เปิดตัวกันไปเรียบร้อยแล้วสำหรับ HTC U12+ สมาร์ทโฟนเรือธงเพียงรุ่นเดียวจากแบรนด์สัญชาติไต้หวันในปีนี้ อีกทั้งยังเป็นอุปกรณ์รุ่นแรกของค่ายที่ใช้ชิป Snapdragon 845 อีกด้วย เมื่อดูจากภายนอกแล้วมันอาจไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ไปจาก U11 ของปีก่อนมากนัก โดยยังคงคอนเซปต์การออกแบบไว้เหมือนเดิม แต่บริษัทได้ยกเครื่องภายในใหม่เกือบทั้งหมดโดยเฉพาะกล้องถ่ายรูปที่เป็นจุดขายหลักของ U12+ เลยก็ว่าได้ และวันนี้ก็มีข่าวที่น่ายินดีจาก DxOMark มาเล่าสู่กันฟัง

กล้องหลังคู่ของ HTC U12+ ตัวหลักมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (รูรับแสงกว้างสุด f/1.75) และตัวที่ 2 ซึ่งเป็นเลนส์เทเลโฟโต้ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล (รูรับแสงกว้างสุด f/2.6) สามารถซูมแบบ optical โดยภาพไม่แตกได้สูงสุด 2 เท่า (digital zoom 10 เท่า) ถ่ายวิดีโอ 4K เฟรมเรตสูงสุด 60 fps, 1080p สูงสุดที่ 240 fps พร้อม OIS และมีฟีเจอร์โดดเด่นมากมายรวมทั้งให้คุณภาพของภาพถ่ายที่เหนือกว่าสมาร์ทโฟนกล้องคู่ตัวท็อปทุกรุ่นในปัจจุบัน เนื่องจาก U12+ นี้ได้คะแนนคุณภาพกล้องจาก DxOMark สูงถึง 103 คะแนน เชือดเฉือนแซง Huawei P20 ไปเพียงคะแนนเดียวและเป็นรองเพียง P20 Pro ที่มีกล้อง 3 ตัวแค่รุ่นเดียวเท่านั้น

มาดูประสิทธิภาพของกล้องหลักกันไปทีละด้าน เริ่มจากโหมด HDR ที่สามารถสามารถเก็บรายละเอียดทั้งส่วนที่มืดและสว่างของภาพที่มีสภาวะแสงที่ซับซ้อนได้ดีโดยที่ยังควบคุมปริมาณ noise ในภาพได้อย่างสะอาดหมดจดแต่ก็ยังสู้คู่แข่งอย่าง Huawei P20 ที่สามารถเปิดรายละเอียดทั้งส่วนเงาและส่วนสว่างได้มากกว่าดังรูปด้านล่าง

สำหรับการถ่ายภาพ portrait ย้อนแสงนั้น HTC U12+ จะทำการวัดแสงที่ตัวคนเป็นหลัก ส่งผลให้เป็นการเร่งความสว่างของ background ด้านหลังจนรายละเอียดหายไป และอีกรูปคือภาพทดสอบการถ่ายในที่แสงน้อย (5 lux) ซึ่งเป็นระดับความสว่างที่ตาคนปกติแทบมองอะไรไม่เห็นเลย แต่มันก็ยังสามารถถ่ายภาพออกมาได้สว่างและคงความสดของสีสันต่างๆไว้ได้

HTC U12+ มาพร้อมกับความโดดเด่นเกี่ยวกับการควบคุมโทนสีซึ่งเป็นผลมาจากการวัด white balance ที่เที่ยงตรงในทุกสภาวะแสง ให้ความสดของสีที่เป็นธรรมชาติไม่สดมากหรือน้อยจนเกินไป ถึงแม้ว่าจะมีสีเพี้ยนอยู่บ้างเล็กน้อยเมื่อถ่ายรูปภายในอาคารก็ตามแต่สิ่งที่ยังไม่มีสมาร์ทโฟนรุ่นไหนสามารถล้ม U12+ ได้นั่นก็คือเรื่อง autofocus ที่ผสมผสานระหว่างระบบ phase detection และการใช้เลเซอร์ ทาง DxOMark ทดลองโดยการทำให้กล้องหลุดโฟกัสก่อน จากนั้นก็ให้กล้องกลับมาโฟกัสโดยทิ้งระยะเวลาดีเลย์ที่ต่างกัน (500 และ 2000 มิลลิวินาที) ซึ่งมันก็สามารถกลับมาโฟกัสเข้าเป้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำในทุกสภาวะแสงจนได้ 100 คะแนนเต็มไปโดยปริยาย

