รีวิว HONOR Magic7 Pro เรือธงกล้องซูม 200 MP ที่ใส่เต็มทั้งสเปค ลำโพง หน้าจอ และ AI ที่ขอปลอดภัยกว่า

หลังจากที่แวบไปแวบมามานานมาก สำหรับ HONOR ที่ได้ปล่อยทีเซอร์ของสมาร์ตโฟนเรือธงใหม่ของตัวเองตั้งแต่งาน Snapdragon Summit ที่จะเปิดตัวชิปเซตเรือธงอย่าง Snapdragon 8 Elite นู่นเลย ไปจนถึงการเปิดตัวในจีน มาเลเซีย และในที่สุดมันก็มาสู่ประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว กับ ‘HONOR Magic7 Pro’ เครื่องนี้นั่นเอง มันทำอะไรได้บ้าง มีอะไรดีขึ้นกว่าเดิมอีกบ้าง

สเปคของ HONOR Magic7 Pro ที่ขายในไทย

• จอภาพ : หน้าจอ LTPO OLED ขนาด 6.8 นิ้ว
  • ความละเอียด 1280 x 2800 พิกเซล
  • สว่างสูงสุด 1600/5000 นิต
  • อัตรารีเฟรช 1-120Hz
  • รองรับ Dolby Vision, HDR
• ชิปเซต : Snapdragon 8 Elite (3 nm)
• RAM 12GB
• Storage 512GB ไม่รองรับ microSD Card
• กล้องหลัง :
  • กล้องถ่ายภาพหลัก 50 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/1.4-2.0, ขนาดเซนเซอร์ 1/1.3″, ขนาดพิกเซล 1.2µm, รองรับโฟกัส dual pixel PDAF, กันสั่น OIS
  • กล้องอัลตราไวด์ 50 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.0, ระยะเลนส์ 12mm, 122˚, ขนาดเซนเซอร์ 1/2.88″, ขนาดพิกเซล 0.61µm, ระบบโฟกัส dual pixel PDAF
  • กล้องเทเลโฟโต้ 200 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.6, ระยะเลนส์ 60mm, ขนาดเซนเซอร์ 1/1.4″, ระบบโฟกัส PDAF, OIS, 3x optical zoom, 100x digital zoom
• กล้องหน้า : 50 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.0, ระยะเลนส์ 22mm, ขนาดเซนเซอร์ 1/2.93″, ขนาดพิกเซล 0.6µm, รองรับออโต้โฟกัส
  • มีกล้องเสริม 3D สำหรับสแกนใบหน้า
• ระบบเสียง : Stereo ลำโพงเสียงใหญ่พิเศษ, DTS:X® Ultra sound effects
• แบตเตอรี่ : 5,850 mAh
  • รองรับชาร์จไว 100W
  • รองรับชาร์จไร้สาย 80W
• การเชื่อมต่อ
  • 5G
  • Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6/7
  • Bluetooth 5.4
  • NFC
  • Infrared
• พอร์ต
  • USB Type-C 3.2 Gen 1
  • ซิม : Dual SIM (Nano-SIM, dual stand-by)
• เซนเซอร์ : สแกนนิ้วบนหน้าจอแบบ ultrasonic, Face ID, accelerometer, gyro, proximity, compass, color spectrum, SOS via satellite
• ความทนทาน : IP69 / 68
• ระบบปฏิบัติการ : MagicOS 9 บนพื้นฐานของ Android 15
• ขนาด : 162.7 x 77.1 x 8.8 มม.

ดีไซน์รอบตัวเครื่อง

เริ่มจากดีไซน์รอบตัวเครื่องของ HONOR Magic7 Pro เครื่องนี้ก่อน คือรุ่นนี้แค่สัมผัสแรกก็รู้ได้เลยว่ามีการปรับดีไซน์มาดีขึ้นเลย เริ่มจากกรอบกล้องก่อน คราวนี้ไม่ได้ใช้ดีไซน์ตามแบล็กโฮลอะไรแล้ว เปลี่ยนไปใช้แบบ ‘Cosmos-Inspired’ แทน โดยได้ผสมผสานความประณีตแบบเป๊ะ ๆ ไปพร้อมกับความโมเดิร์นของการออกแบบแทน เลยออกมาเป็นกรอบกล้องที่มีหน้าตาคล้ายกับ Jade Cong หรือเครื่องหยกแบบจีนโบราณที่จะมีเหลี่ยมมุมนิ้ด ๆ นั่นเอง

