ระบบปฏิบัติการ Android ที่เรารู้จักกันดีในอุปกรณ์มือถือ และแท็บเล็ตทั้งหลายตอนนี้ก็มีอายุครบ 13 ปี เรียบร้อยแล้วในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2020 โดยวันแรกที่ Google ได้ทำการเปิดตัวระบบ Android อย่างเป็นทางการให้ชาวโลกได้รู้จักก็คือวันที่ 5 พฤศจิกายน 2007 (2550) ย้อนกลับไปเมื่อ 13 ปีที่แล้วนั่นเองครับ…แต่จะมีใครรู้บ้างว่าจริงๆ แล้ว Android มีวันเกิดด้วยกันถึง 2 วันเลยนะ
ระบบ Android มีวันเกิด 2 วัน?
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ถูกถกเถียง และแย่งกัน Happy Birthday มาโดยตลอด ซึ่งจะบอกว่าแต่ละฝ่ายต่างก็ไม่ได้ผิดอะไร แค่มองไปที่คนละวัน คือ วันที่ Android ปฎิสนธิ และวันที่ Android เกิดมาบนโลกเป็นครั้งแรก (อารมณ์เหมือนคนจีนนับอายุกัน +1 ปี เพราะนับเวลาที่อยู่ในท้องแม่ด้วยนั่นแหละ) โดยวันที่ระบบ Android ปฏิสนธิ หรือถูกก่อตั้งและแนะนำตัวสู่ชาวโลกอย่างเป็นทางการจาก Google คือวันที่ 5 พฤศจิกายน 2007 ส่วนวันที่ Android คลอดออกมาเป็นตัว หรือวันที่มือถือระบบ Android รุ่นแรกถูกเปิดตัวออกมา คือวันที่ 23 กันยายน 2008 นั่นเองครับ
5 พฤศจิกายน 2007 กำเนิดระบบปฏิบัติการ Android
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2007 เป็นวันที่กลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจ ของบริษัทผู้พัฒนามาตรฐานเปิดสำหรับอุปกรณ์พกพา หรือ Open Handset Alliance (OHA) ได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการ โดย OHA ประกอบด้วย 78 บริษัท มีทั้ง Google, Acer, ASUS, Dell, HTC, Samsung, Sony, Motorola ฯลฯ และได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Android ขึ้นมาในวันนั้นเอง
จริงๆ แล้วก่อนหน้าการเปิดตัว Android ได้มีข่าวลือมากมายว่า Google อาจจะเปิดตัวสมาร์ทโฟนเป็นของตัวเองในชื่อ Gphone หลังจากที่ Google ได้เข้าซื้อกิจการ Startup เล็กๆ ที่มีชื่อว่า Android แต่สุดท้ายแล้วเจ้าพ่อ Search Engine ก็ได้ประกาศว่าระบบ Android จะเป็นแพลตฟอร์มแบบ Open Source ให้ใครเอาไปใช้ก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่าเหล่าบริษัทพันธมิตร OHA ก็ได้เข้าคิวเพื่อนำเอาระบบ Android ไปใช้กับอุปกรณ์ของตัวเองต่อไป
คลิปแนะนำระบบ Android ครั้งแรก
23 กันยายน 2008 กำเนิดมือถือ Android รุ่นแรก
แต่ถ้าหากว่าจะนับวันเกิดตั้งแต่ที่มีมือถือ Android รุ่นแรกเผยโฉมออกมาสู่โลก วันนั้นก็คือวันที่ 23 กันยายน 2008 ซึ่งมีการเปิดตัวมือถือระบบปฏิบัติการ Android รุ่นแรกของโลกออกมาสู่สายตาประชาชน นั่นก็คือ HTC Dream หรือ T-Mobile G1 ที่มาพร้อมกับหน้าจอสัมผัส, ปุ่มโทรออก, วางสาย, ปุ่ม Home, ปุ่ม Back, ปุ่มทิศทาง, คีย์บอร์ด QWERTY สไลด์ และแน่นอนว่ามากับระบบ Android 1.0 ด้วย
HTC Dream / T-Mobile G1
