เริ่มวางขายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ iPhone 17 และ iPhone Air โดยที่พวกเราทีมงาน DroidSans ก็ไม่พลาดที่จะเดินทางไปรับเครื่องเพื่อนำมารีวิวให้เพื่อนๆ ทุกคนได้ดูกัน แต่ในระหว่างรอรีวิวเต็มเลยขอพาทุกคนมาดูพรีวิว iPhone Air น้องใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมครอบครัว iPhone กันสักหน่อย สุดยอดดีไซน์ที่มีความบางแค่ 5.6 มม. ตัวเครื่องจริงจะเป็นยังไง!
สัมผัสแรก จับเครื่องจริง iPhone Air

ดีไซน์บางเฉียบ สีพาสเทลโดนใจสุดพรีเมียม
อย่างที่เราได้รู้กันไปแล้วว่า iPhone Air มีความบางตัวเครื่องเพียงแค่ 5.6 มม. และน้ำหนักอยู่ที่ 165 กรัม เท่านั้น ซึ่งนอกนอกเหนือจากความบางตัวเครื่องกับน้ำหนักที่เบามากแล้ว เฉดสีของ iPhone Air ก็เบาบางไม่แพ้กันเลย โดยเปิดตัวมาทั้งหมด 4 สี เริ่มต้นที่ สีดำ (Space Black) กับ สีขาว (Cloud White)

และอีกสองสีอย่าง สีทอง (Light Gold) และ สีฟ้า (Sky Blue) ที่ถ้าหากไม่นำไปวางคู่กับสีขาวหรือลองดูแบบผิวเผิน ก็อาจจะแยกออกได้ยากพอสมควรว่าสีไหนคือสีทองหรือฟ้ากันแน่ iPhone Air เสริมความทนทานด้วยกระจกหน้าจอ Ceramic Shield 2 และด้านหลังตัวเครื่อง Ceramic Shield โดยยังเป็น iPhone รุ่นเดียวในปีนี้ที่ใช้ดีไซน์ไทเทเนียมอยู่


ถ้าใครที่ไม่คิดมากเรื่องสีกับดีไซน์มากสักเท่าไหร่ เน้นถือให้ดูแล้วรู้ทันทีเลยว่าใช้ iPhone หรือ iPhone Air ก็แนะนำเป็น สีขาว (Cloud White) หรืออาจจะเป็น สีฟ้า (Sky Blue) ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยครับ ตัวเครื่องบางเฉียบ น้ำหนักเบ๊าเบา ตอนได้จับถือเครื่องรู้สึกเหมือนไม่ได้ถือโทรศัพท์อยู่เลยด้วยซ้ำ อีกจุดที่ต้องชมเลยคือการทำบาลานซ์ที่ดีมากๆ
iPhone Air มีกล้องตัวเดียวใช้ทำอะไรได้บ้าง

ขยับมาดูที่ด้านหลังตัวเครื่องบริเวณโมดูลกล้องยกสูงแบบใหม่ของ iPhone กันดีกว่า สำหรับกล้องหลัง 1 ตัว Fusion Camera ความละเอียด 48MP ที่ทำให้นึกย้อนไปถึงตอน iPhone 16e เปิดตัวทุกครั้ง ความรู้สึกเวลาได้เห็น iPhone ในช่วงหลังซึ่งมาพร้อมกับกล้องหลังเพียง 1 ตัวก็ทำให้เราอดสงสัยไม่ได้ว่าการใช้งานจริงจะเป็นยังไง
iPhone Air การถ่ายภาพนิ่ง Apple เคลมว่าระยะซูมแบบ 2X สามารถถ่ายภาพได้ที่ความละเอียดเหมือนการซูมออปติคัล (Optical Quality) หรือพูดง่ายๆ ก็คือการการครอปภาพจากกล้องหลักความละเอียดสูงเข้าไปอีกทีหนึ่ง และสามารถซูมแบบดิจิทัลได้สูงสุดที่ระยะ 10X ส่วนการถ่ายวิดีโอรองรับความละเอียดสูงสุด 4K ที่ 60fps และซูมได้สูงสุดในโหมดวิดีโอที่ระยะ 6X เท่านั้น


