สัปดาห์นี้ Google เริ่มปล่อย Gemini ให้ผู้ใช้งานมือถือ Android ในไทยแล้ว ผ่านกล่องแจ้งเตือนที่จะเด้งขึ้นมาเมื่อมีการเรียกใช้ Google Assistant ซึ่งหากเลือก opt-in โดยกด Try now ไปแล้ว Gemini จะถูกตั้งค่าให้เป็นผู้ช่วยดิจิทัลเริ่มต้นของเครื่องแทนที่ Google Assistant โดยอัตโนมัติ แต่ปัญหาคือ Gemini ยังมีข้อจำกัดหลาย ๆ อย่าง ทำให้ผู้ใช้งานบางรายอาจมองว่ายังไม่ตอบโจทย์ และอยากกลับไปใช้ Google Assistant ตามเดิม

ยกตัวอย่างข้อจำกัดบางส่วนของ Gemini ที่เจอในตอนนี้

  • Gemini ยังไม่รองรับการตั้งค่าแอปเป็นภาษาไทย
  • ผลที่ตามมาคือ Gemini ไม่รองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย (แต่พิมพ์เป็นภาษาไทยได้นะ)
  • Gemini ยังไม่รองรับบางคำสั่งพื้นฐานแบบ Google Assistant แบบเนทีฟ เช่น
    • ตั้งนาฬิกาปลุกหรือนาฬิกาจับเวลา
    • สั่งให้โทรออกและส่งข้อความ หรืออ่านข้อความที่ได้รับ
    • ควบคุมอุปกรณ์ เช่น เปิดปิดไฟฉาย ปรับความสว่างหน้าจอ ปรับระดับเสียง เปิดปิด Wi-Fi และ Bluetooth
    • ควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮมต่าง ๆ
  • ถ้าเป็นในกรณีข้างต้น Gemini จะไปดึง Google Assistant มารับคำสั่งแทน
  • แต่เนื่องจาก Gemini ไม่รองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย ก็จะทำให้ไม่สะดวกสำหรับบางคนที่ไม่ถนัดภาษาอังกฤษ
  • นอกจากนี้ ความสามารถในการสั่งงานแบบสนทนาต่อเนื่องบน Google Assistant ก็จะหายไป (รับได้แค่ทีละคำสั่ง หากเป็นการสั่งงานผ่าน Gemini อีกที)

เปลี่ยน Gemini กลับไปใช้ Google Assistant ยังไง

แม้ Google จะคิดแทนเรา กำหนดให้ Gemini กลายเป็นผู้ช่วยดิจิทัลเริ่มต้นเองโดยไม่ถาม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จุดขายของ Android คือความอิสระ และ Google เองก็ไม่ได้ปิดกั้นหักดิบไม่ให้ผู้ใช้งานกลับไปใช้ Google Assistant เป็นผู้ช่วยดิจิทัลตามเดิม แต่วิธีการอาจจะซับซ้อนเล็กน้อย เพราะตัวเลือกดันไปซ่อนอยู่แบบลับ ๆ ในการตั้งค่าของแอป Gemini แทนที่จะอยู่ในเมนู Settings ของเครื่องตามปกติ จนหลายคนอาจจะงง หาเมนูไม่เจอ โดยมีวิธีการดังนี้

  • จากแอป Gemini แตะที่รูปโปรไฟล์บริเวณมุมขวาบน
  • เลือก Settings
  • ไปที่ Digital assistants from Google
  • เปลี่ยนจาก Gemini เป็น Google Assistant แทน

หลังจากเปลี่ยนผู้ช่วยดิจิทัลเริ่มต้นกลับไปเป็น Google Assistant แล้ว เรายังสามารถใช้งาน Gemini ต่อได้อยู่ เพียงแค่เข้าผ่านแอป Gemini โดยตรงตามปกติ

ส่วนใครที่ยังไม่มีป๊อปอัปให้ทดลองใช้ Gemini โผล่มา หรือค้นหาแอปใน Play Store แล้วไม่เจอ ก็ไม่ต้องตกใจไปแต่อย่างใด เพราะตามที่แจ้งไปตั้งแต่แรกว่าตอนนี้ Google ยังปล่อย Gemini ให้ใช้งานแบบสุ่มอยู่ (สำหรับคนที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ) แต่ผ่านไปอีกสักพักก็น่าจะได้ใช้งานกันเป็นวงกว้างมากขึ้นเอง