ส่วนการเก็บรายละเอียดเล็กๆในรูปเจ้า U12+ ทำได้แทบไม่ต่างกับสมาร์ทโฟนเรือธงตัวอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีความคมของขอบสี (acutance) ที่สูงถึง 80% และยังรักษาระดับอยู่ที่ 60% ได้แม้ในความสว่างเพียง 20 lux เท่านั้น แปลว่ารายละเอียดต่างๆในภาพจะไม่ฟุ้งจางหายไปมากนักนั่นเอง

จากภาพด้านบนจะเห็นว่าในสภาวะแสงน้อย (20 lux) HTC U12+ ก็ยังคงให้รายละเอียดโทนสีที่ดีกว่า Huawei P20 และ Samsung Galaxy S9 สังเกตได้จากบริเวณใบไม้หลังเลข 1 ของธนบัตร 1 หยวนที่ภาพจาก U12+ จะมีสีใบไม้หลายโทน ต่างจากรูปของสมาร์ทโฟนอีก 2 รุ่นที่มีแค่สีเดียวเหมือนๆกันทุกใบ

ในการถ่ายภาพกลางแจ้งนั้น U12+ มีการจัดการเกี่ยวกับ noise ได้ดีกว่าทั้ง Huawei P20 และ Pixel 2 สังเกตได้จากบริเวณที่เป็นสีเดียวเรียบๆเช่นท้องฟ้า นอกจากนี้ในส่วนที่เป็นเงามืดก็ยังมีการควบคุม noise และรักษารายละเอียดไว้ได้พร้อมๆกัน (ปกติแล้วถ้าหากเอารูปที่ถ่ายแล้วมาลด noise ด้วยซอฟต์แวร์ ภาพจะเสียรายละเอียดไป) แต่ปริมาณ luminance noise จะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทันทีเมื่อนำมาถ่ายในที่แสงน้อย ซึ่งในจุดๆนี้จะสู้ Huawei P20 กับ Galaxy S9+ ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม color noise ที่ดูรำคาญสายตายิ่งกว่า luminance noise ก็ยังไม่ปรากฎออกมาให้เห็นอยู่ดี

อย่างที่เกริ่นเอาไว้ว่า HTC U12+ สามารถซูมแบบ optical โดยไม่สูญเสียความละเอียดได้สูงสุด 2 เท่า โดยในระยะนี้มันสามารถเก็บรายละเอียดได้ดีกว่า P20 กับ S9+ จากนั้นเมื่อซูมมากขึ้นด้วย digital zoom คุณภาพของรูปที่ได้กลับแย่กว่าทั้ง P20 และ iPhone X แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีโดยเฉพาะเมื่อถ่ายในที่สว่างๆ

มาถึงฟีเจอร์สุดท้ายที่หลายๆคนชื่นชอบเวลาถ่าย portrait อย่างโบเก้ ต้องบอกไว้ก่อนว่าคำว่า bokeh ที่ฝั่งใช้กันนั้นจะหมายถึงบริเวณที่หลุดโฟกัสทั้งหมด ไม่ใช่แค่แสงเป็นวงๆเหมือนกับที่บางคนเข้าใจกัน โดย HTC U12+ สามารถเบลอพื้นหลังและไล่ระดับระยะได้มากกว่าเรือธงจากเจ้าอื่นๆ โดยถึงจะมีบางส่วนของรูปที่เบลอได้ไม่สมจริง แต่ก็ต้องตั้งใจเปิดรูปใหญ่แล้วสังเกตละเอียดจริงๆจึงจะเห็น ซึ่งนอกจากโหมดโบเก้จะสามารถเบลอหลังได้เยอะแล้วยังให้โทนสีผิวและรายละเอียดต่างๆบนตัว subject ที่ไม่ผิดเพี้ยนอีกด้วย

สเปคอื่นของ HTC U12+ ประกอบด้วย หน้าจอ Super LCD 6 ขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด 2880 x 1440 พิกเซลรองรับ DCI-P3, sRGB color gamut, และ HDR 10, ชิปประมวลผล Snapdragon 845, RAM 6GB, และความจุภายในที่มีทั้งแบบ 64GB กับ 128GB ให้เลือก เคาะราคาในประเทศบ้านเกิดอยู่ที่ NT$24,900 (ประมาณ 26,600 บาท) สำหรับรุ่น 128GB และ NT$23,900 (ประมาณ 25,500 บาท) ในรุ่น 64GB

 

ที่มา: DxOMark via Gizchina