ลองสัมผัส ลองจับ HMD Pulse+ และ Pulse Pro มือถือซีรีส์แรกภายใต้แบรนด์ HMD ที่มาในราคาสุดคุ้ม ไม่เกิน 5 พันบาท แต่ได้งานประกอบสุดพรีเมี่ยม ดีไซน์มินิมอล, ได้ Pure Android โล่ง ๆ ลื่น ๆ ไม่มีโฆษณากวนใจ, แบตอึด 5,000 mAh ใช้งานได้ยาวนาน, จอใหญ่แบบไม่ต้องเพ่ง, ลำโพงเดี่ยวแต่เสียงดังฟังชัดและมีช่องต่อหูฟังด้วย เหมาะแก่การซื้อให้คนที่อยากใช้มือถือฟีเจอร์ไม่เยอะ แต่มีให้ครบ ๆ หรือซื้อให้ผู้สูงอายุใช้งานแบบสุด ๆ

แกะกล่อง HMD Pulse+ และ Pulse Pro

HMD Pulse+ และ Pulse Pro สิ่งที่ให้มาในกล่องทั้งคู่ก็มีทั้ง ตัวเครื่อง, เคสใส่มือถือ, คู่มือ, พอร์ตชาร์จและสายชาร์จ

ตัวเครื่องดีไซน์พรีเมี่ยม งานประกอบดี

ตัวเครื่องของ HMD Pulse+ และ HMD Pulse Pro มาพร้อมจุดเด่นแรกเลยคือเรื่องของดีไซน์ที่มีความเรียบง่าย มินิมอล ทำให้ดูมีความพรีเมี่ยม หรูหราน่าสัมผัส เมื่อลองจับให้ความรู้สึกเหมือนถือมือถือดีไซน์ยุโรปเลย โดยสีที่เราได้มา HMD Pulse Pro เป็นสีดำ Black Ocean และ HMD Pulse+ เป็นสีน้ำเงินเข้ม Midnight Blue

และถ้าหากดูใกล้ ๆ จะสังเกตได้ว่างานประกอบมีความเนี้ยบมาก ๆ ตั้งแต่ขอบเครื่องไปจนถึงปุ่มต่าง ๆ รอบเครื่อง ถ้าเทียบกับราคาที่ได้ถือว่าทำในจุดนี้ออกมาได้ดีเลยทีเดียว

ส่วนเรื่องการวางตำแหน่งปุ่ม ทั้งสองเครื่องได้มีการออกแบบรูปลักษณ์มาให้เหมือนกันแบบ 1:1 คือ มีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่ม Power อยู่ข้างขวาข้างเดียวกัน ส่วนด้านซ้ายจะเป็นช่องใส่ซิม ด้านล่างตัวเครื่องก็จะมีรูหูฟัง 3.5 มม. พอร์ตชาร์จ, ไมโครโฟน และลำโพงค่ะ

สำหรับรุ่น HMD Pulse+ ฝาหลังจะเป็นวัสดุผิวสัมผัสแบบแมทตต์ ข้อดีคือ เวลาจับเครื่องจะทำให้ไม่ทิ้งเป็นรอยนิ้วมือ ต้องมานั่งเช็ดออก ส่วนรุ่น Pulse Pro จะเป็นฝาหลังแบบกระจก เวลาที่แสงสะท้อนบนฝาหลังจะเห็นเป็นกลิตเตอร์สีน้ำเงินระยิบระยับสวยมาก ข้อดีคือให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมสุด ๆ แต่ข้อสังเกตคือเป็นรอยนิ้วมือง่ายสุด ๆ เหมือนกัน และอีกจุดนึงที่ชอบเลยก็คือ ตัวเครื่องสามารถถอดประกอบได้ง่าย ถ้าอยู่ยุโรปสามารถซื้ออะไหล่มาซ่อมแล้วเปลี่ยนได้เลย แต่อยู่เมืองไทยก็ส่งซ่อมศูนย์เอาสะดวกกว่า

