นาย Bobby Cha ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการของบริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติเกาหลี ชื่อ Enspert ได้บอกกับนิตยสาร C Mag ว่า สเปคขั้นต่ำของอุปกรณ์ที่จะสามารถใช้กับแอนดรอยด์ 2.4 Honeycomb ( หรือ 3.0 ) คือ โพรเซสเซอร์แกนคู่ dual-core ARM Cortex-A9 และหน้าจอ 7นิ้ว ความละเอียดขั้นต่ำ 1280×720 ขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าเจ้า Galaxy Tab ตัวยอดฮิตที่ออกมาก่อนหน้านี้จะไม่สามารถใช้ได้!!

ซึ่งข่าวนี้อาจเป็นเพียงข่าวลือเพราะยังไม่มีการยึนยันจากทาง Google แต่อย่างใด แต่หากว่าข่าวนี้เป็นความจริงก็จะเป็นฝันร้ายของผู้ใช้ Samsung Galaxy Tab เลยทีเดียวเพราะว่าที่ให้มากับเครื่องนั้นเป็นเพียงโพรเซสเซอร์แกนเดี่ยว Hummingbird 1GHz ตัวเดียวกับที่ใช้บน Galaxy S และหน้าจอที่มีความละเอียดเพียง 1024×600 ซึ่งอาจจะได้รับการอัพเกรดสูงสุดเพียง Gingerbread เท่านั้น

งานนี้ก็เหมือนเป็นการล็อคเสปกกันเล็กน้อย โดย NVIDIA Tegra 2 จะเป็นเพียงโพรเซสเซอร์ตัวเดียวที่ตรงกับสเปคนี้และหน้าจอที่ที่เข้าข่ายก็จะมีเพียงเจ้า Motorola Droid Xoom ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นแทบเลทตัวแรกที่จะสามารถใช้ Honeycomb ได้ งานนี้ Google อาจจะพยายามขีดเส้นแบ่งระดับบน-ล่างหรือแทบเล็ต-โทรศัพท์ของ Android อยู่ก็ได้ แต่ปัญหาของเจ้า Galaxy Tab มันดันไปตกอยู่ในระดับล่างหรือโทรศัพท์นั่นแหละ แต่อย่างไรก็ตามเหล่าผู้ใช้ Galaxy Tab ก็คงไม่ยอมหยุดแค่เพียง Gingerbread และคงพยายามหาทาง port มาลงกันได้อยู่ดี แล้ว Nexus S ที่เพิ่งออกมาก็คงไม่ใช่ว่าจะถูกหยุดการพัฒนาแน่ๆ และน่าติดตามว่า Samsung ค่ายผู้ผลิตจะมีความเคลื่อนไหวอย่างไรให้แก่เหล่าสาวกด้วย เพราะมันคงดูไม่จืดถ้า Samsung ทำเพียงแค่รับสภาพและปล่อยให้ผู้ซื้อต้องรับเคราะห์กรรมไป

เราคงต้องรอดูกันว่าเรื่องเท็จจริงจะเป็นอย่างไรในสัปดาห์นี้กับงาน Consumer Electronics Show [CES] ที่ลาสเวกัส,เนวาดา

ที่มา : erictric, androinica และ pcworld

*Update*
ตอนนี้นาย Dan Morrill ซึ่งเป็นTech Lead ออกมาฟันเฟิร์มแล้วว่า ไม่มีความต้องการขั้นต่ำสำหรับเจ้า Honeycomb นะครับ
งานนี้นายแดนก็มีแซวโดยใส่ tag #dejavu เข้ามาด้วย เพราะก่อนหน้านี้ก็มีดราม่าเรื่องความต้องการขั้นต่ำของ Gingerbread มาทีนึงแล้ว ซึ่งตอนนั้นก็งานเข้าบริษัทผู้ผลิตนั้นไปเต็มๆ ^^ แต่เอาจริงๆแม้จะมีความต้องการขั้นต่ำจริงก็ใช่ว่าเหล่าเมพจาก xda จะหาทางแก้เอากันไม่ได้ซะที่ไหน ฉะนั้นก็ไม่ต้องห่วงหรอกจ้า 😀

ไปดูทวิตต้นทางของนาย Dan Morrill ที่นี่ @morrildl