Google กลับมาอีกครั้งกับมือถือจอพับรุ่นที่ 2 แต่รอบนี้มีการรีแบรนด์ชื่อใหม่ไปใช้ชื่อเดียวกับมือถือซีรีส์หลักเป็น Pixel 9 Pro Fold ซึ่งนอกจากชื่อที่ยาวขึ้นมากแล้ว ยังได้อัปเกรดหลายจุดที่รอบที่แล้วโดนบ่นกันไป ปรับอัตราส่วนให้ใกล้เคียงมือถือปกติมากขึ้น จอด้านในไม่มีขอบบนล่างหนา ๆ อีกต่อไป แถมยังอัปเกรดพาเนลจอนอก จอในให้สว่างขึ้น และอัปเดตเติมฟีเจอร์ใหม่ ๆ มาให้ด้วย
เปิดตัว Pixel 9 Pro Fold
หลังจากที่รุ่นที่แล้วได้เปิดตัวออกมาลองตลาด และรับฟีดแบ็กจากผู้ใช้งานรวมถึงสื่อต่าง ๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว Google ก็ได้กลับไปปรับปรุงพลิกโฉม Pixel 9 Pro Fold แบบใหม่หมดจด อย่างแรกเลยคือเรื่องของดีไซน์ที่มีการปรับปรุงให้ตัวเฟรมมีความเหลี่ยมแบนจับถนัดมือยิ่งขึ้น และมีการปรับอัตราส่วนเป็น 20:9 ใกล้เคียงกับ Pixel 9 มาก ๆ
ตัวเครื่องมากับวัสดุอะลูมิเนียมอัลลอย ฝาหลัง และกระจกจอหน้าใช้เป็น Gorilla Glass Victus 2 ส่วนมีบานพับมีการปรับปรุงใหม่ สามารถกางได้จนสุดไม่เหมือนรุ่นก่อน วัสดุบานพับใช้โลหะ Multi-alloy steel เกรดที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานอวกาศ สามารถลดน้ำหนักตัวเครื่องจากรุ่นก่อนได้ถึง 10% เหลือเพียง 257 กรัม และเมื่อพับแล้วมีขนาดเพียง 10.5 มมใ บางกว่า Galaxy Z Fold6 ถึง 13%
ส่วนจอแสดงผลรอบนี้ได้อัปเกรดทั้งจอนอก และจอใน ส่วนที่เป็นไฮไลต์ที่สุดคือจอด้านในที่ได้ใช้พาเนลใหม่ Super Actua Flex LTPO OLED ที่ขนาดใหญ่ถึง 8 นิ้ว ความละเอียด 2076 × 2152 พิกเซล แถมยังรองรับการปรับรีเฟรชเรตแบบ Adaptive 1 – 120Hz รองรับความสว่างสูงสุดถึง 80% เป็น 2700 nits พร้อมรองรับโหมดแสดงผลแบบ HDR เป็นครั้งแรก
จอรองด้านนอกรอบนี้ก็ได้อัปเกรดไปใช้ Actua OLED ขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 6.3 นิ้ว ปรับอัตราส่วนให้เหมือนมือถือธรรมดาเป็น 20:9 จากเดิมที่เป็นอัตราส่วนแบบ Passport ให้ความละเอียดมาที่ 2424 x 1080 พิกเซล พร้อมอัปเกรดความสว่างเป็น 2700 nits รองรับ HDR และรองรับรีเฟรชเรต 60 – 120Hz
ด้านกล้องถ่ายภาพนั้น ภาพรวมยังคงคล้ายเดิม ประกอบไปด้วยกล้องหลัก 48MP มีกันสั่น OIS + กล้องอัลตราไวด์ 10.5MP ที่มุมกว้างขึ้นเป็น 127 องศา และมีระบบ Auto Focus ทำให้รองรับการถ่ายภาพ และวิดีโอในโหมด Macro Focus + กล้องเทเลโฟโต 10.8MP ที่รองรับการซูมแบบ Optical 5x และรองรับการซูมแบบรายละเอียดคมชัด Super Res Zoom 20 เท่า ส่วนกล้องเซลฟี่ทั้งจอนอก และจอในอัปเกรดให้เป็น 10MP แถมยังมุมกว้างขึ้นเป็น 87 องศา
