ต้องบอกว่าตอนนี้ HUAWEI เอง ก็เป็นเจ้าที่เริ่มลุยตลาดแท็บเล็ตอย่างจริงจัง และเปิดตัวแท็บเล็ตเข้ามาขายในตลาดประเทศไทยกันหลายรุ่นเลย อย่างล่าสุดก็เพิ่งมีแท็บเล็ตเรือธงอย่าง HUAWEI MatePad Pro 12.2 เข้ามาขายในไทยให้ได้จัดกัน แต่รุ่นนี้จะต่างออกไปสักหน่อย กับ ‘HUAWEI MatePad 12x‘ แท็บเล็ตที่ขอเรียกว่าเป็นแท็บเล็ตสายกลาง แต่ก็แทบจะสามารถใช้งานแทนโน้ตบุ๊กเครื่องหนึ่งได้เลยทีเดียว บทความนี้จะพาไปดูว่า MatePad 12 X เครื่องนี้ เหมาะที่จะเป็นแท็บเล็ตที่เกิดมาเพื่อใช้งานแทน PC แล้วหรือยัง

แท็บเล็ตจะสามารถทำงานได้เหมือน PC ต้องทำอะไรได้บ้าง

การที่แท็บเล็ตเครื่องหนึ่งจะสามารถใช้แทนคอมพิวเตอร์ได้ จะต้องมีอะไรบ้าง อย่างแรกคือฝั่งฮาร์ดแวร์ก่อนเลย ว่าเหมาะจะใช้แทนคอมพิวเตอร์แค่ไหน อย่างหน้าจอ ก็ใช้หน้าจอ PaperMatte ขนาด 12 นิ้ว ที่ให้รีเฟรชเรต 144 Hz, ความละเอียดก็ให้มาถึง 2.8K (2800 × 1840) และความสว่างสูงสุด 1,000 nits (peak) และ 600 nits (HBM)  และมีการเคลือบ ‘PaperMatte’ คือเป็นจอด้าน สะท้อนแสงออกได้ดีในตัวด้วย (แต่ว่าเป็นพาแนลจอ IPS LCD นะ ไม่ใช่ Tandem OLED แบบใน MatePad Pro

แม้หน้าจอของ MatePad 12 X จะเป็นพาแนล IPS LCD แต่ก็มีการปรับเลเยอร์ PaperMatte มาใหม่ให้แสงส่องผ่านได้มากขึ้น เพื่อให้สามารถแสดงผลภาพได้ดีขึ้น แม้จะอยู่ในที่ ๆ แดดส่อง หรืออยู่นอกบ้าน ก็ใช้งานได้ดีนะ (แปลว่าต่อให้ไปพิมพ์งานนอกบ้าน หรือไปวาดรูปนอกบ้านก็ทำได้ง่าย ๆ นั่นล่ะ แถมพอจอเป็นแบบ PaperMatte ก็เท่ากับว่า เราได้จอแบบด้านมาในตัว ซึ่งแปลว่าแสงสะท้อนก็จะน้อยลงไปด้วย และการแสดงสีก็ไม่ได้มีความผิดเพี้ยนอะไรทั้งสิ้น HUAWEI บอกว่าหน้าจอนี้มีค่า ΔE < 1 คือมีค่าความเที่ยงตรงของสีที่ดีมาก ๆ อีกด้วย

โดยหน้าจอนี้ มองนาน ๆ แล้วก็สบายตาด้วย โดยผ่านการรับรองจากสถาบัน TÜV Rheinland ด้าน Reflection-Free,  Low Blue Light (Hardware Solution) และ Flicker-Free และผ่านการรับรอง SGS Low Visual Fatigue 2.0 เพื่อให้หน้าจอมองไปนาน ๆ แล้วตาไม่ล้าได้ด้วย และรีเฟรชเรตที่ให้มาตั้ง 144Hz ทำให้การใช้งานทั่วไป เช่นเข้าเว็บ, เลื่อนหน้าจอ ทำงาน ให้ความรู้สึกที่นุ่มลื่นขึ้นมากเลย