แต่ที่สังเกตเห็นได้คือดีไซน์ของตัวเครื่องมีความเรียบหรูที่มากขึ้นกว่าเดิม คือเปลี่ยนไปใช้ดีไซน์แบบขอบเหลี่ยมเล็กน้อยแทนที่จะเป็นแบบโค้งมนแล้ว และยังทำฝาหลังแบบเรียบขึ้น ไม่โค้งมนแล้ว แต่ก็ดูสมมาตรมากขึ้นเหมือนกัน โดยเฉพาะจากการวางโมดูลกล้องให้สมมาตรด้วยนั่นเอง

ตัวเครื่องยังทำการจับถือมาได้ดีด้วยนะ ด้วยความที่ตัวเครื่องเป็นแบบแบนแล้ว ทำให้การจับถือเครื่องทำได้แน่นมากขึ้นไปด้วย คือจากที่ถือใ้มา อาจจะมีข้อสังเกตแค่เรื่องของน้ำหนักที่อาจจะค่อนข้างหนักหัวอยู่บ้างอีกเล็กน้อย ซึ่งเป็นจุดที่คู่แข่งเริ่มแก้ไขกันมาได้แล้ว แต่ถ้ารับเรื่องน้ำหนักได้ เรื่องของดีไซน์รอบตัวเครื่องของ HONOR Magic7 Pro เครื่องนี้ถือว่าไม่มีข้อกังขาใด ๆ เลย

สีที่วางขายในประเทศไทยมีอยู่ 3 สีครับ เรียกว่ามาครบในรุ่น Global เลย ที่เรารีวิวอยู่ เรียกว่าสีเทา Lunar Shadow Gray ซึ่งเป็นสีขาวแบบมีสีเทาเป็นลายเหมือนริ้วหมอกปนอยู่ข้างใน HONOR บอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจากพระจันทร์บนท้องฟ้า ถือว่าทำออกมาได้สวยเลยทีเดียวครับ แถมยังเป็นกระจกแบบขัดด้านด้วยนะ นอกจากนั้นยังมีสี Breeze Blue ซึ่งเป็นสีฟ้าอ่อน ๆ และ Black ซึ่งเป็นสีดำขัดด้าน ที่จะมีความเรียบกว่าเล็กน้อย แต่ถือว่าทำออกมาได้สวยงามไม่แพ้กันเลย

ไหน ๆ พูดถึงวัสดุแล้ว HONOR ยังคงเน้นการออกแบบสมาร์ตโฟนให้มีความแข็งแรงเหมือนเดิมครับ โดยกระจกหน้าจอของ HONOR Magic7 Pro นั้นมาพร้อมกับหน้าจอ HONOR NanoCrystal Shield ที่ยังคงสามารถทนต่อการตกกระแทกได้ดีมาก ๆ แถมยังได้ผ่านมาตรฐานการกันตกกระแทก 5 ดาว จาก SGS ด้วย นอกจากนั้น HONOR Magic7 Pro ยังสามารถกันน้ำกันฝุ่นได้ในระดับ IP68 และ IP69 ด้วย คือทั้งกันน้ำได้ลึก 1.5 เมตร 30 นาที และกันน้ำแรงดันสูงได้ด้วย

กล้องถ่ายภาพ

กล้องถ่ายภาพของ HONOR Magic7 Pro คราวนี้ได้มีการออกแบบมาใหม่เลย คือปรับขนาดของเซนเซอร์กล้อง และเลนส์ของกล้องถ่ายภาพให้เล็กลง เลยทำให้ดูสวยงามขึ้นนั่นเอง โดยกล้องถ่ายภาพหลักของ HONOR Magic7 Pro เป็นกล้อง Super Dynamic HONOR Falcon Camera คือเป็นกล้องที่ถ่ายภาพได้เร็วแบบตาเหยี่ยวเหมือนเดิม เป็นกล้องความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสงแบบปรับได้ตั้งแต่ f/1.4 – f/2.0 และมีการกันสั่น OIS ด้วย เลนส์นี้อยู่ด้านล่างซ้ายตามภาพด้านล่างนะ

