เปิดตัวในไทย พร้อมเปิดให้จองเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ vivo V30 และ vivo V30 Pro สองมือถือรุ่นระดับกลาง แต่สเปคกล้องรอบนี้ถือว่าจัดเต็มที่สุดเท่าที่เคยมีมาของ V Series เพราะให้กล้องความละเอียดสูง 50MP ทุกเลนส์ แถมรุ่นท็อปยังได้กล้อง Telephoto พร้อมเลนส์ และฟีเจอร์กล้องจาก ZEISS แบบจัดเต็มไม่แพ้รุ่นเรือธงเลย และจากที่ได้ไปลองเล่นในงานเปิดตัวมานิดหน่อย เราจะมาสรุปกันว่ารุ่นไหนมีฟีเจอร์อะไร น่าใช้ยังไงบ้าง
ชมดีไซน์ vivo V30 Series
vivo V30 Series ทั้งสองรุ่นมากับดีไซน์เดียวกัน ขนาดเดียวกัน โดยมีจุดเด่นในเรื่องของความบาง ที่ถึงแม้ว่าจะใส่แบตเตอรี่มาให้ถึง 5,000 mAh แต่ก็ยังทำตัวเครื่องได้บางมาก ๆ 7.45 มิลลิเมตรเท่านั้น แถมน้ำหนักยังเบาถือสบายเพียง 186 – 188 กรัม เท่านั้น แถมยังทนน้ำ ทนฝุ่นมาตรฐาน IP54 ด้วย
ซึ่งจุดแตกต่างหลัก ๆ แล้วจะอยู่ที่กล้องที่ในรุ่นมาตรฐานจะมีเพียงแค่ 2 เลนส์ พร้อมสลักคำว่า OIS เพียงเท่านั้น แต่ในรุ่น Pro จะมีทั้งหมด 3 เลนส์ พร้อมเพิ่มโลโก้ ZEISS ไว้ที่กระจกกล้อง และมีน้ำหนักที่ห่างกันเพียงแค่ 2 กรัม ซึ่งแทบไม่รู้สึกว่าต่างกันมากเลย
โดยตัวจอแสดงผลของทั้งสองรุ่นยังมากับสเปคเดียวกัน โดยใช้เป็นจอโค้ง 3D ใช้พาเนล AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว บนความละเอียด 1.5K (2800 x 1260 พิกเซล) รองรับรีเฟรชเรต 120Hz สว่างสูงสุด 2,800 nits รองรับฟีเจอร์สัมผัสได้เมื่อมือเปียกน้ำ อีกทั้งยังรองรับการสแกนลายนิ้วมือใต้จอด้วย
ส่วนสีไฮไลต์ของรุ่นนี้ คือสีฟ้า Shell White ที่สลักลวดลายเปลือกหอยแบบ 3D สวยงาม ตัดกับขอบเฟรมโค้งเงางามได้เป็นอย่างดี และเมื่อลองสัมผัสจะเป็นพื้นผิวแบบด้านไม่ติดรอยนิ้วมือ โดยสีนี้จะมีให้เลือกทั้งในรุ่นมาตรฐาน และรุ่น Pro
นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังมีสีดำ Night Sky Black ที่ใช้วัสดุฝาหลังเป็นกระจกแบบ AG Glass พ่น Glitter สัมผัสด้านสำหรับคนที่ไม่ชอบตัวเครื่องดีไซน์หวาน ๆ และในรุ่นมาตรฐานยังมีอีก 1 สีสวย ๆ อย่างสีเขียว Green Sea ฝาหลังเงางามลวดลายคลื่นน้ำ
ไฟ Aura Light 3.0 ดีไซน์ใหม่ สว่างกว่าเดิม
ตั้งแต่ vivo V27 เป็นต้นมา vivo ได้พัฒนาไฟสำหรับการถ่ายภาพบุคคลในตอนกลางคืน อย่าง Aura Light มาเรื่อย ๆ ในรูปแบบวงแหวน และล่าสุดใน vivo V30 Series ก็พัฒนาดีไซน์มาอีกขั้นโดยดีไซน์ออกมาในลักษณะสี่เหลี่ยม ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมถึง 19 เท่า และให้แสงที่นุ่มนวลกว่าเดิมถึง 50 เท่า
และไฟ Aura Light 3.0 ในรุ่นนี้ยังมีฟีเจอร์ตรวจจับระยะห่างระหว่างไฟกับวัตถุ ทำให้ปรับความสว่างเวลาถ่ายภาพคนได้อย่างเหมาะสม แถมยังสามารถตรวจจับสภาพแสงในพื้นที่ที่เราถ่าย พร้อมปรับสีไฟเป็นโทนอุ่น หรือโทนเย็นให้เข้ากับฉากแบบอัตโนมัติ เพื่อให้ภาพดูเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังสามารถปรับสีต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเองผ่านแอปกล้องด้วย
vivo V30 Series กล้องต่างกันตรงไหน?