ต่อด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมกับแท็บเล็ตอย่าง ‘Nearlink’ ที่ใช้เชื่อมต่อทั้ง HUAWEI M-Pencil (3rd Gen) และ คีย์บอร์ด ซึ่งใช้เป็นเคสในตัว สามารถใช้ติดกับตัวเครื่องแล้วใช้ Nearlink เชื่อมต่อได้เลยทั้งปากกา และคีย์บอร์ด โดยตัวคีย์บอร์ดสามารถใช้ตัวตัวเครื่องได้ 2 แบบในตัว ซึ่งถ้ามีครบ 2 อย่างนี้ รวมกับเมาส์ไร้สาย ก็แทบจะพร้อมใช้เป็นเครื่องทำงานได้เลย ซึ่งตัวคีย์บอร์ด มีการเคลือบป้องกันคราบแบบไมโครเวลเวท เพื่อให้ได้สัมผัสที่เรียบเนียนมากขึ้น และมีน้ำหนักที่ 308 กรัม และบาง 1.5 mm เท่านั้น คือเรียกได้ว่า ถ้าเอามาเสริมตัวเครื่องแบบถาวร ก็ไม่ได้ทำให้เครื่องหนาด้วย เอาจริง ๆ คือเรียกได้ว่าบางกว่าโน้ตบุ๊กหลาย ๆ เครื่องในท้องตลาดซะอีก และถ้าจะให้เพอร์เฟคเลย ต้องมีเมาส์ Bluetooth มาเชื่อมต่อเพิ่มอีกชิ้น หรือรอ Huawei เอาเมาส์ที่รองรับมาตรฐาน Nearlink มาวางจำหน่าย เพื่อให้ใช้งานได้ง่าย ๆ จะเรียกว่าครบถ้วนแบบ 100% แน่นอน

ในขณะที่ฝั่ง ซอฟต์แวร์ เองก็เป็นส่วนที่จัดเต็มมาก ๆ ซึ่งตัวเครื่องได้ให้มาตั้งแต่แรก ไม่ต้องโหลดเพิ่ม ไม่ต้องซื้อเพิ่ม คือแกะกล่องมาก็พร้อมใช้เลย เริ่มจากโปรแกรมแรกที่มาใหม่ อย่าง WPS Office PC ที่จะเป็นแอปฯ WPS ในเวอร์ชัน PC ซึ่งจะรวบการทำงานไฟล์ Word, Excel, Powerpoint ไว้ในแอปฯเดียว แถมยังมีฟีเจอร์ที่ครบ และ UI กับ UX ที่ใช้งานได้แบบในคอมพิวเตอร์เป๊ะ ๆ เลย พาร์ทงานเอกสารคือเหมือนคอมพิวเตอร์ได้แน่นอน ลองดูหน้าตาของเอกสารทั้งแบบเอกสารทั่วไป (Word), สเปรดชีท (Excel) และงานนำเสนอ (Powerpoint) ดู คือแอปฯ นี้สามารถใช้งานแทนกันได้เลย โดยที่เราแทบไม่ต้องทำอะไร หรือลงอะไรเพิ่มทั้งนั้น

อย่างฝั่งงานนำเสนอ ก็มี ‘ตัวเรียงลําดับสไลด์’ เป็นหน้าต่างแยกมาให้เราเรียงสไลด์ตามลำดับที่ต้องการได้ โดยไม่ต้องมานั่งลากย้ายขึ้นลงไปมา และมีฟีเจอร์ ‘การจัดแนว’ ที่สามารถลากคลุมทุก Object มาจัดแนวให้อยู่แนวเดียวกันได้หมดในที่เดียว

หรือฝั่งสเปรดชีท ก็จัดวางเลย์เอาท์ของแผนภูมิได้ ซึ่งปกติจะเป็นฟีเจอร์ที่มักจะเจอในเวอร์ชัน PC เท่านั้นเลย หรือกระทั่งการทำ Pivot Table ก็สามารถทำได้จากใน WPS Office นี้แอปฯเดียวได้เลย