ส่วนกล้องถ่ายภาพมุมกว้างมาก เป็นกล้องความละเอียด 50 ล้านพิกเซลเหมือนกัน มุมกว้าง 122 องศา f/2.0 โดยสามารถใช้ถ่ายมาโครได้ในตัว กล้องนี้อยู่ด้านบนซ้ายของภาพด้านบน และกล้องถ่ายภาพซูมบริเวณด้านล่างขวาของภาพด้านบน ที่แม้จะเหมือนว่าลดขนาดลง แต่ความละเอียดเพิ่มขึ้น เป็นกล้องถ่ายภาพซูมความละเอียด 200 ล้านพิกเซล f/2.6 ขนาดเซนเซอร์​ 1/1.4 นิ้ว สามารถถ่ายภาพ Optical Zoom ได้ที่ 3 เท่า (ระยะเทียบเท่า 60mm) และถ่ายภาพซูมแบบ Digital Zoom ได้ 100 เท่า และมีการกันสั่น OIS ด้วย และกล้องหน้า เป็นกล้องความละเอียด 50 ล้านพิกเซล f/2.0 กว้าง 90 องศาเหมือนกัน

ส่วนกล้องหน้า แม้ว่าจะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นมา ก็เพราะว่าฝั่งกล้องหน้าให้กล้องมา 2 ตัว ตัวหนึ่งคือกล้องถ่ายภาพ 50 ล้านพิกเซล f/2.0 มุมกว้าง 90 องศา ส่วนอีกตัว ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นกล้องถ่ายภาพ แต่เป็น 3D Depth Camera ที่ใช้ในการแสกนหน้าเพื่อปลดล็อกเครื่อง ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ให้มายาวตั้งแต่ Magic3 Pro แล้ว

การถ่ายภาพทั่วไป

กล้องถ่ายภาพทั่วไป สามารถถ่ายภาพและประมวลผลออกมาได้ค่อนข้างดีทีเดียวครับ โดยตัวเครื่องอาจจะมีการจูนสีที่เน้นความสดอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ก็สามารถเลือกโหมดสีได้ 3 แบบ คือ Natural, Vibrant, Authentic ซึ่งส่วนมากเราใช้ Natural ในการถ่าย

ลองดูตัวอย่างภาพด้านล่างได้เลย

เพราะจริง ๆ ส่วนตัวแล้ว มองว่าโหมดสี Natural จะให้สีที่สมจริงมากที่สุดนะ ส่วนความคมชัดของภาพจากกล้องถ่ายภาพหลักถือว่าทำได้ดีสุดเลย แต่ที่ลองถ่ายภาพมาในหลากหลายสถานการณ์มาก ๆ แล้วนั้น พบว่าโทน Authentic ถือว่าเป็นโทนภาพที่เหมาะจะถ่ายภาพสถาปัตยกรรมมาก ๆ อีกโทนหนึ่งเลย ด้วยโทนสีที่มีการลดโทน และมีคอนทราสต์ที่เพิ่มขึ้นมาอยู่บ้าง เลยทำให้การถ่ายภาพสถานที่ ๆ เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะโบราณสถานของไทยนั้น ถ่ายออกมาได้ดูสวย และมีสตอรี่ไม่น้อยเลยทีเดียว

นอกจากนั้น ที่น่าสนใจคือสามารถปรับ Aperture หรือรูรับแสงเพื่อถ่ายภาพแบบมีโบเก้ เก็บระยะชัดตื้น ชัดลึกได้ดีขึ้นจากการที่กล้องมีรูรับแสงที่ปรับได้แบบนี้นั่นเอง ซึ่งจะมีข้อดีมาก ๆ ก็ตอนที่เราต้องการจะถ่ายไฟแฉก หรือดวงไฟที่มีรูปร่างเป็นดาวหลายแฉก ซึ่งจะทำได้ ต้องมาจากกล้องที่ส่องผ่านรูรับแสงที่หุบเข้ามาเล็กน้อยเท่านั้น