ถึงแม้ว่าดีไซน์จะคล้ายกันจนแทบแยกไม่ออก แต่ในเรื่องกล้องเรียกได้ว่าต่างอย่างสุดขั้ว เพราะใน vivo V30 รุ่นมาตรฐาน จะมาพร้อมกับกล้องหลังระบบ VCS ที่ทาง vivo พัฒนาเองเพียง 2 ตัว ส่วน vivo V30 Pro จะได้กล้องที่ใช้เลนส์จาก ZEISS 3 ตัว ซึ่งเมื่อเทียบรายละเอียดสเปคแล้ว มีดังนี้
รุ่น / สเปคกล้อง | vivo V30 | vivo V30 Pro |
กล้องหลัก | OmniVision OV50E 50MP (f/1.88) ขนาด 1/1.55″ กันสั่น OIS / PDAF | Sony IMX920 50MP (f/1.88) ขนาด 1/1.49″ กันสั่น OIS / PDAF |
กล้อง Ultrawide | ISOCELL JN1 50MP (f/2.0) ขนาด 1/2.76″ ระบบ Auto Focus มุมกว้าง 119 องศา | |
กล้อง Telephoto | – | Sony IMX816 50MP (f/1.85) Optical Zoom 2x (50มม.) ขนาด 1/2.51″ PDAF |
กล้องเซลฟี่ | ISOCELL JN1 50MP (f/2.0) ขนาด 1/2.76″ ระบบ Auto Focus มุมกว้าง 92 องศา | |
ระบบกล้อง | vivo VCS | ชิ้นเลนส์ พร้อมระบบกล้องจาก ZEISS |
ฟีเจอร์กล้องบน vivo V30 คร่าว ๆ
ถึงแม้ว่า vivo V30 จะเป็นแค่เพียงตัวเริ่มต้น และไม่ได้เลนส์ ZEISS ที่ฟีเจอร์ที่ให้มาในรุ่นนี้ก็ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะสามารถปรับได้ทั้งโทนภาพที่มีให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ โทนสดใส, โทนมีมิติ และโทนธรรมชาติ สามารถเลือกปรับได้จาก UI ตัวกล้องง่าย ๆ สำหรับโหมด Portrait ถึงแม้ว่าจะไม่มีกล้อง Telephoto มาให้ แต่ก็การใช้ซอฟต์แวร์ช่วยครอปให้เป็นระยะ 2 เท่า ซึ่งพอทดแทนกันได้อยู่พอสมควร
สำหรับงานวิดีโอนั้นก็ถือว่ามีให้ใช้แบบครบครัน รองรับการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหลังที่ความละเอียดสูงสุดถึง 4K@30FPS เช่นเดียวกับกล้องหน้าที่สามารถถ่ายได้สูงสุดที่ 4K@30FPS เช่นกัน ซึ่งต้องบอกตรง ๆ ว่าหาได้ค่อนข้างยากสำหรับมือถือราคานี้
และใครที่ชอบเปิดลายน้ำอวดเพื่อน ๆ บนโซเชียล vivo V30 ก็มีลายน้ำให้เลือกหลากหลายรูปแบบ แถมยังมีลายน้ำพิเศษที่สามารถตรวจจับสีจากภาพถ่าย แล้วนำมาใช้เป็นสีของกรอบลายน้ำได้ด้วย
ฟีเจอร์กล้องบน vivo V30 Pro คร่าว ๆ
เมื่อ vivo V30 Pro ได้ Co-Engineering จาก ZEISS ฟีเจอร์กล้องต่าง ๆ ก็ต้องจัดเต็มกว่า แทบจะยกรุ่นเรือธง X Series มาไว้ในรุ่นกลางเกือบทุกประการ อย่างโทนของภาพก็มีโหมด ZEISS Natural Tone ให้เลือกใช้งาน แถมยังรองรับการถ่ายวัตถุใกล้ด้วยโหมด Telephoto Macro ด้วย
นอกจากนี้ vivo V30 Pro ยังมาพร้อมกับโหมด ZEISS Portrait ที่สามารถเบลอหลัง พร้อมเอฟเฟ็กต์โบเก้สวย ๆ ตามแบบฉบับของเลนส์ ZEISS มาให้เลือกกันแบบครบ ๆ ถึง 6 แบบ ด้วยกัน ทั้ง Biotar, Planar, Distagon, Sonnar, Cine-flare รวมถึง ZEISS Cinematic ที่จะปรับภาพให้เป็นอัตราส่วนแนวยาวแบบ 2.39:1 เหมือนถ่ายภาพยนตร์เลยทีเดียว