สเปค HMD Pulse Pro และ HMD Pulse+

ตารางเทียบสเปคHMD Pulse ProHMD Pulse+
จอภาพประเภทจอ IPS LCD
ความสว่างสูงสุด 600 นิต
ขนาด6.56 นิ้ว
ความละเอียดHD+ (720 x 1612 พิกเซล)
อัตรารีเฟรช90Hz
ประสิทธิภาพชิปเซตUnisoc T606
หน่วยความจำ6GB4GB
สตอเรจ128GB
รองรับ microSD Card 256GB
ระบบปฏิบัติการAndroid 14
การันตีอัปเดต OS 2 เวอร์ชั่น
กล้องกล้องหลัก50MP
กล้อง DepthQVGA
กล้องหน้า8MP50MP
เสียงลำโพงลำโพงเดี่ยว OZO Audio
มีช่องเชื่อมต่อหูฟัง 3.5 มม.
เครือข่ายเทคโนโลยี4G
การเชื่อมต่อWi-FiWi-Fi 5
Bluetooth5
การเชื่อมต่ออื่น ๆUSB Type-C 2.0
แบตเตอรี่ความจุ5000 mAh
การชาร์จ20W10W
ตัวเครื่องสแกนลายนิ้วมือข้างตัวเครื่อง
มาตรฐานทนน้ำIP52
ขนาด163.19 x 75.02 x 8.55 มม.163.19 x 75.02 x 8.45 มม.
น้ำหนัก196 กรัม187 กรัม

จอใหญ่ ไม่ต้องเพ่ง

ทั้งคู่ได้หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.56 นิ้ว รีเฟรชเรตลื่น 90Hz ความละเอียด HD+ (720 x 1612 พิกเซล) สามารถใช้งานได้ทั่วไปทั้งในร่มและกลางแจ้ง และขนาดจอมีความใหญ่พอที่สามารถดูคอนเทนต์ได้แบบไม่ต้องเพ่ง

ลองใช้จอแบบจริงจัง อย่างการลองปรับตัวอักษรให้ใหญ่สุดและเล็กสุดเพื่อดูว่าจอยังคมและอ่านได้สบายตาหรือไม่ เมื่อปรับจอไปที่ขนาดใหญ่ พวกไอคอนต่าง ๆ และตัวอักษรก็อ่านได้สบายตาเลย ในจุดนี้ผู้สูงอายุต้องชอบแน่ ๆ จากนั้นได้ลองปรับจอไปที่ขนาดเล็กสุด ทำให้เห็นว่าการแสดงผลต่าง ๆ ก็ไม่ได้คมกริบมาก แนะนำปรับขนาดกลาง ๆ ดีสุด

การปรับตัวอักษรใหญ่สุด
การปรับตัวอักษรเล็กสุด

ส่วนเรื่องสีของจออยู่ในระดับที่สบายตา ไม่ได้สดจ้าจนเกินไป แต่มีข้อสังเกตนิดนึงตรงเรื่องมุมมองของจอ เวลาที่บิดจอซ้ายขวาจะเห็นได้ว่าแสงจอมีความดรอปลงเล็กน้อย แต่ไม่ได้มีสีเหลือบ สีเพี้ยนให้เห็น ตัวจอให้ความสว่างสูงสุดมาอยู่ที่ 480 นิต แต่ถ้าใช้งานกลางแจ้งแล้วกลัวว่าจะไม่พอ ก็เข้าไปเปิด Adaptive Brightness ได้ ตัวจอจะปรับความสว่างมาให้สูง 600 นิต

เปิด Adaptive Brightness

ลื่นไหลตามสไตล์ของ Pure Android

จุดเด่นอีกหนึ่งเรื่องของรุ่นนี้เลยก็คือเป็นมือถือ Pure Android นี่แหละ ซึ่งไม่มีการปรับแต่งระบบหรือครอบทับด้วยระบบอื่น ๆ เหมือนมือถือ Android ทั่วไป ซึ่งหน้า Home UI ก็จะมีความโล่ง ๆ เรียบ ๆ ดูแล้วสบายตา ใช้งานได้ลื่น ๆ และที่สำคัญ คือ ไม่มีโฆษณามากวนใจด้วย และเมื่อเทียบกับมือถือรุ่นอื่น ๆ ในเรทราคาเดียวกัน บางรุ่นยังได้ Android 13 อยู่เลย แต่ว่า HMD เค้าให้เป็น Android 14 ตั้งแต่แกะออกมาจากกล่องเลยจ้า

ลำโพงเดี่ยว แต่เสียงดังฟังชัด

ถึงแม้ว่า HMD Pulse+ และ Pulse Pro จะให้ลำโพงเดี่ยว OZO Audio มา แต่ว่าได้ให้เสียงที่ดังฟังชัด โดยเฉพาะตอนเล่นเกม รู้สึกได้ว่าได้ยินชัดกว่าตอนเปิดดูคอนเทนต์ทั่วไปอีก และขอเสริมอีกนิดที่คิดว่าคนชอบฟังเพลงน่าจะถูกใจเลยก็คือเค้ามีรูหูฟัง 3.5 มม. มาให้ด้วย