การถ่ายภาพซูม

ส่วนกล้องถ่ายภาพซูม ด้วยเซนเซอร์ความละเอียด 200 ล้านพิกเซล กับเซนเซอร์ขนาด 1/1.4 นิ้ว ทำให้ภาพระยะ Optical ที่ 3 เท่านั้น สามารถถ่ายภาพออกมาได้คมชัดในแบบที่ใช้ควบคู่กับกับกล้องถ่ายภาพหลักได้เลย แต่ว่า ถ้าจำกันได้ ใน HONOR Magic6 Pro ขนาดของเลนส์ซูมถือว่าให้มาใหญ่มาก ๆ จากขนาดหน้าเซนเซอร์ และเลนส์ที่ใหญ่ ใน Magic7 Pro มีการเน้นเรื่องของดีไซน์มากขึ้น เลยทำขนาดของกล้องถ่ายภาพที่เล็กลงมาบ้าง ทำให้ภาพที่ถ่ายออกมา แม้จะไม่ได้ถือว่าชัดจนเว่อ แต่ก็ชัดพอที่จะสามารถใช้สลับกับกล้องถ่ายภาพหลักได้เลย HONOR บอกว่าสามารถใช้ Lossless Zoom ได้ถึง 12 เท่าเลย ด้วยการครอปภาพจากเลนส์กล้องถ่ายภาพซูมนี้ล้วน ๆ ซึ่งยังสามารถซูมเพื่อหวังผลได้โอเคเลย

ส่วนเวลาซูมเข้าไปลึก ๆ ตั้งแต่ระยะ 30x – 100x ก็จะมี AI Super Zoom ที่จะเพิ่มความละเอียดของกล้องถ่ายภาพซูม ด้วยการใช้ AI ในการเพิ่มความละเอียดภาพถ่ายซูมระยะลึก ๆ ให้ดีกว่าเดิม โดยเงื่อนไขคือจะต้องใช้การถ่ายภาพตั้งแต่ 30x ขึ้นไป และตัวเครื่องต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก่อนด้วยนะ

พูดถึง HONOR เองก็ได้ใส่โหมดถ่ายคอนเสิร์ทมากับเขาเหมือนกันนะ กับ ‘Stage Mode’ หรือโหมดถ่ายเวที ที่ใช้ความสามารถของกล้องถ่ายภาพซูม 200 ล้านพิกเซลมาใช้งาน ทำให้ได้ภาพเวทีที่เก็บรายละเอียดได้ดี แม้แสงรอบข้างจะค่อนข้างมืดก็ตาม

ส่วนกล้องถ่ายภาพมุมกว้างมาก ถือว่าสามารถถ่ายออกมาได้สีที่ต่อเนื่องกับกล้องถ่ายภาพหลักไม่น้อย ถือว่าสามารถใช้งานได้ในกรณีที่อยากได้ภาพที่กว้างกว่าเดิม

หนึ่งในฟีเจอร์ที่ HONOR ให้ความสำคัญกับสมาร์ตโฟนเรือธงมาโดยตลอด (แถมตอนนี้เริ่มลงไปถึงรุ่นน้องแล้ว) อย่าง ‘AI Motion Sensing Capture’ ก็ยังใส่มาใน HONOR Magic7 Pro เครื่องนี้อยู่นะ โดยยังสามารถถ่ายภาพการเคลื่อนไหว เหตุการณ์ต่าง ๆ หรือกระทั่ง Snap ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้นเร็วได้แบบอัตโนมัติจากการที่ AI เรียนรู้ฉากการถ่ายภาพต่าง ๆ มาได้ดีอยู่ด้วย

ที่เพิ่มเข้ามาก็คือ ‘HD Super Burst’ ที่จะทำให้สามารถถ่ายภาพที่เราต้องการจะถ่ายแบบเร็ว ๆ ด้วยการรัวชัตเตอร์ได้เร็วมาก ๆ สมมติเราอยากถ่ายแมวเคลื่อนไหว พอเราเห็นว่ามันจะเคลื่อนไหว ก็กด HD Super Burst ค้างไว้ได้เลย พอเสร็จแล้วค่อยเลือกภาพที่เราเห็นว่าสวยที่สุด แล้วนำภาพไปใช้ต่อได้

หลักการทำงานง่าย ๆ คือตัวเครื่องจะ Burst Shot ถ่ายภาพหลาย ๆ ช็อตพร้อม ๆ กันด้วยความเร็วสูง โดยยังไม่ประมวลผลภาพ จากนั้น พอเราเลิกถ่าย ตัวเครื่องถึงค่อยประมวลผลออกมา ภาพจากโหมดนี้จะประมวลผลน้อยกว่าหน่อยครับ เช่นไม่มี HDR แล้ว ดังนั้นโหมดนี้เลยเหมาะกับสถานที่ที่เป็นกลางแจ้งมากกว่า ที่มีแสงเยอะอยู่แล้ว จะได้ภาพที่ชัดกว่า