มือถือรุ่นดังกล่าวพร้อมวางจำหน่ายครั้งแรกในอีก 1 เดือนถัดมา ก็คือวันที่ 22 ตุลาคม 2008 ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ค่อนข้างง่อย และมีฟีเจอร์ครึ่งๆ กลางๆ ทำอะไรไม่ได้มาก โดยหลังจากนั้นได้มีการเปิดเผยจาก Andy Rubin หนึ่งในบิดาผู้ให้กำเนิดระบบ Android ว่าจริงๆ แล้วมันน่าจะเรียกว่า Android 0.8 ด้วยซ้ำ เนื่องจากการพัฒนาต่างๆ ยังไม่สมบูรณ์ดี แต่โดนกดดันให้วางจำหน่ายให้ทันช่วงเทศกาลคริสมาสต์
ซึ่งหลังจากนั้นระบบ Android ก็ได้ถูกพัฒนา ปรับปรุง อุดรอยรั่ว และช่องโหว่ต่างๆ ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มใช้ชื่อขนมหวานในการเรียกชื่อรุ่นต่างๆ ไล่ตามตัวอักษรตั้งแต่ Android 1.5 (Cupcake) จนถึง Android 9 (Pie) ซึ่งหลังจาก Pie แล้ว Google ก็หันกลับมาเรียกชื่อรุ่นเป็นหมายเลขเหมือนเดิม คือ Android 10 และ Android 11 ในปัจจุบัน เนื่องจาก Google เห็นว่าการตั้งชื่อรุ่นตามขนมหวานจะทำให้ผู้ใช้งานเกิดอาการสับสน ก็เลยหันกลับมาใช้ตัวเลขที่บอกปุ๊บก็เข้าใจได้เลย ไม่ต้องมานั่งไล่ตัวอักษรนำหน้าว่ารุ่นไหนมาก่อน รุ่นไหนมาหลัง
- Android 1.0
- Android 1.5 Cupcake
- Android 1.6 Donut
- Android 2.0-2.1 Eclair
- Android 2.2 Froyo
- Android 2.3 Gingerbread
- Android 3.0 Honeycomb
- Android 4.0 Ice Cream Sandwich
- Android 4.1-4.3 Jelly Bean
- Android 4.4 KitKat
- Android 5.0 Lollipop
- Android 6.0 Marshmallow
- Android 7.0 Nougat
- Android 8.0 Oreo
- Android 9.0 Pie
- Android 10
- Android 11
เหล่ารูปปั้น Android ตามชื่อรุ่นต่างๆ
ก็นับว่าเป็นการเดินทางของระบบปฏิบัติการมือถือที่เรียกว่ายาวนานเลยทีเดียว ซึ่งอย่างที่บอกไปว่าปีนี้ก็ก้าวเข้าสู่ปีที่ 13 แล้ว ก็มาร่วมสุขสันต์วันเกิดให้กับเจ้า Android ไปด้วยกัน และมานั่งลุ้นกันว่าเมื่อมันมีอายุที่มากขึ้น เราจะได้เห็นฟีเจอร์อะไรใหม่ๆ ว้าวๆ ที่จะช่วยให้เราใช้ชีวิตได้สะดวกสบายมากขึ้นอีกในอนาคตครับ
ที่มา : Androidpolice, Indiatoday
ผ่านไปเร็วมาก จาก10ปีที่แล้วเพื่อนๆใช้BB กับ iPhone Nokia เพื่อนทั้งห้องไม่มีใครใช้ มือถือของเราเป็นเครื่องเดียวที่สามารถดูผล Smart l ได้เพราะรองรับ FlashPlayer ในสมัยนั้น สมัยนั้นมือถือแต่ละค่ายมีการแข่งขันด้านนวัตกรรมกันสูงมาก ทั้งกลายร่างเป็นแทปเล็ต ฉายโปรเจคเตอร์ Air gesture GloveMode BestFace Smart stay มีชื่อ micro HDMI หายไปหมด กลายเป็นสะแกนนิ้วใต้จอกับกล้องpopup ที่ดูเท่ๆ (punch hole display ก็ถือว่าดี) RefreshRate 90Hz++ เพิ่มmem ก็เริ่มหายไป ที่จริงน่าจะเป็นTripple Slot มากกว่า Hybrid Slot
ปล.ดีใจมากที่ได้ไปร่วมงานDroidsans Meeting จากเมื่อก่อนตอนเด็กไม่ค่อยมีเงินไปร่วมงาน(ได้ไป3ที) แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาไปร่วมงานT^T