วันนี้ Google ประกาศข่าวสำคัญส่งท้ายปี โดยการเปิดตัว Gemini โมเดลปัญญาประดิษฐ์ที่ใหญ่ที่สุดที่ Google เคยพัฒนามา ซึ่ง Gemini 1.0 เวอร์ชันแรก แบ่งเป็น 3 โมเดลย่อย เล็ก กลาง ใหญ่ สำหรับการปรับใช้อย่างยืดหยุ่นในแต่ละแพลตฟอร์ม และ Gemini Nano ที่เป็นตัวเล็กสุดได้ถูกนำมาใช้งานจริงแล้วใน Pixel 8 Pro เป็นรุ่นแรก
Gemini เป็นโมเดลปัญญาประดิษฐ์ LLM ที่ถูกออกแบบมาเป็น multimodal สามารถทำความเข้าใจอินพุตหลายประเภทอย่างลึกซึ้งและเป็นเหตุเป็นผลได้ในเวลาเดียวกัน ทั้งข้อความ โค้ด เสียง รูปภาพ วิดีโอ และอื่น ๆ
Google ได้โชว์ผลการทดสอบด้วยชุดทดสอบแบบต่าง ๆ กว่าสิบรายการ ผลลัพธ์คือ Gemini Ultra โมเดลใหญ่สุด สามารถเอาชนะ GPT-4 ของ OpenAI ค่ายคู่แข่งได้เกือบทุกด้าน
ส่วน Gemini Nano ที่นำมาปรับใช้งานกับ Pixel 8 Pro เพราะติดข้อจำกัดเรื่องหน่วยประมวลผลและหน่วยความจำนั้น ทาง Demis Hassabis ซีอีโอของ Google DeepMind บอกว่า ‘ยังคงมีไม้เด็ดอยู่’ แม้จะเป็นโมเดลเล็กสุดก็ตาม
ฟีเจอร์ใหม่ใน Pixel 8 Pro ที่ขับเคลื่อนด้วย Gemini Nano
ตอนนี้ฟีเจอร์ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับ Gemini Nano โดยตรงใน Pixel 8 Pro ยังปล่อยออกมาแค่ 2 อย่าง คือ ‘สรุปข้อมูลใน Recorder’ และ ‘ตอบกลับอัตโนมัติด้วย Gboard’ แต่อย่างน้อยก็ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญของ Google ในการฝังโมเดลปัญญาประดิษฐ์ LLM ลงบนตัวอุปกรณ์ ซึ่งมีข้อดีอย่างมากในแง่ของความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ใช้งาน และเป็นการต่อยอดไปสู่ฟีเจอร์ใหม่อื่น ๆ ในอนาคต
สรุปเนื้อหาใน Recorder
ในอัปเดตล่าสุดของแอป Recorder ใน Pixel 8 Pro จะมีปุ่ม Summarize ปรากฏขึ้นมาด้านบน สำหรับสรุปการสนทนา การสัมภาษณ์ การพรีเซนต์ หรืออื่น ๆ ที่บันทึกเสียงไว้ โดยสามารถสรุปข้อมูลได้แม้ไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เพราะเป็นการรันโมเดลปัญญาประดิษฐ์ Gemini Nano จากบนเครื่องโดยตรง
ตอบกลับอัตโนมัติด้วย Gboard
Smart Reply เป็นฟีเจอร์ตอบกลับข้อความอัตโนมัติของแอป Gboard ใน Pixel 8 Pro ซึ่ง Gemini Nano จะทำการวิเคราะห์ข้อความที่ถูกส่งมา และเสนอตัวเลือกการตอบกลับที่คาดว่าเหมาะสมตามบริบทนั้น ๆ ได้อย่างแม่นยำกว่าเดิม และเช่นเดียวกับฟีเจอร์ Summarize ของแอป Recorder คือ Smart Reply สามารถทำงานได้แม้ไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
เบื้องต้น Smart Reply ยังรองรับแค่ภาษาอังกฤษ (English US) ภาษาเดียว รองรับการใช้งานเฉพาะบนแอป WhatsApp แอปเดียว และไม่ได้ถูกเปิดใช้งานมาเป็นต่าเริ่มต้น เพราะอยู่ในช่วงทดลองใช้งาน โดยสามารถเปิดการใช้งานได้ที่เมนู
- Settings > Developer Options > AiCore Settings > Enable AIcore Persistent
Google บอกว่าภาษาอื่น ๆ จะทยอยตามมาปีหน้า รวมถึงการเปิดให้ใช้งานในแอปอื่น ๆ นอกเหนือจาก WhatsApp ด้วย
พร้อมกันนี้ Google ยังได้เปิดตัว Android AICore บริการระบบ (system service) ใหม่บน Android 14 ที่ทำให้นักพัฒนาสามารถดึง Gemini Nano ไปใช้งานกับแอปของตนได้ โดยมีการเอ่ยถึง Qualcomm, Samsung และ MediaTek เพิ่มเติมในบล็อกโพสต์ ส่วนอุปกรณ์แบบแยกตามแบรนด์ Google บอกว่าจะประกาศชื่อในเร็ว ๆ นี้ แต่ข้อจำกัดเบื้องต้นคือ ชิปเซตต้องเร็วและแรง โดยเฉพาะ NPU ที่เป็นหน่วยประมวลผลที่รับผิดชอบงานด้านปัญญาประดิษฐ์โดยตรง
สุดท้าย Google ยืนยันว่า Assistant with Bard ผู้ช่วยอัจฉริยะเวอร์ชันตีบวกที่นำไปรวมร่างกับ Bard จะพร้อมใช้งานบนมือถือ Pixel ปีหน้า แต่ยังไม่บอกกรอบเวลาที่แน่ชัด และยังไม่บอกว่ารุ่นใดบ้างที่รองรับ
ที่มา : Google
Comment