และในด้านการถ่ายภาพคน HONOR Magic7 Pro กได้ร่วมมือกับ Harcourt Studio สตูดิโอถ่ายภาพสัญชาติฝรั่งเศส ในการช่วยปรับจูนโหมดการถ่ายภาพบุคคลเหมือนเดิม พร้อมกับได้เอาโหมดการถ่ายภาพบุคคล 3 แบบ อย่าง Harcdourt Vibrant, Harcourt Color และ Harcourt Classic ให้เลือกเหมือนเดิม

แถมยังมี AI Enhanced Portrait ที่ใช้ AI ในการเพิ่มคุณภาพของภาพถ่ายบุคคล แยกเส้นผมให้ชัดเจน และทำให้การถ่ายภาพบุคคลดูสวยงามกว่าเดิม (ส่วนตัวว่าใช้ AI ยังดูแปลก ๆ อยู่ และ โหมดนี้จะปิดโบเก้ออกด้วย)

หน้าจอ

HONOR Magic7 Pro ให้หน้าจอมาที่ขนาด 6.8 นิ้ว เป็นหน้าจอกระจกแบบ Micro-quad-Curved ที่โค้งนิดเดียว 4 ด้านเท่ากัน ซึ่งกระจกครอบจอแบบ HONOR NanoCrystal Shield จะทำให้ทนต่อการกระแทกได้ดีอยู่ด้วย ในขณะที่เนื้อจอด้านในเป็นหน้าจอ AMOLED รีเฟรชเรต 1-120Hz ความสว่างสูงสุด 5000 nits (HDR Peak) และ 1600 nits (HBM) ครับ ซึ่ง HONOR ก็มีจุดเด่นด้านการเป็นสมาร์ตโฟนที่มีหน้าจอถนอมสายตาด้วย HONOR เลยชูจุดนี้ด้วยการออก ‘Natural Light HONOR AI Eye Comfort Display’ มา โดยเป็นกลุ่มฟีเจอร์ถนอมสายตาจากหน้าจอกว่า 7 อย่าง ที่ออกมาถนอมสายตาเราโดยเฉพาะ ประกอบไปด้วย

1. PWM Flicker Free Dimming 4320Hz คือการกระพริบจอความถี่สูง ให้ตาเราไม่ล้า
2. ของใหม่ล่าสุดอย่าง ‘Circular Polarized Display’ ที่จะจำลองการส่งคลื่นแสงของหน้าจอ โดยให้คลื่นแสงส่งมาเป็นรูปวงกลม เพื่อจำลองการทำงานของแสงตามธรรมชาติ ซึ่งทำให้ตาเราใช้สารลูทีน ซึ่งเป็นสารสีที่อยู่ในดวงตาเราน้อยลง ทำให้แสงสีฟ้าทำร้ายตาได้น้อยลง, ตาแห้งยากขึ้น และอาการตาล้าน้อยลงไปด้วยเลย
3. Dynamic Dimming ที่ลดความสว่างหน้าจอแบบไดนามิก ไม่ให้สว่างเกินไป
4. Hardware Low Blue light ที่จะลดการฉายแสงสีฟ้าลงด้วยตัวฮาร์ดแวร์
5. Natural Tone Display ที่เป็นโทนสีของหน้าจอที่จะปรับให้เข้ากับแสงที่อยู่รอบข้าง
6. AI Defocus Display ที่เป็นการแสดงภาพในจอที่ชัดน้อยลงเล็กน้อย คือปล่อยโฟกัสออก แล้วให้ตาของเราทำหน้าที่ในการปรับโฟกัสให้ตรงพอดี โดยที่ไม่ต้องเพ่งแบบไม่ตั้งใจมากนัก
7. AI Circadian Night Display ที่จะให้หน้าจอแสดงผลแสงสีฟ้าในระดับที่ลดผลกระทบต่อดวงตาได้น้อยลง เพื่อให้นอนหลับได้ดียิ่งขึ้น

ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือรวมอยู่ในจอรุ่นเดียวเลย และแม้จะเป็นจอภาพที่ถนอมสายตามาก ๆ แต่ก็ยังแสดงผลสีได้โอเค และใช้เสพคอนเทนต์ได้ดีเหมือนเดิม

