นอกจากสมาร์ตโฟนซีรีส์ 300 แล้ว HONOR ยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 2 รุ่นด้วยครับ โดยเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ MagicBook ประกอบด้วย HONOR MagicBook X16 Plus และ X14 Plus ที่มาพร้อมกับสเปกจอที่น่าสนใจ และมีดีไซน์ของแล็ปท็อป HONOR เป็นบอดี้เป็นโลหะซึ่งคู่นี้ จะมีความแตกต่าง อยู่ที่ขนาดหน้าจอ โดย X16 Plus มีหน้าจอขนาด 16 นิ้วที่ใหญ่กว่า พร้อมความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล และอัตราการรีเฟรช 120Hz

โนด NINOR X14 Plus จะมีหน้าจอขนาด 14 นิ้วที่มีความละเอียดสูงกว่าเล็กน้อยที่ 2880 x 1800 พิกเซล แต่ยังให้รีเฟรชเรตหน้าจอมาแบบมาตรฐานที่ 60Hz โดยหน้าจอทั้งสองรุ่นมีความสว่าง 430 นิตและครอบคลุมขอบเขตสี sRGB 100%

เปิดตัว HONOR MagicBook X16 Plus และ X14 Plus มาพร้อม Intel Core i5-220H Gen13 แบตเตอรี่ใช้งานได้ 9 ชม.

ทั้งสองรุ่นใช้โปรเซสเซอร์ Intel Core i5-220H เจเนอเรชันที่ 13 แม้ว่าจะไม่ใช่ซีพียูที่มีสเปกดีที่สุดในตลาด แต่ก็สามารถรองรับการทำงานทั่วไปในชีวิตประจำวันแ ละงานด้านประสิทธิภาพได้อย่างง่ายดาย มีหน่วยความจำ RAM LPDDR4x ขนาด 16GB หรือ 32GB และหน่วยความจำภายใน SSD PCIe 1TB ตัวเลือกเดียว

ส่วนอายุการใช้งานแบตเตอรี่อาจแตกต่างกันเล็กน้อยระหว่างแล็ปท็อปทั้งสองรุ่นครับ โดย X16 Plus มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่าที่ 75Wh และ X14 Plus มีแบต 60Wh ส่วนความเร็วการชาร์จจะอยู่ที่ 65W เท่ากัน โดย HONOR อ้างว่าสามารถเล่นวิดีโอได้นานถึง 9 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

ด้านการเชื่อมต่อก็ถือว่าเป็นไปตามมาตรฐานทั่วไปครับ โดยรองรับ Wi-Fi 5, Bluetooth 5.1 และ NFC สำหรับการชำระเงินแบบไร้สัมผัส นอกจากนี้ยังมี พอร์ต USB-C สองพอร์ต พอร์ต USB-A สองพอร์ต (พอร์ต Gen 1 และ Gen 2 อย่างละหนึ่งพอร์ต) พอร์ต HDMI และแจ็คหูฟัง 3.5 มม.

X16 Plus มีคีย์บอร์ดเต็มขนาด (Full-Sized) พร้อมแป้นตัวเลขเฉพาะ ในขณะที่ X14 Plus จะไม่มีแป้นตัวเลข เนื่องจากมีขนาดเล็กกว่า และแป้นพิมพ์ทั้งสองรุ่นมีไฟแบ็คไลท์และทัชแพดที่รองรับ multi-touch ส่วนซอฟต์แวร์จะมาติดตั้ง Windows 11 Home มาให้พร้อมใช้

ราคาวางจำหน่าย

HONOR เปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าในประเทศจีนแล้วครับ โดย X14 Plus เปิดราคาเริ่มต้นที่ 4,899 หยวน (ประมาณ 23,200 บาท) สำหรับรุ่น RAM 16GB ในขณะที่ X16 Plus เริ่มต้นที่ 5,099 หยวน (ประมาณ 24,200 บาท) สำหรับความจุเดียวกัน

แล็ปท็อปทั้งสองรุ่นมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Starry Gray และ Light Sea Blue คาดว่าจะเริ่มจัดส่งในประเทศจีนในวันที่ 12 ธันวาคมเป็นต้นไป ส่วนในประเทศไทยตอนนี้ยังไม่มีการยืนยันออกมาว่าจะมีเข้ามาวางจำหน่ายหรือไม่

ที่มา gizmochina