ในที่สุดก็เผยโฉมกันอย่างเป็นทางการแล้ว กับ Huawei P10 และ P10 Plus ภาคต่อของตระกูล P ที่ได้รับความสำเร็จแบบพลุแตกไปเมื่อปีที่แล้วกับ P9 โดยทาง Huawei ก็ยังคงปล่อยมาเป็นแพ็คคู่เหมือนเดิม ซึ่งรอบนี้ก็มีจุดแตกต่างกันอยู่พอสมควร โดยทั้งคู่ก็มาพร้อมกับสีใหม่ แถมยังมีการติดแบรนด์ Leica มาในกล้องหน้าอีกด้วย

สเปค

เรามาเริ่มกันที่สเปคของ Huawei P10 และ P10 Plus กันก่อนเลยครับ

Huawei P10Huawei P10 Plus
OSAndroid 7.0 (Nougat) with EMUI 5.1
หน้าจอIPS LCD 5.1 Full HD นิ้ว 1080 x 1920 พิกเซลIPS LCD 5.5 QHD นิ้ว 1440 x 2560 พิกเซล
CPUHiSilicon Kirin 960
หน่วยความจำRAM 4GB/ROM 32GBRAM 4GB/ROM 64GB, RAM 6GB/ROM 128 GB
กล้องหลัง20 MP (mono) + 12 MP (RGB) dual-sensor, f/2.2 Leica SUMMARIT20 MP (mono) + 12 MP (RGB) dual-sensor, f/1.8 Leica SUMMILUX
กล้องหน้า8 ล้านพิกเซล, f/1.9, Leica
SIM2 ซิม (Nano-SIM) dual-standby รอรับสายได้พร้อมกัน (แชร์ช่องกับ microSD) FullNetcom 3.0
LTEรองรับ LTE (Quad-Antennas 4×4 MIMO มีเฉพาะรุ่น P10 Plus)
การเชื่อมต่อUSB-Type C
GPSHiGeo Navigation Technology, GPS + GLONASS + Beidou
แบตเตอรี3,200 mAh ถอดเปลี่ยนแบตไม่ได้ + Huawei Super Charge

3,750 mAh เปลี่ยนแบตไม่ได้ + Huawei Super Charge


สีเครื่อง

ในปีนี้ Huawei ได้ทำการจับมือกับทางบริษัท Pantone ที่เหล่าดีไซน์เนอร์น่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นบริษัทผู้นำเทรนด์ในเรื่องการจับคู่สีที่มาแรงในแต่ละปีนั่นเอง โดยครั้งนี้มีการเปิดตัวสีใหม่ อย่าง สีเขียว Greenery และ สีน้ำเงิน Dazzling Blue ที่ทำให้ดูเป็นธรรมชาติ และ ดูนุ่มลึก ส่วนสีต่างๆ สำหรับ P10 และ P10 Plus มีดังนี้

  • Greenery – เขียว
  • Dazzling Blue – น้ำเงิน
  • Graphite Black – ดำ
  • Mystic Silver – เงิน
  • Prestige Gold – ทอง
  • Rose Gold – ชมพู
  • Ceramic White – ขาว

 

ตัวเครื่อง

สำหรับครั้งนี้ Huawei นั้นใช้ วัสดุเป็นโลหะเช่นเคย แต่ว่าก็ยังมีวัสดุอื่นๆ ที่โผล่มาด้วย นั่นก็คือ รุ่นสีขาวที่มาพร้อมกับวัสดุที่เป็นเซรามิก นอกจากนี้ก็ยังมีดีไซน์ที่ทาง Huawei เรียกว่า Diamond cut ที่จะมีการเหลือบเมื่อกระทบกับแสง แถมยังกันรอยขีดข่วน และกันลายนิ้วมือได้ด้วย