ตัวหน้าจอมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ 3D Ultrasonic คือใช้คลื่นเสียงในการสแกนนิ้ว ซึ่งสามารถสแกนนิ้วได้เร็วเลยทีเดียว แถมยังสแกนได้แม้นิ้วมือเราเปียกด้วยนะ ซึ่งความเร็วที่ว่านี้ เร็วตั้งแต่ขั้นตอนลงทะเบียนเลย ถ้าเราแสกนถูกมุม สแกนแค่ 3 ครั้งก็ลงทะเบียนผ่านแล้ว ไวจริง ๆ แต่ถ้าชอบสแกนหน้า HONOR Magic7 Pro ยังให้เซนเซอร์แสแกนหน้าแบบ 3 มิติมาเหมือนเดิม แปลว่าสามารถสแกนหน้าเข้าเครื่องได้ โดยที่ไม่ใช้กล้องถ่ายภาพด้วย ข้อดีคือสามารถแสกนหน้าได้แม้แต่ตอนกลางคืน โดยไม่ต้องเร่งแสงจอเลยด้วย

ไหน ๆ พูดเรื่องการเสพคอนเทนต์แล้ว HONOR Magic7 Pro ยังได้ให้ลำโพงคู่บน-ล่าง ที่ให้เสียงกระหึ่มมาก ๆ ครับ โดย HONOR ได้ให้ลำโพง HONOR Surround Sub-woofer ที่ใช้การสั่นของทั้งตัวเครื่องเข้ามาร่วมเพิ่มความกระฮึ่มมากขึ้น โดย SGS ก็ได้ให้การรับรองคุณภาพด้านเสียง และด้าน Spatial Audio 5 ดาวด้วยเหมือนกัน

HONOR AI ที่ขอปลอดภัยกว่าเดิม

อย่างที่รู้กันว่านี่คือยุคแห่งสมาร์ตโฟนมี AI ทาง HONOR เองก็เพิ่มฟีเจอร์ AI ให้เข้ามาใช้กับสมาร์ตโฟนเรือธงของตัวเองมาหลายอย่างแล้ว แบบที่เห็นกันใน HONOR Magic V3 ที่ผ่านมา ซึ่งใน Magic7 Pro นี้ก็มีฟีเจอร์ AI เข้ามาเพิ่มด้วย อย่างเช่น Magic Portal ที่สามารถลากเอาข้อมูลต่าง ๆ มาส่งข้ามแอปฯได้มากกว่าเดิม แต่นั่นคือที่เราเคยเห็นกันมาแล้ว

แต่ของใหม่ที่เพิ่มเข้ามานี้ คือฟีเจอร์ AI เพื่อความปลอดภัยล้วน ๆ เลย นั่นคือ AI Deepfake Detection ฟีเจอร์นี้คือทำมาดักพี่มิจจี้โดยเฉพาะเลย เพราะจะใช้ AI ในการตรวจสอบคนที่เรากำลังวิดีโอคอลอยู่ แล้วตรวจจับว่าคนที่เราคุยด้วยอยู่นั้น ใช้ Deepfake ในการปลอมมาเป็นคนที่เราคุยด้วยอยู่หรือเปล่า เรียกว่าใช้ AI มาสู้กับ AI เลยทีเดียว

AI Translation ซึ่งเป็นฟีเจอร์ AI ที่เราสามารถแปลภาษาได้แบบเรียลไทม์ โดยตอนนี้ได้รองรับอยู่ 15 ภาษาด้วยกันคือ จีน (แมนดารินและกวางตุ้ง), อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, สเปน, อิตาลี, รัสเซีย, ตุรกี, มาเลย์, อราบิก, ญี่ปุ่น เกาหลี, โปรตุเกส และในที่สุดก็รองรับภาษาไทยแล้วด้วย ! ฟีเจอร์นี้ มีประโยชน์ในด้าน UX และ UI เพราะสามารถใช้โหมดแชท เพื่อคุยกันข้ามไปมาระหว่างภาษาได้เลย แถมยังใช้โหมด Face to Face เพื่อจะได้ไม่ต้องสลับข้างไว้พูดคุยก็ได้ด้วย และยังใช้โหมด Interpreter ที่จะอัดเสียงการพูดคุย และถอดความทั้งหมดมาให้เราอ่านได้ด้วย ซึ่งรองรับภาษาไทยหมดทุกฟีเจอร์แล้วเรียบร้อย