และฝั่งงานเอกสาร ก็สามารถเพิ่มสูตรคำนวณตัวเลขแบบลึก ๆ ได้จากในแอปฯ ที่อยู่บนแท็บเล็ตเลย ฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่บอกมานี้ ปกติแล้วโปรแกรมออฟฟิศเวอร์ชันมือถือ (หรือแท็บเล็ต) โดยทั่วไปจะใช้งานไม่ได้นะ

และที่ว่าหลาย ๆ คนน่าจะชอบกัน โดยเฉพาะคนที่ยังติดใช้ PC อยู่ คือแอปฯ WPS Office PC นี้จะไม่ได้ใช้เคอร์เซอร์เมาส์ในรูปแบบเดิมนะ จะใช้เป็นเคอร์เซอร์เมาส์แบบที่เราเห็นในคอมพิวเตอร์ปกติเลย ไม่ใช้เคอร์เซอร์กลม ๆ เพื่อให้เวลาเราคลิกเมาส์นั้นตรงจุดมากกว่าเดิมได้ โดยเอกสารเหล่านี้ที่สร้าง หรือแก้ไขผ่าน WPS Office PC นี้ ก็สามารถเซฟ ไปใช้งานกับคอมพิวเตอร์ PC เครื่องอื่น ๆ ต่อได้เลย โดยรวม ๆ แล้ว ฟีเจอร์ใน WPS Office PC นี้แทบจะเหมือนการยก WPS Office แบบที่เราใช้กันใน PC มาใส่ในแท็บเล็ตเลย โดยหน้าตาของแอปฯ นั้นมีการจัดวางที่ออกไปทางคล้ายกับโปรแกรมออฟฟิศที่เราเคยเห็นกัน ซึ่งทำให้ใครที่เคยชินกับหน้าตาแบบเดิม ก็จะไม่ต้องปรับตัวมากนักด้วย

ต่อด้วยสายนักศึกษาที่อยากจดงาน เข้าคลาสแล้วอยากจดเรื่องเรียน หรือเขียนโน้ตต่าง ๆ ก็สามารถใช้ HUAWEI Notes ที่อยู่ในเครื่องมาจดได้เลย คือสามารถใช้แอปฯ เดียว จดโน้ตได้เต็มขั้น หรือจะจดลงไปในไฟล์ PDF ก็ทำได้ง่าย ๆ เลย ซึ่ง UI ของแอปฯ HUAWEI Notes ก็จัดว่าใช้งานได้ง่ายมาก ๆ คือถ้าชอบที่จะเขียนหลายสี HUAWEI Notes ก็มีฟีเจอร์ให้, ชอบไฮไลท์ HUAWEI Notes ก็มีให้ หรือจะวาดรูปร่างแล้วให้แปลงเป็นรูปร่างที่เส้นออกมาตรง ก็ทำได้เลย คือใช้ตัวนี้แทนแอปฯ จดโน้ตโดยทั่วไปได้เลย นอกจากนั้น ยังมีฟีเจอร์ ‘Note Replay’ ที่จะผสมฟีเจอร์การอัดเสียง เข้ากับการบันทึกว่าในจังหวะนั้น เราจดส่วนไหนลงไปได้ด้วย

หรือถ้าเป็นสายวาด HUAWEI MatePad 12x ก็ได้ให้แอปฯ ‘GoPaint’ ที่จะเป็นแอปพลิเคชันสำหรับวาดรูปโดยเฉพาะ ซึ่งแอปฯ นี้ก็มาพร้อมฟีเจอร์ที่เกี่ยวกับการวาดรูปเยอะเลย ทั้งมีพู่กันหลากหลายแบบ เลือกพื้นผิวผ้าใบได้ หมุนเฉพาะแคนวาสที่เราวาดอยู่ได้ หรือจะใช้ฟีเจอร์แอดวานซ์อื่น ๆ ก็ได้ด้วย เรียกได้ว่าสายครีเอทีฟ ศิลปินเองก็ใช้ GoPaint วาดรูปได้อย่างดีแน่นอน โดยไม่ต้องโหลดแอปฯ อื่น ๆ เพิ่มเติมเลย