คิดว่าในมุมของผู้ใช้งานที่ต้องการจะใช้ iPhone อยู่แล้ว และไม่ได้ซีเรียสกับตัวเลขสเปคหรือฮาร์ดแวร์ที่ต้องใส่มาจนล้น ใช้ถ่ายภาพในระยะปกติเป็นหลัก ไม่ต้องการซูมไกล สแกน QR Code จ่ายเงินในชีวิตประจำวัน ไม่มีปัญหาเรื่อง Budget สำหรับ iPhone Air ก็อาจเป็นตัวเลือกที่น่าลองซื้อมาสัมผัสดูสักครั้งครับ
ไม่ต้องมองหา เพราะไม่มีลำโพงตัวที่สอง กับบอกลาถาดใส่ซิม
เป็นกระแสที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดหรือให้แซวกันมาตลอดในช่วงที่ผ่านมา หลังจาก iPhone เปิดตัว iPhone Air อย่างเป็นทางการในคืนนั้น ซึ่งเป็นมือถือราคาเฉียด 4 หมื่นแต่มีลำโพงแค่ตัวเดียวเท่านั้น โดยปกติแล้วเฟรมเครื่องด้านล่างเราจะคุ้นกับการที่มีตั้งแต่ พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C ไมโครโฟน และลำโพง แต่สำหรับ iPhone Air หากเราพลิกมาดูก็จะได้รู้ว่า ลำโพงตัวที่สองเป็นเพียงความฝันเท่านั้น

ทั้งนี้คาดว่าเป็นเพราะโครงสร้างหรือการประกอบภายในของ iPhone Air มีการเอาชิ้นส่วนสำคัญ เช่น เซนเซอร์กล้อง เมนบอร์ด แผงวงจรหลักไปอยู่บริเวณโมดูลกล้องทั้งหมด เพื่อให้พื้นที่ที่เหลือเป็นพื้นที่สำหรับใส่แบตเตอรี่เป็นหลักเลยจำเป็นต้องตัดลำโพงตัวที่สองออกไป ให้ยังรักษาความบางของตัวเครื่องไว้ได้
ถาดใส่ซิมก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ใครซึ่งกำลังจะซื้อ iPhone Air ต้องรู้เอาไว้ก่อน เพราะรองรับการใช้งาน e-SIM เต็มรูปแบบเท่านั้น ไม่สามารถนำซิมการ์ดจริงมาใช้งานร่วมได้
ปุ่ม Action Button กับ Camera Control ยังไม่โดนตัด
ถึงแม้ว่าจะไม่มีลำโพงตัวที่สองกับถาดใส่ซิมจริง iPhone Air ก็ยังเลือกที่จะรักษาจุดเด่นอย่างปุ่ม Action Button และตัวควบคุมกล้อง Camera Control ไว้เป็นอย่างดี ฟังก์ชันการทำงานก็คล้ายเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นก่อนหน้า Camera Control ใช้สำหรับการเรียกเปิดแอปกล้องด่วน ใช้เพื่อกำหนดระยะซูมเข้า-ออก กดเพื่อถ่ายภาพหรือกดค้างเพื่อถ่ายวิดีโอ และใช้สำหรับเลือกสลับเครื่องมือต่างๆ

ในมุมนี้หากมองว่า เหลือดีกว่าขาด ก็โอเคอยู่ครับ เพราะถึงแม้การมาถึงของ Camera Control บน iPhone 16 ส่วนใหญ่แล้วเราจะไม่ค่อยได้ใช้งานตัวควบคุมกล้องสักเท่าไหร่ แต่ในบางสถานการณ์ที่ต้องการใช้งานกล้องหรือถ่ายภาพแบบเร็วๆ (ถึงจะเกิดขึ้นได้ยากมาก) Camera Control ก็เป็นอัศวินขี่ม้าขาวให้เราได้อยู่บ้างเหมือนกัน เช่น จังหวะลนลานแล้วหาไอคอนแอปกล้องไม่เจอหรือนิ้วลื่นปัดผ่านหน้าจอล็อกไม่ได้
ราคาไทย iPhone Air
- ความจุ 256GB ราคา 39,900 บาท
- ความจุ 512GB ราคา 47,900 บาท
- ความจุ 1TB ราคา 55,900 บาท
ซื้อ iPhone 17 อย่าลืมปกป้องตัวเครื่องด้วยฟิลม์กันรอยจาก HI-SHIELD
ซื้อ iPhone 17 รุ่นไหนก็ตาม อย่าลืมนึกถึงฟิลม์ป้องกันรอยจาก HI-SHIELD เพื่อใช้งาน iPhone 17 ได้แบบมั่นใจตั้งแต่วันแรกที่รับเครื่อง วัสดุกระจกคุณภาพสูง Corning Glass ของแท้ 100% ผ่านการทดสอบ Drop Test มาเป็นอย่างดี ถ้าอยากได้การปกป้องรอบตัวเครื่อง DroidSans ขอแนะนำเป็น Exclusive Boxset 3DTriple Strong Max ที่ในเซ็ตจะประกอบด้วย