ฟีเจอร์ AI อื่น ๆ ที่เพิ่มเข้ามา ประกอบไปด้วย Circle to Search ที่ใช้วงเพื่อค้นหาจากหน้าจอของเรา ก็ใช้บน HONOR Magic7 Pro ได้แล้วนะ, AI Edit ฟีเจอร์ที่ใช้ AI เพื่อการแต่งภาพ ก็ได้ให้มาอยู่เหมือนเดิม อย่างเช่น AI Eraser สามารถลบของที่ไม่ต้องการได้ด้วยการวงครั้งเดียว, AI Outpainting หรือที่หลาย ๆ คนน่าจะรู้จักกันในชื่อ AI Expand คือการให้ AI ขยายภาพของเราให้กว้างขึ้นกว่าภาพต้นฉบับมี่เรามีอยู่ หรือ AI Cutout ใช้ AI ในการแยกคน หรือวัตถุออกจากในภาพ และใช้ภาพที่แยกออกมากับภาพอื่น ๆ ต่อได้

และยังมี AI Notes ฟีเจอร์โน้ตที่ให้ AI มาช่วยในการถอดเสียงสิ่งที่เราอัดเสียงการพูดคุยเอาไว้ ด้วยการกดอัดเสียงไปด้วย และพิมพ์โน้ตไปด้วย พอเสร็จปุ๊ป ก็ให้ AI ช่วยถอดเสียงให้เลย แถมยังให้ AI สรุปให้ได้, จัดรูปแบบให้เข้ากับการพูดคุยหลากหลายแบบได้ด้วย, AI Privacy Call ให้ AI ช่วยลดเสียงรบกวนไม่ให้เล็ดรอดออกมาจากในสมาร์ตโฟนของเรา โดยเฉพาะในห้องที่เงียบ เช่นห้องประชุม เพื่อรักษาความเป้นส่วนตัวเอาไว้ได้ แม้จะโทรคุยกันในห้องเงียบ ๆ ก็ตาม และ AI Dual-Way Noise Reduction เรียกง่าย ๆ ก็คือเป็นฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนระหว่างคุยสายโทรศัพท์ ทั้งกับฝั่งเรา และฝั่งตรงข้ามด้วย โดยลดเสียงรบกวนในพื้นหลังออก

สเปคภายในเครื่อง

HONOR Magic7 Pro ให้ชิปเซตเป็นชิปเซตเรือธงของปีนี้ อย่าง Qualcomm Snapdragon 8 Elite ซึ่งเป็นชิปที่เร็ว แรงแบบก้าวกระโดดจากรุ่นที่แล้วไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนสเปคภายในเครื่องอื่น ๆ จะมีแรมขนาด 12GB และหน่วยความจำขนาด 512GB อีกด้วย

ซึ่งจากที่เราลองทดสอบประสิทธิภาพมา ก็ถือว่าทำได้ตามมาตรฐานเรือธงของปี​ 2025 เลยครับ Geekbench 6.4.0 ได้คะแนน Multi-Core ที่ 8,874 คะแนน และได้คะแนน Single-Core ที่ 2,919 คะแนน 3DMark Wild Life Extreme Stress Test ได้คะแนนสูงสุดที่ 6,427 คะแนน, ต่ำสุด 3,065 คะแนน และคะแนนนิ่งที่ 47.7% ด้วยกัน AnTuTu Benchmark ได้คะแนนไปที่ 2,002,301 คะแนนครับ โดยคะแนนที่ได้เยอะมาก ๆ คือที่การ์ดจอและการแสดงผล 3 มิตินี่แหละครับ

ปัญหาที่เราเจอตอนทดสอบอยู่บ่อย ๆ คือระหว่างที่เรากำลัง Stress Test ตัวเครื่องชอบเด้งเอาการทดสอบออก แล้วแจ้งว่าตัวเครื่องมีความร้อนสูง หรือ Overheating ครับ พอเราเช็คในตัวเครื่องจะบอกว่า CPU อูณหภูมิพุ่งสูงแตะ 50 องศาเซลเซียสด้วย

แต่ในขณะเดียวกัน HONOR ได้มี ‘Performance Mode’ ที่ได้เร่งประสิทธิภาพของตัวเครื่องไปให้ไกลกว่าเดิม และประมวลผลตัวเครื่องโดยรวมได้เร็วกว่าเดิมไปด้วย อย่าง Geekbench ก็สามารถขึ้นคะแนน Multi-Core ไปได้ถึง 9,101 คะแนน และ AnTuTu Benchmark ทำคะแนนได้แตะ 2,521,614 คะแนนเลย

