ในงาน Pixel Fall Launch นอกจากจะมี Pixel 6 และ Pixel 6 Pro แล้ว อีกหนึ่งไฮไลท์ของงานก็คือ Tensor ชิปเซ็ตที่ Google พัฒนาขึ้นมาเอง ชูจุดเด่นด้าน AI, การประมวลผลภาพถ่าย และการรู้จำเสียง หรือ Voice Recognition ซึ่งการพัฒนาชิปเซ็ตเองจะเข้ามาทลายขีดจำกัดการอัปเดตเวอร์ชั่น Android เพราะไม่จำเป็นต้องรอไดร์เวอร์จาก Qualcomm อีกต่อไปแล้ว

Tensor มาพร้อมกับ CPU ตัว Prime Core ทั้งหมด 2 แกน ได้แก่ Cortex-X1 บนเทคโนโลยีเก่า ARMv8 ความเร็ว 2.8GHz มากกว่าชิปเซ็ตเรือธงในปัจจุบันอย่าง Snapdragon 888 หรือ Exynos 2100 ที่มี CPU Prime Core อย่าง Cortex-X1 เพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น โดย Tensor ผลิตบนสถาปัตยกรรมขนาด 5 นาโนเมตร

ส่วนที่เหลือจะเป็น Cortex-A76 จำนวน 2 แกน ความเร็ว 2.25GHz และ Cortex-A55 ตัวประหยัดพลังงานอีก 4 แกน ความเร็ว 1.8GHz ขณะที่ GPU จะเป็นตัวท็อปอย่าง Mali-G78 เหมือน ๆ กับสมาร์ทโฟน Android เรือธงทั่วไป

ความสามารถของ Tensor จะเข้ามาช่วยให้ Pixel 6 และ Pixel 6 Pro สามารถแปลสิ่งต่าง ๆ จากวิดีโอหรือข้อความได้อย่างรวดเร็วด้วยฟีเจอร์ Live Translate และประสิทธิภาพการทำงานของ Voice Recognition ก็จะดียิ่งขึ้นกว่าเดิม นั่นแปลว่าเวลาเราพิมพ์ด้วยเสียง หรือเรียกผู้ช่วยอัจฉริยะขึ้นมา ความแม่นยำจะมีมากขึ้นนั่นเอง โดยทั้งหมดนี้ Tensor สามารถทำให้ Pixel 6 Series ได้ โดยที่ไม่กินแบตเตอรี่เยอะอีกด้วย

Tensor แรงกว่า Snapdragon 765G บน Pixel 5 ถึง 80% 

อีกทั้งการมาของชิป Tensor จะช่วยให้ Pixel 6 และ Pixel 6 Pro มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพียบ ไม่ว่าจะเป็น Face Unblur, Motion Mode และ HDRnet สำหรับวิดีโอ ที่สามารถใช้งานได้ในทุกโหมดการถ่ายวิดีโอ แม้กระทั่งบนความละเอียด 4K@60fps ให้สีสันที่สดและเที่ยงตรง

ภาพตัวอย่าง Motion Mode

นอกจากนี้ Pixel 6 และ Pixel 6 Pro ยังมาพร้อมกับชิปรักษาความปลอดภัย Titan M2 (บวกกับความสามารถของ Tensor) ช่วยป้องกันอันตรายจากเหล่ามัลแวร์หรือ Cyber Attack ต่าง ๆ อีกด้วย แถม Tensor ยังเข้ามาช่วยปลดล็อคให้ Google สามารถอัปเดตซอฟต์แวร์ให้กับ Pixel 6 Series สูงสุดถึง 5 ปีเลยทีเดียว

เปิดตัว Pixel 6 และ Pixel 6 Pro การกลับมาอีกครั้งของมือถือระดับเรือธงจาก Google

ที่มา: google | engadget