Google ได้ออกมาประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่าทางบริษัทได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Google Maps หลังจากเก็บข้อมูลต่างๆ จากผู้ใช้งานเป็นเวลากว่าหลายเดือน ที่จะคาดการณ์ได้ว่ารถเมล์หรือรถไฟฟ้านั้นแออัด หรือมีพื้นที่ว่างในรถหรือขบวนแค่ไหน สำหรับใครที่ต้องสัญจรด้วยรถประจำทางเป็นประจำทุกวัน

Google เองก็ได้เก็บทำการเก็บข้อมูลต่างๆ อยู่หลายเดือนจากผู้ใช้งานระบบขนส่งอย่างรถไฟฟ้าใต้ดินหรือรถเมล์จริง ซึ่งทางบริษัทจะส่งคำถามว่าสภาพภายในรถไฟฟ้าหรือรถเมล์มีความหนาแน่น แออัดมากแค่ไหนมาให้หลังจากที่ผู้ใช้งานต่างๆ ได้ถึงจุดหมายปลายทาง โดยผู้ใช้งานจะมีตัวเลือกทั้งหมด 4 ตัวเลือกให้ตอบก็คือ 

  1. Many empty seats (มีที่นั่งว่างเต็มไปหมดเลย)
  2. Few empty seats (มีที่นั่งว่างอยู่เล็กน้อย)
  3. Standing room only (ไม่มีที่นั่งว่าง ยืนอย่างเดียว)
  4. Cramped standing only (ไม่มีที่นั่งว่าง แถมพื้นที่ในการยืนก็แออัดด้วย)

https://twitter.com/jeremyhfisher/status/1026219575531200512?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1026219575531200512%7Ctwgr%5E393039363b636f6e74726f6c&ref_url=https%3A%2F%2Fwww.theverge.com%2F2019%2F6%2F27%2F18761187%2Fgoogle-maps-transit-crowded-delays-predictions-train-bus-subway

ซึ่งตอนนี้ทาง Google ก็มีข้อมูลที่มากพอที่จะคาดเดาได้แล้วว่าวันนี้ เวลานี้ รถไฟฟ้าหรือรถเมล์จะมีความหนาแน่นมากน้อยเพียงใด โดยทางบริษัทเองก็จะเอาข้อมูลในส่วนนี้ไปแจ้งเตือนกับผู้ใช้งาน Google Maps อีกที ในตอนนี้ฟีเจอร์ดังกล่าวก็สามารถใช้งานได้บริเวณ 200 หัวเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลกแล้ว (ไม่รู้ว่าที่กรุงเทพฯ มีหรือยังนะ ลองเมื่อกี้แล้วก็ยังไม่ขึ้นเลย)

ยกตัวอย่างง่ายๆ เลย สมมติในกรุงเทพฯ ของเรานี่แหละ เดินทางจาก BTS วุฒากาศไป BTS หมอชิตในเวลา 9 โมงเช้า ผู้ใช้งาน Google Maps อาจจะเห็นการแจ้งเตือนขึ้นว่า BTS สายสีลมจะขึ้นมา “few empty seat” ซึ่งเอาเข้าจริง ข้อมูลแบบนี้ก็อาจจะช่วยอะไรไม่ได้หรอก เพราะมันหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว แต่รู้ไว้ก็ดีกว่าไม่รู้ จะได้เตรียมตัวเตรียมใจกันตั้งแต่เนิ่นๆ เลย

ภาพตัวอย่างฟีเจอร์ดังกล่าว

นอกจากนี้ Google เองก็ยังปล่อยฟีเจอร์ Traffic Delays สำหรับรถเมล์ในบางพื้นที่ที่ระบบสื่อสารมวลชนไม่ได้มีข้อมูลในส่วนนี้บอก ทำให้การมาของฟีเจอร์ดังกล่าวจะทำให้ผู้ใช้งานรถเมล์สามารถทราบได้ว่ารถเมล์สายที่ตนเองกำลังจะขึ้นนั้นจะเลทหรือเปล่า แล้วจะเลทนานแค่ไหน อีกทั้งฟีเจอร์นี้ยังเอาสภาพจราจรในเวลานั้นๆ มาคำนวณด้วยนะ ทั้งนี้เพื่อที่จะได้เวลาไปถึงจุดหมายปลายทางที่แม่นยำที่สุดให้กับผู้ใช้งานต่อไป

ในช่วงประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่าน Google ก็ได้ปล่อยฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้กับ Google Maps มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Incognito modereal-time speedsparking locations และ traffic jam crowdsourcing โดยตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจนะว่าประเทศไทยใช้ได้หรือยัง แต่จากที่ลองอัพเดท Google Maps แล้วลองใช้ดูแล้ว ก็ยังไม่มีฟีเจอร์ดังกล่าวขึ้นมาเลย ของใครคนไหนขึ้นมาแล้วก็เอามาแชร์กันด้วยนะ ว่ามันมีความแม่นยำมากแค่ไหน

ที่มา: TheVerge