สเปคตัวเครื่องที่ให้มาระดับเรือธงแบบนี้ เราเลยเอามาลองเล่นเกมกันดูบ้าง Genshin Impact ถ้าปรับสุดที่ 60FPS ถือว่าสามารถเล่นได้ดีเลยครับ การตอบสนองต่อเกม ความลื่นไหลของเกมถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว แต่พอเล่นไปนาน ๆ ตัวเครื่องเกิดความร้อนอยู่พอสมควรนะ ส่วน RoV ก็สามารถเล่นแบบปรับสุดทุกอย่างได้แบบชิว ๆ เลย

ทีนี้ว่าด้วยเรื่องของแบตเตอรี่แล้ว HONOR Magic7 Pro ให้แบตเตอรี่ Silicon-Carbon รุ่นที่ 3 โดยเทคโนโลยีนี้ ทำให้ตัวเครื่องมีความบางขนาดนี้ แต่ยังให้แบตเตอรี่มาที่ 5,850 มิลลิแอมป์อยู่ โดยที่ยังใช้ชิป HONOR E2 ในการจัดการสุขภาพแบตเตอรี่ และทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานด้วย แม้จะใช้งานเยอะ ใช้งานหลายฟีเจอร์ ทำงานหนัก ก็ยังพยายามรักษาอายุแบตเตอรี่ให้ดีอยู่ได้ด้วย ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่กลับ ก็ได้ให้ระบบการชาร์จแบตเตอรี่แบบไวมาที่ 100W HONOR SuperCharge และชาร์จไร้สายได้ที่ 80W HONOR Wireless SuperCharge เลย เรียกได้ว่าชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วมากอยู่เลยทีเดียว ที่ดีมาก ๆ ของรุ่นนี้คือ ถ้าเราใช้อแดปเตอร์ชาร์จที่รองรับ กห็จะสามารถชาร์จแบตเตอรี่ที่ 100W ได้เลย รวมถึง สามารถกดค้างที่ฟองน้ำ เพื่อเร่งการชาร์จให้เร็วสุด ๆ ได้ด้วย

สรุปและราคา

HONOR Magic7 Pro ถือเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่มาพร้อมกับอะไรหลาย ๆ อย่างที่ดีมากทีเดียวครับ ให้ทั้งกล้องตาเหยี่ยวที่ถ่ายภาพได้ไวมาก ๆ รัวชัตเตอร์แล้วยังได้ภาพชัด แถมยังมีโหมดถ่ายภาพบุคคลแบบ Harcourt อีก ฝั่งสเปกก็ยังเป็นเรือธงจัดเต็ม ให้ชิป Snapdragon 8 Elite, ฟีเจอร์ AI แน่น แถมยังมีจอที่ถนอมสายตามาก ๆ อีกด้วย

HONOR Magic7 Pro วางขายในไทยที่ราคา 35,990 บาทครับ เป็นราคาที่เรียกว่าสมน้ำสมเนื้อ ยิ่งปีนี้ที่ชิป Snapdragon 8 Elite ขึ้ันราคาแล้วด้วย ถือว่ายังทำราคาได้ดีเลยทีเดียว ซึ่ง HONOR ยังได้ให้โปรโมชันช่วงจองมาด้วย โดยสามารถ Pre-Order ได้ตั้งแต่วันที่ 11-21 กุมภาพันธ์ ทางช่องทางออฟไลน์ ได้สิทธิ์ Trade Up เป็นส่วนลดเพิ่ม 6,000 บาท และสำหรับช่องทางออนไลน์ จะได้ของแถมเป็น HONOR Pad X8a มูลค่า 5,999 บาท และสำหรับผู้ที่สั่งซื้อ Pre-Order HONOR Magic7 Pro และเข้ารับสินค้าที่สาขาที่ร่วมรายการ ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ รับฟรี HONOR Earbuds Open มูลค่า 5,990 บาท ส่วนคนที่ Pre-Order ผ่านช่องทางออนไลน์ 100 ออเดอร์แรก รับฟรี HONOR Earbuds Open มูลค่า 5,990 บาท ฟรีไปด้วยเลย สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ลิงก์นี้เลย