HMD Skyline เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วในตลาดโลก กับดีไซน์ที่ชวนให้คิดถึง Nokia Lumia ในเรื่องความเหลี่ยมที่หายไปจากตลาดมานาน หยิบชิป Snapdragon 7s Gen 2 มาใช้งาน แถมยังเคลมเรื่องการออกแบบตัวเครื่องให้ซ่อมด้วยตัวเองได้ง่าย ขันน็อตด้านล่างจุดเดียว ก็สามารถแยกฝาหลังออกมาเปลี่ยนแบตได้เลย การันตีด้วยคะแนนซ่อมง่ายจาก iFixit ถึง 9 / 10 คะแนน

เปิดตัว HMD Skyline

HMD Skyline เปิดตัวมากับดีไซน์ระดับคลาสสิก ขอบเฟรมโลหะเหลี่ยม เมื่อมองจากด้านบนเครื่องจะมีความโค้งเล็กน้อย เว้นที่ตัวเฟรมกับตัวจอแสดงผล ให้ดูเหมือนใส่เฟรมคลุมเครื่องอีกที วัสดุฝาหลังใช้กระจกเสริมความพรีเมียม ดึงร่างของ Nokia Lumia ในอดีตมาไว้ได้อย่างลงตัว ทนทานละอองน้ำมาตรฐาน IP54 และมีปุ่ม Custom Button ที่สามารถตั้งค่าเรียกเปิดแอปด่วน หรือเปิดฟีเจอร์ลัดได้ทันทีด้วย

ตัวจอแสดงผลมาในขนาด 6.55 นิ้ว พาเนล pOLED ความละเอียด Full HD+ (1080 x 2400 พิกเซล) รองรับรีเฟรชเรตลื่นไหลสุด ๆ 144Hz สว่างสูงสุด 1,000 nits รองรับการแสดงผลคอนเทนต์ HDR10 บนอัตราส่วน 20:9 ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 3 ระบบเสียงให้ลำโพงคู่สเตอริโอ พร้อมโหมด OZO Audio

กล้องถ่ายภาพรุ่นนี้มีให้ครบทุกระยะ 3 ตัว ได้แก่กล้องหลัก 108MP มีระบบกันสั่น Hybrid OIS + EIS, กล้อง Ultrawide 13MP และกล้อง Telephoto x2 50MP รองรับฟีเจอร์ซูมชัดสูงสุด 4 เท่า ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ อีกทั้งยังมีโหมดถ่ายวิดีโอเสียงรอบทิศทาง พร้อมตัดเสียงลม OZO Spatial Audio capture และกล้องเซลฟี่ก็ให้มาชัดไม่แพ้กัน 50MP รองรับ Auto Focus ด้วย

ด้านประสิทธิภาพ HMD Skyline เลือกใช้ชิประดับกลางอย่าง Snapdragon 7s Gen 2 ส่วนรุ่นความจุมีให้เลือก 3 ขนาด 8GB + 128GB / 8GB + 256GB / 12GB + 256GB ให้แบตเตอรี่มาที่ 4,600 mAh รองรับการชาร์จแบบครบครันทั้ง ชาร์จเร็วผ่านสาย USB-C 33W และชาร์จไร้สาย Qi2 15W รองรับชาร์จไวให้อุปกรณ์เสริมแบบไร้สาย 5W

ตัวเครื่องติดตั้งมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 14 แบบคลีน ๆ เสริมด้วยฟีเจอร์ Detox Mode ปิดการแจ้งเตือนทุกแอปโซเชียลเพื่อความสงบของชีวิต พร้อมการันตีอัปเดต OS ให้ 2 เวอร์ชั่น (ถึง Android 16) + อัปเดตแพตช์ความปลอดภัยให้ 3 ปี

ชูจุดเด่นเรื่องซ่อมง่าย

HMD Skyline ออกแบบตัวเครื่องมาให้ซ่อมง่ายเป็นพิเศษการันตีด้วยคะแนน 9 เต็ม 10 จาก iFixit โดยขันน็อตเพียงแค่ตัวเดียวด้านล่างก็สามารถเปิดฝาหลังเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ หรือจอแสดงผลได้ด้วยตัวเองภายในสิบนาที และได้จับมือกับ iFixit สอนวิธีซ่อมแบบละเอียด และบริการขายอะไหล่ และอุปกรณ์แกะตัวเครื่องให้ไปซ่อมได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ ด้วย

สเปค HMD Skyline

  • จอภาพ : pOLED ขนาด 6.55 นิ้ว
    • ความละเอียด Full HD+ (1080 x 2400 พิกเซล)
    • สว่างสูงสุด 1,000 นิต
    • อัตรารีเฟรช 144Hz
    • รองรับ HDR10
  • ชิปเซต : Snapdragon 7s Gen 2
  • RAM: 8GB / 12GB
  • ROM: 128GB / 256GB
    • รองรับ MicroSD Card สูงสุด 512GB
  • กล้องหลัง :
    • กล้องหลัก 108MP, กันสั่น OIS + EIS
    • กล้องอัลตราไวด์ 13MP
    • กล้องเทเลโฟโต้ 50MP, ซูม Optical 2x (50 มม.)
  • กล้องหน้า : 50MP, รองรับ Auto Focus
  • ระบบเสียง : ลำโพงคู่สเตอริโอ
    • รองรับ OZO Audio
  • แบตเตอรี่ : 4,600 mAh
    • รองรับชาร์จไว 33W
    • รองรับชาร์จไร้สาย 15W
  • การเชื่อมต่อ
    • 5G
    • Wi-Fi 6E
    • Bluetooth 5.2
    • NFC
  • พอร์ต
    • USB-C 2.0
  • เซนเซอร์ : สแกนลายนิ้วมือข้างตัวเครื่อง, accelerometer, gyro, proximity, e-compass, barometer
  • ความทนทาน : IP54
  • ระบบปฏิบัติการ : Android 14
    • การันตีอัปเดต OS 2 เวอร์ชั่น + แพตช์รักษาความปลอดภัย 3 ปี
  • ขนาด : 159.84 x 75.66 x 8.9 มม.
  • น้ำหนัก: 209.5 กรัม

ราคา และการวางจำหน่าย

HMD Skyline เริ่มวางจำหน่ายในยุโรปแล้ว มีให้เลือก 2 สี ได้แก่สีชมพู Neon Pink และสีดำ Twisted Black โดยราคา และรุ่นความจุที่วางจำหน่ายในยุโรปเปิดมาดังนี้

  • 8GB + 128GB ราคา 499 ยูโร หรือราว ๆ 19,600 บาท
  • 8GB + 256GB ราคา 549 ยูโร หรือราว ๆ 21,600 บาท
  • 12GB + 256GB ราคา 599 ยูโร หรือราว ๆ 23,500 บาท

ในไทยตอนนี้ยังไม่มีการเผยรายละเอียดการวางจำหน่ายออกมา ซึ่งถ้าเข้ามาวางจำหน่ายจริงราคาน่าจะถูกกว่ายุโรปราว ๆ 15 – 30% ส่วนจะเข้ามารึเปล่าต้องรอลุ้นกันอีกที

ที่มา: HMD Global