กระจกกันรอยหน้าจอ 3DTriple Strong Max
ฟิลม์กระจกกันรอยความทนทานสูง 3DTriple Strong Max ที่ผลิตจากกระจก Corning Glass ผ่านการทดสอบดรอปเทสกับความสูงมากถึง 3 เมตร ให้ความแข็งแกร่งมากกว่ากระจกกันรอยทั่วไป 3 เท่า ปกป้องได้ทั่วทั้งหน้าจอ


ตัวฟิลม์กระจกไม่ส่งผลกับการใช้งานหน้าจอ iPhone 17 เพราะมีการเคลือบเทคโนโลยี Oleophobic Electroplate Coating ให้สัมผัสลื่นเหมือนไม่ได้ติดฟิลม์ กันรอยนิ้วมือหรือคราบมันบนหน้าจอ ทำความสะอาดง่ายและติดตั้งสะดวก มีการรับประกันตลอดอายุการใช้งานด้วยนะ

กระจกกันรอยเลนส์กล้อง Aluminium Lens
นอกจากหน้าจอที่ต้องปกป้อง เลนส์กล้องก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะดีไซน์ใหม่ของ iPhone 17 ที่โมดูลกล้องยื่นออกมาจากตัวเครื่อง เวลาตกกระแทกหรือวางกับพื้นผิวที่เรียบก็กังวลว่าเลนส์กล้องจะเป็นรอยหรือเปล่า


กระจกกันรอย Aluminium Lens จาก HI-SHIELD ช่วยแก้ปัญหานี้ได้ เพราะปกป้องเลนส์กล้องของเราได้สูงสุดที่ระดับ 9H ทั้งแรงตกกระแทกหรือรอยขีดข่วน วัสดุส่วนขอบเป็น Aluminium มีสีตรงกับตัวเครื่อง ตัวกระจกมีความใส ติดแล้วก็ยังถ่ายภาพได้คมชัดทุกระยะ ไม่ส่งผลกับคุณภาพของรูป
เคสกันกระแทก Magnetic Shield Case
เคสมีให้เลือกทั้งหมด 2 แบบ ทั้งแบบใสโชว์สีตัวเครื่อง และแบบสีดำด้านสุดพรีเมียม สามารถกันกระแทกได้สูงสุด 1.5 เมตร เพราะผลิตจาก TPU Bayer Germany เสริมมุมกันกระแทกทั้งหมด 4 มุม ป้องกันเลนส์และหน้าจอไม่ให้สัมผัสกับพื้นโดยตรง น้ำหนักเบา จับถนัดมือ ไม่หลุดมือง่าย รองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ชาร์จไร้สาย หรืออุปกรณ์เสริมที่มี Magnetic มีแรงดูดสูง ใช้งานได้แบบมั่นใจ

สำหรับไอเทมเสริมความทนทานให้ iPhone 17 จาก Exclusive Boxset 3DTriple Strong Max ทั้งสามชิ้นแล้วก็ยังมีของแถมสุดพิเศษ Premium Gitf Set มูลค่ารวมกว่า 490 บาท
- HI-SHIELD Mini Storage กระเป๋าเก็บอุปกรณ์
- Snap-on Camera ring ใช้งานร่วมกับเคสในเซ็ทได้
- คูปองส่วนลด 50% สำหรับซื้อเคสพิมพ์ลาย
ช่องทางการซื้อและส่วนลดพิเศษ
สำหรับตัว Boxset จาก HI-SHIELD จะมีให้เลือกหลายราคาหลายแบบ เริ่มต้นตั้งแต่ราคา 1,250 บาท สำหรับผู้อ่นที่อ่านมาจนถึงตอนนี้แล้ว รับส่วนลดพิเศษไปเลยทันที 200 บาท เมื่อใช้โค้ด “HISHDROID” เฉพาะการซื้อบนเว็บไซต์ hishieldgadget.com เท่านั้นนะครับ
สั่งซื้อสินค้าได้แล้ววันนี้ที่ HI-SHIELD Official Shop

Comment