาร์จไว 120W
  • Legion Phone Duel 2 : เหมาะสุด ๆ สำหรับสายแคสท์เกมด้วยกล้องป๊อปอัพด้านข้างความละเอียดสูงถึง 44MP พร้อมปุ่มสำหรับเล่นเกมมากถึง 8 ปุ่ม และยังระบายความร้อนด้วยพัดลมคู่อีก

เห็นแบบนี้ก็บอกได้เลยว่าเลือกยากจริง ๆ เพราะแต่ละรุ่นมีสเปคที่แรงพอกันจนแทบไม่ต้องห่วงเรื่องประสิทธิภาพของเกมเลย แต่จะแตกต่างกันก็ตรงที่ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่ใช้ในการเล่นเกมนั่นแหละ เพราะบางคนก็อาจคิดว่าฟีเจอร์นี้จำเป็นมาก ๆ ในขณะที่บางคนก็คิดว่าฟีเจอร์นี้คงไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ (ถ้าเลือกประกอบเองได้เหมือน PC คงจะดีเนาะ 555) รวมถึงดีไซน์ตัวเครื่องแต่ละรุ่นที่เรียกว่าใครเห็นก็รู้เลยว่าไม่ใช่มือถือทั่วไปแน่นอน…ซึ่งก็ไม่แน่ว่าส่วนนี้อาจเป็นตัวเลือกหลักในการตัดสินใจซื้อมือถือเกมมิ่งของบางคนก้ได้นะครับ

นอกจากนี้ก็ยังไม่สามารถตัดสินใจดูจากราคาได้อีกต่างหาก เนื่องจากมือถือเกมมิ่งทั้ง 4 รุ่น ยังไม่มีรุ่นไหนที่วางขายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเลยซักรุ่นเดียว…ก็เลยต้องมารอลุ้นกันต่อไปครับ ว่าราคาในบ้านเราจะอยู่ที่เท่าไหร่กันบ้าง