แน่นอนว่าถ้า Collab กับ ZEISS ในรุ่นนี้เลยมีแถบลายน้ำพิเศษที่มีแถบโลโก้ซิกเนเจอร์จากแบรนด์กล้องหรูให้เลือกเปิด และปรับแต่งกันเพิ่มเติมถึง 3 แบบด้วยกัน และยังมีลายน้ำแบบปรับสีได้ให้เลือกใช้งานเหมือนรุ่นมาตรฐานเช่นกัน
ส่วนงานวิดีโอในรุ่นนี้ก็ได้ยกระดับไปอีกขั้นจากชิปประมวลผลที่มีประสิทธิภาพที่ดีกว่า โดยสามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K@60FPS ได้ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง เหมาะกับการนำไปใช้ถ่ายงาน Vlog ต่าง ๆ โดยที่ไม่ต้องจ่ายแพงเท่ามือถือเรือธงเลย
สเปคอื่น ๆ ที่แตกต่างกันของ vivo V30 Series
vivo V30 Series ทั้งสองรุ่นยังมีอีก 1 จุดแตกต่างที่สำคัญ คือเรื่องของชิปเซตประมวลผล โดยในรุ่นมาตรฐานนั้นจะใช้เป็นชิป Snapdragon 7 Gen 3 พร้อมชนิดหน่วยความจำ RAM LPDDR4x และ ROM UFS 2.2 มีให้เลือก 2 รุ่นความจุ ได้แก่ 12GB + 256GB และ 12GB + 512GB
ส่วนในรุ่น Pro นั้นจะได้สเปคการประมวลผลที่ดีกว่าอีก 1 ระดับ โดยจะได้ใช้ชิปเชตอย่าง Dimensity 8200 และจะใช้ชนิดสตอเรจที่รวดเร็วกว่าอย่าง RAM LPDDR5x และ ROM UFS 3.1 และมาพร้อมกับความจุจัดเต็ม 12GB + 512GB ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยอื่น ๆ สามารถดูได้จากตารางด้านล่างเลย
ตารางเทียบสเปค | vivo V30 | vivo V30 Pro | |
จอภาพ | ประเภท | จอโค้ง AMOLED 3D ความสว่างสูงสุด 2800 นิต | |
ขนาด | 6.78 นิ้ว | ||
ความละเอียด | 1.5K (2800× 1260 พิกเซล) | ||
อัตรารีเฟรช | 120Hz | ||
ประสิทธิภาพ | ชิปเซต | Snapdragon 7 Gen 3 | Dimensity 8200 |
หน่วยความจำ | LPDDR4x 12GB | LPDDR5x 12GB | |
สตอเรจ | UFS 2.2 256GB / 512GB | UFS 3.1 512GB | |
ระบบปฏิบัติการ | FunTouch OS 14 บนพื้นฐาน Android 14 | ||
กล้อง | กล้องหลัก | OmniVision OV50E 50MP (f/1.88) ขนาด 1/1.55″ กันสั่น OIS / PDAF | Sony IMX920 50MP (f/1.88) ขนาด 1/1.49″ กันสั่น OIS / PDAF |
กล้อง Ultrawide | ISOCELL JN1 50MP (f/2.0) ขนาด 1/2.76″ ระบบ Auto Focus มุมกว้าง 119 องศา | ||
กล้อง Telephoto | – | Sony IMX816 50MP (f/1.85) Optical Zoom 2x (50มม.) ขนาด 1/2.51″ PDAF | |
กล้องเซลฟี่ | ISOCELL JN1 50MP (f/2.0) ขนาด 1/2.76″ ระบบ Auto Focus มุมกว้าง 92 องศา | ||
ระบบกล้อง | vivo VCS | ชิ้นเลนส์ พร้อมระบบกล้องจาก ZEISS | |
เสียง | ลำโพง | ลำโพงเดี่ยว | |
เครือข่าย | เทคโนโลยี | 5G | |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi | Wi-Fi 6 (Dual-Band) | |
Bluetooth | 5.4 | 5.3 | |
