ปีนี้ เป็นปีแห่ง AI จริง ๆ แม้ OpenAI จะได้พัฒนา ChatGPT ของตัวเองมาได้ไกลมาก ๆ แล้ว ถึงขั้นออก GPT-4o ซึ่งเป็น GPT เวอร์ชันใหม่ที่อยู่ใน ChatGPT ที่สามารถทำได้หลายอย่าง คิดวิเคราะห์ได้ลึก ได้มากกว่าเดืมมาก ๆ แต่ดูเหมือนว่าการพัฒนาต่อไปของ OpenAI อาจต้องหยุดชะงักไป เมื่อโมเดล AI ใหม่ของ ChatGPT อย่าง GPT-5 ที่มีชื่อรหัสว่า ‘Orion’ กำลังประสบปัญหาเรื่องข้อมูลที่ขาดแคลน ซึ่งทำให้การพัฒนา GPT-5 ต้องหยุดชะงักลง

ซึ่ง GPT-5 ที่มีชื่อรหัสว่า ‘Orion’ มีการคาดการณ์กันว่า จะมาพร้อมกับการพัฒนาในด้านการให้เหตุผล ความแม่นยำของข้อมูล และการลดอคติลงที่มากกว่าเดิม ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในการพัฒนา GPT-5 นั้น เกี่ยวข้องกับกระบวนการฝึกโมเดลและต้นทุนที่สูงมหาศาล

รายงานจาก The Wall Street Journal กล่าวว่า ปัญหาสำคัญประการหนึ่งคือ การขาดแคลนข้อมูลการฝึกที่มีคุณภาพสูง โดยนักวิจัยของ OpenAI พบว่า ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ไม่สามารถให้ชุดข้อมูลที่หลากหลายและเหมาะสมสำหรับการพัฒนาความสามารถของโมเดล GPT-5 นี้ได้อีกต่อไป เพื่อแก้ปัญหานี้ OpenAI เลยหันมาใช้วิธีสร้างข้อมูลสังเคราะห์ โดยอาศัยความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น วิศวกรซอฟต์แวร์ นักคณิตศาสตร์ และนักฟิสิกส์ ในการสร้างเนื้อหาเฉพาะทางอีกด้วย

อีกหนึ่งอุปสรรคคือ ต้นทุนการฝึกโมเดลที่สูงมาก โดยการฝึก GPT-5 แต่ละครั้ง ต้องใช้งบประมาณกว่า 500 ล้านดอลลาร์ แถมต่อให้ลงทุนไปแล้วจำนวนมาก แต่ผลลัพธ์ที่ได้ ก็ยังไม่เป็นไปตามความคาดหวัง แม้จะมีความก้าวหน้าในบางด้าน แต่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการพัฒนาแบบก้าวกระโดดถึงขั้นเป็น GPT-5 ได้ แถมไม่คุ้มกับเงินที่เสียไปด้วย

ซึ่งปัญหาที่ OpenAI เจออยู่นี้ อาจไม่ได้มีแค่ OpenAI เจ้าเดียวที่เจออยู่ แต่รวมถึงคู่แข่งคนอื่น ๆ ในวงการ AI โดยเฉพาะเมื่อแต่บละเจ้า พยายามก้าวข้ามข้อจำกัดของเทคโนโลยีแบบเดิม ซึ่งก็ต้องเจอปัญหาอีกหลายอย่างทั้งในด้านจริยธรรม ด้านเทคนิค และเงินลงทุนที่ต้องเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

ก่อนหน้านี้ได้มีการคาดการณ์กันว่า GPT-5 จะเปิดตัวภายในเดือนธันวาคมนี้ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้การเปิดตัวต้องเลื่อนออกไปแบบไม่มีกำหนด แถมความสามารถของ OpenAI ในการก้าวข้ามข้อจำกัดของตัวเองนี้ ถ้าทำได้ จะมีผลต่อการเป็นผู้นำในวงการ ฤณ ที่นอกจากจะการแข่งขันสูงแล้ว ยังมีโอกาสตกอันดับได้ไม่ยากนักด้วย หากมีผู้ที่ทำได้เหนือกว่าเข้ามาแข่งขัน

ไม่ว่า OpenAI จะสามารถเปิดตัว GPT-5 เข้ามาแช่งขันได้ทันเวลา หรือมีผู้ที่มีความสามารถมากกว่า เปิดตัวโมเดลภาษาที่เก่งกว่าของ OpenAI ได้ ต่างก็มีผลต่อความเป็นผู้นำของ OpenAI ทั้งสิ้น ซึ่งต้องรอดูกันต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้

ที่มา : The Wall Street Journal, Gizmochina