ผู้ใช้มือถือเรือธงตัวล่าสุดที่มาพร้อมฟีเจอร์บีบเครื่องสั่งงานสุดแนว อย่าง HTC U11 เตรียมเฮ! เพราะตอนซื้อและตอนดูสเปคก็ไม่ได้คาดหวังเอาไว้แต่แรกว่ามันจะรองรับการใช้งาน Bluetooth 5.0 ซะด้วย แต่ตอนนี้ทาง HTC กำลังจะปล่อยซอฟท์แวร์อัพเดทเพื่อปลดล็อคการใช้งาน Bluetooth 5.0 ให้กับ HTC U11 โดยไม่ต้องมีการอัพเกรดหรือไปยุ่งอะไรกับส่วนของฮาร์ดแวร์เลย

มือถือใหม่ๆในปี 2017 ที่รองรับเทคโนโลยี Bluetooth 5.0 นั้น ในตอนนี้ก็ยังมีอยู่แค่ไม่กี่รุ่น และรุ่นที่รองรับก็จะเป็นมือถือเรือธงระดับไฮเอนด์เท่านั้น เช่น Galaxy S8/S8+, Xiaomi Mi6, OnePlus 5, Xperia XZ Premium ส่วนเรือธงรุ่นล่าสุดอย่าง HTC U11 นั้น ตั้งแต่สเปคหลุดก่อนเปิดตัว จนเปิดตัว วางจำหน่ายไปเรียบร้อยแล้วก็ไม่เคยมีการเอ่ยถึงเลย ว่าตัวเครื่องรองรับ Bluetooth 5.0 ด้วย ทำให้มีเหล่าสาวกออกมาบ่นอยู่บ้างเหมือนกันว่าเป็นมือถือเรือธงปี 2017 ทั้งที ก็น่าจะใส่ Bluetooth 5.0 มาให้ซะหน่อย

จนตอนนี้ทาง HTC ก็ออกมาประกาศว่ากำลังจะปล่อยซอฟท์แวร์อัพเดทให้เครื่อง HTC U11 สามารถใช้งาน Bluetooth 5.0 ได้ นั่นแสดงว่าฮาร์ดแวร์ของ HTC U11 รองรับการใช้งาน Bluetooth 5.0 มาตั้งแต่ต้นแล้ว แต่ซอฟท์แวร์อาจจะยังไม่พร้อม ก็เลยไม่ได้ใส่เอาไว้ในข้อมูลสเปคเครื่องแต่แรก (จะได้ไม่โดนบ่นว่ามีใช้ แต่ไม่ยอมเปิดให้ใช้)

Bluetooth 5.0 ทำให้การใช้งานมีระยะที่ไกลขึ้น ส่งข้อมูลได้ไวมากขึ้น แต่มีการใช้พลังงานที่น้อยลง และอาจจะทำให้ใส่ฟีเจอร์อะไรใหม่ๆเพิ่มเข้าไปได้อีกด้วย อย่างเช่น Galaxy S8 / S8+ ที่สามารถเชื่อมต่อหูฟังบลูทูธ / ลำโพงบลูทูธ ได้ 2 อย่างพร้อมกัน ก็ไม่แน่ว่า HTC อาจจะมีฟีเจอร์อะไรใหม่ต้อนรับการมาของ Bluetooth 5.0 ก็ได้นะ (แค่รู้ว่าตัวเครื่องรองรับ Bluetooth 5.0 ก็เซอร์ไพรส์แล้วล่ะ)

และนอกจาก HTC U11 ที่จะอัพเดทซอฟแวร์ให้สามารถใช้งาน Bluetooth 5.0 ได้นั้น ก็ยังมีอีก 1 เรือธงของปี 2017 นี้อีกรุ่นนึงเช่นกัน ที่จะได้รับการอัพเดทซอฟท์แวร์ให้ใช้งาน Bluetooth 5.0 ได้ นั่นก็คือ Moto Z2 Force ที่พึ่งจะเปิดตัวไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง โดยทาง Moto จะปล่อยตัวอัพเดทนี้มาพร้อมกับการอัพเดทเป็น Android O เลย

สำหรับการอัพเดทคราวนี้ HTC ยังไม่ได้ให้ข้อมูลว่าจะเริ่มปล่อยออกมาเมื่อไหร่ แต่ประกาศออกมาแบบนี้แล้วคงจะอีกไม่นานนี้แหละ (อาจจะมาพร้อม Android O เหมือน Moto Z2 Force ก็ได้) แล้วเราจะเอามาอัพเดทให้อีกทีนะครับ

 

ที่มา : Androidauthority