ชิป Unisoc T606

ด้วยความที่ทั้งคู่ได้ใช้ชิปตัวเดียวกันเลยก็คือ Unisoc T606 เมื่อทดสอบเล่นเกมแล้วจึงรู้สึกว่าไม่ค่อนเห็นความต่างสักเท่าไหร่ แต่ที่เห็นได้ชัดเลยคือเรื่องของความอึดแบตเตอรี่ เล่นเกมยาว ๆ แล้วแบตยังไม่ค่อยลดเลย และเราก็ได้มีการสรุปผลทดสอบประสิทธิภาพชิปของทั้งคู่ได้ ดังนี้

สำหรับเกมฮิตทั่วไปอย่าง ROV, PUBG หรือว่า Freefire ถือว่าอยู่ในระดับที่พอเล่นได้ แต่ต้องเลือกปรับพวกความละเอียด รีเฟรชเรท และกราฟิกในระดับกลางหรือระดับสมดุล จะได้เล่นได้ลื่นไหลมากขึ้นกว่าเดิม ไม่มีปัญหาเรื่องการกระตุกตอนเข้าไฟต์มากนัก

กล้องหลัก 50MP

HMD Pulse Pro

HMD Pulse Pro ได้ให้กล้องหลักความละเอียดเท่ากันอยู่ที่ 50MP ถ่ายภาพกลางวันได้ปกติ มีฟีเจอร์ให้ครบแถมยังสามารถปรับแต่งตามใจชอบได้ ในโหมด Photo มีฟังก์ชันเอาใจสายถ่ายภาพให้สามารถปรับ Beauty และ Skin Tone ได้ ซึ่งตัว Skin Tone จะมีให้เลือกทั้ง Natural และ Bright ถ้าชอบหน้าสว่าง ๆ หน่อยก็ให้เลือกไปที่ Bright เลย แต่จากที่ดูภาพรู้สึกว่ายิ่งปรับผิวเยอะ หน้าเราจะยิ่งดูแข็ง แนะนำให้ปรับเลือกแบบ Natural จะดีกว่า สำหรับรุ่น HMD Pulse Pro กล้องตัวที่สองให้มาเป็นกล้อง Depth 2MP มาช่วยเก็บภาพ Portrait หรือจับระยะความลึกให้

ตัวอย่างภาพจาก HMD Pulse Pro

การปรับ Beauty และ Skin Tone

ตัวอย่างรูปจากการปรับ Beauty และ Skin Tone

ตัวอย่างวิดีโอจาก HMD Pro

สำหรับการถ่ายภาพในที่แสงน้อย ตัวเครื่องก็มีโหมด Night มาให้ ทำให้สีสันของภาพดูชัดและสว่างมากขึ้นกว่าเดิมแม้ว่าแสงในห้องที่ถ่ายจะน้อยมาก ๆ ก็ตาม และการประมวลผลค่อนข้างจะช้าไปนิด ต้องอดทนรอนิดนึง

กล้องเซลฟี่ 50MP

ข้อแตกต่างของสองรุ่นนี้เลยก็คือเรื่องความละเอียดของกล้องเซลฟี่นี่แหละ HMD Pulse Pro ให้มาสูงเหมือนกล้องหลักอยู่ที่ 50MP แถมยังรองรับ Selfie Gesture ด้วยนะ เพียงแค่ชู 2 นิ้ว ก็ถ่ายรูปได้แบบไม่ต้องกดปุ่ม และยังมีลูกเล่นอื่น ๆ ที่น่าสนใจอย่างโหมด Selfie Slow Motion ถ่ายวิดีโอกล้องหน้าแบบช้า ๆ เท่ ๆ ได้เลย

ตัวอย่างภาพกล้องหน้าจาก HMD Pro

HMD Pulse+

มาที่ HMD Pulse+ รุ่นนี้กล้องหลักเหมือนกับรุ่น HMD Pulse Pro เลย ให้ฟังก์ชันมาแน่น ๆ เหมือนกัน แน่นอนว่าถ่ายภาพกลางวัน ภาพวิว หรือภาพคนได้ออกมาดีไม่แพ้กัน ส่วนกล้องตัวที่สองของ HMD Pulse+ จะเป็นเพียง Depth QVGA เท่านั้น ส่วนกล้องเซลฟี่ให้มาอยู่ที่ 8MP เท่านั้น ภาพที่ได้ก็จะออกมาคมชัดประมาณนี้เลย