การเชื่อมต่ออื่น ๆ | NFC USB Type-C 2.0 | ||
แบตเตอรี่ | ความจุ | 5000mAh | |
การชาร์จ | ชาร์จไว 80W | ||
ตัวเครื่อง | มาตรฐานทนน้ำ | IP54 | |
ขนาด | 164.36 × 75.1 × 7.45 มม. | ||
น้ำหนัก | 186 กรัม | 188 กรัม |
vivo V30 Series ควรซื้อรุ่นไหนดี
สำหรับใครที่อยากได้มือถือที่ใช้งานได้แบบครบ ๆ ทั้งกล้องสวย เล่นเกมได้ ในราคาที่ไม่สูงเกินไป vivo V30 Series ถือว่าเป็นซีรีส์ที่ลงตัวที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2024
แต่ถ้าให้เลือกระหว่าง 2 รุ่นนี้ ถ้าใครที่มีงบค่อนข้างจำกัด ไม่ถึงหมื่นห้า vivo V30 รุ่นธรรมดาถือว่าตอบโจทย์มาก ๆ แล้ว เพราะต้องบอกว่าจริง ๆ แล้วตัวชิป Snapdragon 7 Gen 3 มีประสิทธิภาพความแรงต่างกันเพียงราว ๆ 10 – 15% เท่านั้น ส่วนกล้อง Telephoto ที่ถูกตัดหายไป ยังพอมีระบบ Digital Zoom ที่พอใช้งานทดแทนได้อยู่ในกรณีที่ใช้กล้องไม่บ่อย
แต่ถ้าอยากได้สเปคที่จัดเต็ม ได้กล้องหลังเทพจาก ZEISS และมีกล้อง Telephoto ให้ได้ถ่าย Portrait สไตล์ ZEISS แบบสวย ๆ พร้อมงานวิดีโอที่จัดเต็มราวกับเรือธง ยังไงก็ต้องจัดเต็มกับรุ่น vivo V30 Pro เท่านั้น เพราะจะได้ใช้งานกล้องที่เต็มอรรถรสมากขึ้นอีกเป็นกอง
ราคา และการวางจำหน่าย
vivo V30 เริ่มวางจำหน่ายเป็นทีเรียบร้อยแล้ว โดยจะมีตัวเครื่องให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ Shell White สีฟ้าขาวลายเปลือกหอย, Green Sea สีเขียวน้ำทะเลลายสะท้อนน้ำ และสีดำ Night Sky Black กระจก AG Glass และมีให้เลือก 2 รุ่นความจุ ดังนี้
- 12GB + 256GB ราคา 14,999 บาท
- 12GB + 512GB ราคา 17,499 บาท
โดยผู้ที่สั่งซื้อตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป จะได้รับของสมนาคุณ V30 Series 5G Premium Gift Box มูลค่า 10,499 บาท ภายในประกอบด้วยเคส 2 ชิ้น พร้อมสายคล้องสะพายข้าง และ E-VIP Card รับประกันตัวเครื่องเพิ่มเป็น 2 ปี และประกันหน้าจอแตก 1 ครั้ง ภายใน 2 ปีแรก
ส่วน vivo V30 Pro จะมีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ Shell White สีฟ้าขาวลายเปลือกหอย และสีดำ Night Sky Black กระจก AG Glass และมีเพียงรุ่นความจุเดียว คือ
- 12GB + 512GB ราคา 19,999 บาท
ผู้ที่สั่งจองระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 14 มีนาคม 2567 จะได้รับของสมนาคุณรวมมูลค่ากว่า 12,278 บาท ได้แก่ ส่วนลด 500 บาท หูฟัง vivo TWS 3e มูลค่า 1,799 บาท และ V30 Series 5G Premium Gift Box มูลค่า 10,499 บาท
สำหรับผู้ที่สั่งซื้อตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป จะได้รับของสมนาคุณ V30 Series 5G Premium Gift Box มูลค่า 10,499 บาท
Comment