นอกจากนี้ตัวเครื่องของ P10 และ P10 Plus ยังสามารถป้องกันละอองน้ำได้ด้วย เพราะมีการเคลือบด้วย nano-coating แต่เท่าที่ดูนั้นยังคงด้อยกว่าเจ้าอื่นๆ อยู่เล็กน้อยตรงที่ไม่สามารถกันน้ำกันฝุ่นได้แบบเต็มที่ กันได้แค่ประมาณน้ำฝนเท่านั้น ส่วน P10 Plus นั้นมีมาตรฐาน IPX3 ซึ่งเอาลงไปเล่นในน้ำไม่ได้นะ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ มาตรฐาน IP

กล้องหลัง

จุดเด่นที่ขาดไม่ได้เลยของ Huawei ก็คือกล้องหลังคู่ ซึ่งรอบนี้ก็ยังจับมือกับทาง Leica เหมือนเดิม โดยกล้องหลังของ P10 นั้นใช้เป็นกล้องหลังคู่ 20 ล้านพิกเซล (mono) และ 12 ล้านพิกเซล (RGB) ที่มีค่า f/2.2 ที่ยังคงเป็นใช้ชื่อรุ่น SUMMARIT ของทาง Leica อยู่

สำหรับ P10 Plus นั้นมีความแตกต่างจาก P10 ตรงที่ใช้เป็นชื่อเลนส์ Leica อีกรุ่นหนึ่ง นั่นก็คือ รุ่น SUMMILUX โดยยังคงใช้เป็น Daul-sensor ที่ความละเอียดเท่ากับ P10 แต่ว่ามีค่า f อยู่ที่ f/1.8 และก็ยังมี OIS กันสั่น พร้อมกับ HUAWEI Hybrid Zoom และ 4-in-1 hybrid auto-focus อีกด้วย

รอบนี้ Huawei เน้นในเรื่องของการถ่าย Bokeh หรือการถ่ายหน้าชัดหลังเบลอกมากขึ้น ซึ่งจะได้ภาพหน้าชัดหลังเบลอที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นนั่นเอง

นอกจากนี้ทั้ง P10 และ P10 Plus ยังมาพร้อมกับ โหมดถ่ายภาพแบบ Leica Style Portrait ซึ่งการใช้งานก็ง่ายมากๆ เพราะมีปุ่มให้เลือกเปิดได้อย่างรวดเร็วที่หน้า viewfinder เลยครับ

กล้องหน้า

หลังจากที่ประความสำเร็จกับการจับมือร่วมกับ Leica ร่วมกันทำกล้องหลังมาแล้ว ครั้งนี้ก็นำชื่อ Leica มาใส่กับกล้องหน้าด้วย โดยกล้องหน้าของ P10 และ P10 Plus นั้นมีความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล ค่า f/1.9 ครับ สำหรับเซนเซอร์ตัวใหม่นั้นสามารถรับแสงได้ดีขึ้นถึง 2 เท่า ช่วยให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยนั้นดีขึ้นด้วย

สำหรับฟีเจอร์ใหม่ที่ติดมากับกล้องหน้าในครั้งนี้ก็คือ โหมด Adaptive Selfie ที่จะทำการ autocrop ภาพ ที่เมื่อมีคนในเฟรมมากขึ้นก็จะขยายเฟรมให้รับคนได้มากขึ้น แต่ถ้าคนเดินออกไปก็จะปรับลดขนาดเฟรมลงมาโดยอัตโนมัติ

ราคา

สำหรับราคาของ Huawei P10 นั้นอยู่ที่ 649 ยูโร โดยมีเพียงแค่รุ่นเดียวเท่านั้นที่ RAM 4GB/ ROM 32GB

ในส่วนของ Huawei P10 Plus นั้นอยู่ที่ 699 ยูโร สำหรับรุ่น RAM 4GB/ ROM 64GB และ 799 ยูโร สำหรับรุ่น RAM 6GB/ ROM 128GB และประเทศไทยนั้นจะเป็นประเทศแรกที่ทาง Huawei จะมาวางจำหน่ายด้วย ส่วนจะเป็นวันไหนนั้น เราคงต้องมารอลุ้นกันอีกทีนะครับ