ภาพจาก HMD Pulse+

ตัวอย่างภาพ Selfie จาก HMD Pulse+

ตัวอย่างวิดีโอจาก HMD Pulse+

แบตอึด ใช้งานนาน

ทั้งสองรุ่นได้ให้แบตเตอรี่ความจุเท่ากันอยู่ที่ 5,000 mAh ซึ่งทาง Nokia ได้เคลมว่าสามารถใช้งานทั่วไปได้นานสูงสุด 3 วัน เลยทีเดียว ซึ่งความแตกต่างของทั้งสองรุ่นอีกหนึ่งจุดจะอยู่ที่เรื่องของการรองรับชาร์จไวนี่แหละ โดย HMD Pulse Pro รองรับชาร์จไว Fast Charge PD 20W ส่วน HMD Pulse+ รองรับชาร์จไว Fast Charge 10W

ซึ่งหลังจากที่แบตเตอรี่เต็ม 100% เราก็ได้ใช้งานเครื่องเหมือนการใช้งานประจำวันทั่วไปเลย คือ ดูคอนเทนต์ ไถ TiKTok ถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ ซึ่ง HMD Pulse Pro ใช้เวลา 8 แบตเตอรี่ลดเหลือ 35% และ HMD Pulse+ ใช้งานไป 7 ชั่วโมง แบตเตอรี่ลดเหลือ 41% ถือว่าอึดใช้ได้

สรุป

หลังจากที่ลองใช้งานทั้ง 2 รุ่นมา บอกเลยว่าเหมือนได้ใช้งาน Nokia อีกครั้ง และนับว่าเป็นมือถือสเปคคุ้มค่าตัวจริง ๆ เพราะว่าได้ทั้งงานประกอบพรีเมี่ยม จับแล้วฟีลดีสุด ๆ แถมยังได้ Android 14 เลยด้วยอีกทั้งยังการันตีอัปเดต Android 2 ปี หรือได้เลย 2 เวอร์ชัน แพทช์ความปลอดภัยอัปเดตให้ 3 ปี นอกจากนี้ในเรื่องของหน้าจอ การแสดงผล ดีไซน์ UI ต่าง ๆ ทำออกมาได้ดี แบตเตอรี่ใช้งานได้นานข้ามวัน ใครที่อยากใช้มือถือแบบฟีเจอร์ไม่ล้นมาก แนะนำคู่นี้เลย หรือจะซื้อให้ผู้สูงอายุใช้ก็ดีไม่น้อย อย่างป้าของผู้เขียนชอบนั่งไถ TikTok ทั้งวัน แบตไม่ค่อยชาร์จ เหมาะกับมือถือรุ่นนี้สุด ๆ

ข้อดี

  • จอใหญ่ ดูได้ไม่ต้องเพ่ง
  • ได้ Pure Android คลีน ๆ สบายตา ไม่มีโฆษณากวนใจ
  • สเปคคุ้มราคา ให้ฟีเจอร์มาครบ
  • รุ่น HMD Pulse Pro ให้กล้องหน้าความละเอียดสูง 50MP
  • แบตอึด ใช้งานได้นานข้ามวัน
  • ดีไซน์สวย งานประกอบดูดี
  • การันตีอัปเดต Android ให้ 2 ปี และแพทช์ความปลอดภัย 3 ปี

ข้อสังเกต

  • HMD Pulse Pro จะเป็นฝาหลังแบบกระจก ทำให้เป็นรอยนิ้วมือง่าย
  • ชิป Unisoc T606 ไม่เหมาะนำไปเล่นเกมหนัก ๆ
  • ในการถ่ายภาพกลางคืนเครื่องประมวลผลช้า

ราคา

HMD Pulse Pro และ HMD Pulse+ จะเริ่มวางจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป ที่ตัวแทนจำหน่าย HMD ทั่วประเทศ ร้าน TG Fone ทั่วประเทศและในช่องทางออนไลน์ HMD Official Shop ส่วนราคา และสีตัวเครื่องที่วางจำหน่าย มีดังนี้

  • HMD Pulse+ (4GB + 128GB) ราคา 3,790 บาท
    • สีที่วางจำหน่ายในไทย: สีน้ำเงินเข้ม Midnight Blue และ สีเขียว Glacier Green
  • HMD Pulse Pro (6GB + 128GB) ราคา 4,790 บาท
    • สีที่วางจำหน่ายในไทย: สีดำ Black Ocean