ส่วนชิปเซตประมวลผลรอบนี้อัปเกรดไปใช้ Google Tensor G4 ขนาด 4 นาโนเมตรที่ผลิตโดย Samsung ประมวลผลฟีเจอร์ AI ต่าง ๆ ได้รวดเร็วขึ้น มีชิปรักษาความปลอดภัย Titan M2 และอัปเกรด RAM จาก 12GB เพิ่มให้เป็น 16GB ส่วนความจุมีให้เลือก 2 ขนาดคือ 256GB และ 512GB ส่วนแบตเตอรี่ลดลงไปนิดหน่อยเหลือ 4,650 mAh รองรับชาร์จไวเพียง 21W และรองรับชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi-certified
ตัวเครื่องติดตั้งมากับระบบ Android 14 พร้อมการันตีอัปเดตซอฟต์แวร์ข้ามเวอร์ชั่นให้นานถึง 7 ปี อีกทั้งยังมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ Video Boost ที่ช่วยยกระดับอัปสเกลวิดีโอจาก 4K เป็น 8K ผ่านระบบ Cloud, ฟีเจอร์ Add Me ใช้ AI ช่วยเติมคนที่ไม่อยู่ในภาพให้มาอยู่ในรูปถ่ายเหมือนยืนข้าง ๆ กันได้ และ Made You Look ฟีเจอร์ที่เมื่อถ่ายรูปผ่านจอในแล้ว จอด้านนอกจะแสดงผลเป็นแอนิเมชันน่ารัก ๆ ให้เด็ก ๆ หรือสัตว์เลี้ยงมองกล้องอยู่ตลอดเวลา
สเปค Pixel 9 Pro Fold
- จอใน: Super Actua Flex LTPO OLED ขนาด 8 นิ้ว
- ความละเอียด 2076 × 2152 พิกเซล
- อัตรารีเฟรช 1 – 120Hz
- สว่างสูงสุด 2,700 nits
- รองรับ HDR
- จอนอก: OLED ขนาด 6.3 นิ้ว
- ความละเอียด 2424 x 1080 พิกเซล
- อัตรารีเฟรช 60 – 120Hz
- สว่างสูงสุด 2,700 nits
- รองรับ HDR
- กระจก Gorilla Glass Victus 2
- ชิปเซต : Google Tensor G4
- RAM: 16GB
- ROM: 256GB / 512GB
- กล้องหลัง 3 ตัว:
- กล้องหลัก 48MP ขนาด 1/2″ (f/1.7) ระบบกันสั่น OIS
- กล้องอัลตร้าไวด์ 10.5MP ขนาด 1/3.4″ (f/2.2) มุมกว้าง 127 องศา
- รองรับโหมด Macro Focus
- กล้องเทเลโฟโต้ 10.8MP (f/3.1),ระบบกันสั่น OIS
- ซูม Optical 5x / Super Res Zoom 20x
- กล้องเซลฟี่ด้านนอก : 10MP (f/2.2), มุมกว้าง 87 องศา
- กล้องเซลฟี่ด้านใน : 10MP (f/2.2), มุมกว้าง 87 องศา
- เสียง : ลำโพงสเตอรีโอ
- แบตเตอรี่ 4,650 mAh
- รองรับชาร์จไว 21W
- รองรับชาร์จไร้สาย Qi Certified
- เครือข่าย : 5G
- การเชื่อมต่อ :
- Wi-Fi 7
- Bluetooth 5.3
- NFC
- USB-C 3.2
- UWB
- เซนเซอร์ : สแกนลายนิ้วมือ / Accelerometer / Gyro / Proximity / Compass / Barometer
- ความทนทาน : IPX8
- ระบบปฏิบัติการ : Android 14 การันตีอัปเดต 7 ปี
- ขนาด :
- เมื่อกาง: 153.2 x 150.2 x 5.1 มม.
- เมื่อพับ: 155.2 x 77.1 x 10.5 มม.
- น้ำหนัก : 257 กรัม
ราคา และการวางจำหน่าย
Pixel 9 Pro Fold เปิดตัวมาด้วยกัน 2 สีคือ สีดำ Obsidian และ สีครีม Porcelain และเริ่มขยายการวางจำหน่ายไปยังหลายประเทศมากขึ้น รวมถึงมาเลเซีย ณ ตอนนี้ก็ได้เริ่มเปิดให้พรีออเดอร์ในสหรัฐฯ แล้ว โดยเปิด “ราคายังไม่รวมภาษี” มาดังนี้
- 16GB + 256GB ราคา 1,799 เหรียญฯ หรือราว 63,000 บาท
- 16GB + 512GB ราคา 1,919 เหรียญฯ หรือราว 67,000 บาท
ที่มา: Google Store (US)
Comment