คือรวม ๆ แล้ว ถามว่าสามารถใช้งานแทนโน้ตบุ๊กได้เลยไหม คำตอบคือได้ คือเราสามารถจินตนาการภาพเป็นคนทำงาน นักเรียน นักศึกษา ใช้ HUAWEI MatePad 12x เครื่องนี้แทนการใช้คอมพิวเตอร์ หรือโน้ตบุ๊กแบบเดิม ๆ ได้เลย ด้วยความที่เครื่องมีความบาง น้ำหนักเบา ใช้ nearlink เชื่อมปากกา/คีย์บอร์ดได้ (หรือจะต่อเมาส์ที่รองรับมาตรฐานนี้ก็ยังได้) ซึ่งจริง ๆ ตัวเครื่องก็ขาดแค่เมาส์เท่านั้นเอง ที่จะทำให้ใช้แทนโน้ตบุ๊กได้เลย แถมยังใช้ปากกาในการจดบนจอที่เนื้อเหมือนกระดาษแบบนี้ได้ด้วย

ดีไซน์และแบตเตอรี่

ทีนี้มาดูเรื่องดีไซน์ของตัวเครื่องกันบ้าง คืออย่างที่เห็นไปก่อนหน้านี้แล้วว่าตัวเครื่องเวลาใส่เคสนั้นออกมาบางมาก ๆ คือตัวเครื่องเปล่า ๆ ไม่ใส่เคสนั้นมีความบางที่ 5.9 มิลลิเมตร และหนัก 555 กรัมเท่านั้น โดยในไทยจะวางขายอยู่ 2 สี อย่างที่รีวิวอยู่นี้คือสี ‘Greenery’ หรือสีเขียวกรีนเนอรี่ คือเป็นสีเขียวอ่อนที่มีการเพิ่ม Texture ให้มีความด้านเล็กน้อย แต่ก็ยังสัมผัสได้ค่อนข้างลื่น อีกสีคือสีขาว ที่จะออกสีขาวนวล ๆ และขัดด้านเหมือนกัน

HUAWEI บอกว่าฝาหลังรุ่นนี้ได้ใช้กระบวนการทำสีแบบ ‘Shimmery Pearlcent Sheen’ ซึ่งทำได้ด้วยการเคลือบผงไมกาด้วยการเคลือบอีโค้ทติ้งสูตรน้ําที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แล้วทำการ Process สีด้วยน้ําอัลตร้าเพียวเกรดเซมิคอนดักเตอร์เพื่อให้เคลือบฝาหลังแบบยูนิบอดี้ได้สม่ำเสมอและแข็งแรง ทำให้ทั้ง 2 สี เวลาโดนแสงจะมีลวดลายระยิบระยับเบา ๆ คือดูสวยงามและแตกต่างจากเดิมด้วยนั่นเอง ในขณะที่รอบ ๆ เครื่องยังใช้กระบวนการขึ้นรูปในตัวแบบ Unibody เพื่อให้ตัวเครื่องมีโครงสร้างไร้รอยต่ออีกด้วย

ส่วนพอร์ตก็ให้พอร์ต USB-C 3.1 มา ถ้าเอามาใช้ต่อแฟลชไดร์ฟ หรือ External SSD ที่รองรับความเร็ว USB 3.0 ขึ้นไป ก็สามารถคัดลอกข้อมูลเข้า – ออกได้เร็วแน่นอน พร้อมกับให้ลำโพงแบบ 6 ตัว พร้อมตัวขับเสียงเบส (วูฟเฟอร์) และเสียงแหลม (ทวีตเตอร์) แยกกัน เพื่อให้ได้ซาวด์สเตจที่กว้าง และได้ใส่อัลกอริทึมเสียง ‘HUAWEI Sound’ ที่ HUAWEI จูนเอง มาในตัว แปลว่า HUAWEI MatePad 12x เครื่องนี้ก็เหมาะใช้เสพคอนเทนต์เหมือนกันนะ (ตัวเครื่องผ่านมาตรฐาน Widevine DRM L1 ด้วยนะ NetFlix ไม่มีปัญหา)

และแบตเตอรี่ เห็นเครื่องบาง ๆ แบบนี้ ตัวเครื่องให้แบตเตอรี่มาขนาด 10,100 มิลลแอมป์เลย ซึ่งด้วยขนาดของเครื่อง หน้าจอที่เป็น IPS และสเปคข้างในแล้ว ถ้าเน้นใช้งานทั่วไป สามารถใช้งานทั่ว ๆ ไป ทำงานเอกสาร ดูคอนเทนต์ต่าง ๆ เล็กน้อยได้ยาว ๆ ตั้งแต่เช้าจนเย็นได้เลย แต่ถ้าแบตเตอรี่ไม่พอ ก็ยังชาร์จไวได้ด้วย HUAWEI SuperCharge ความเร็ว 66W ได้ด้วย ถ้าแบตเตอรี่ไม่พอ ก็ไม่ใช่ปัญหาเลย

และกล้องถ่ายภาพ ได้ให้กล้องหลังมาความละเอียด 13 ล้านพิกเซล กับกล้องถ่ายภาพมุมกว้างมาก 112 องศา 8 ล้านพิกเซล และกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล จริง ๆ กล้องถ่ายภาพไม่ใช่จุดหลักของการมีแท็บเล็ต กล้องที่ให้มาก็พอจะสามารถใช้เพื่อถ่ายสไลด์แบบไว ๆ หรือถ่ายภาพเล็กน้อยเพื่อมาประกอบการจดโน้ต หรือทำเอกสารของเราได้แบบไว ๆ หรือเน้นไว้ใช้สแกน QR Code ซึ่งสำหรับแท็บเล็ต เท่านี้ถือว่าเพียงพอแล้ว

สเปกภายในเครื่องและการเล่นเกม

ส่วนสเปคภายในเครื่อง แม้ Huawei ไม่ได้บอกชัดเจนว่าตัวเครื่องใช้ชิปเซตอะไร แต่จากที่เราลองตรวจสอบมา บอกว่าตัวเครื่องใช้ชิปเซต Huawei T90A (ซึ่งต่างกับ MatePad Pro 12.2 ที่บอกว่าใช้ชิปเซต Huawei T91A นะ) โดยมาพร้อมกับแรม 12GB และหน่วยความจำขนาด 256GB ด้วยกัน

ซึ่งจากที่เราได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพมาแบบเบื้องต้น พบว่าชิปเซต Huawei T90A นี้ มีประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกันกับใน Snapdragon 8 Gen 1 ซึ่งถือว่าเพียงพอมาก ๆ แล้วสำหรับแท็บเล็ตเพื่อการทำงานแบบนี้

โดยเราได้ลองเอาไปทดสอบในด้านการเล่นเกม เราลองเอาไปเล่น Genshin Impact แบบปรับสุดดู ก็พบว่าตัวเครื่องไม่ได้มีปัญหาเรื่องการกระตุกอะไรนัก จะมีแค่ตอนโหลดฉาก หรือตอนที่ขยับตัวแบบเร็ว ๆ ที่จะมีอาการกระตุกแบบเฟรมตกบ้างเล็กน้อยเท่านั้น แต่จริง ๆ ถ้าปรับลดมาเหลือสัก Medium ก็จะให้ประสบการณ์ในการเล่นได้ดีกว่าแน่นอน

หรือเกมอื่น ๆ จริง ๆ ก็สามารถใช้งานได้แบบสบาย ๆ แต่มักจะมีปัญหาในด้านการเชื่อมต่ออยู่บ้าง เช่นว่า บางเกมอาจจะไม่รองรับการเชื่อมต่อบัญชีผ่านแอปฯอื่น ๆ บ้างเล็กน้อย แต่รวม ๆ แล้วสามารถใช้เล่นเกมทั่ว ๆ ไปที่เราเล่นกันได้สบาย ๆ ไม่ว่าจะเป็น RoV, PUBG Mobile หรือเกมอะไรก็ตาม

สรุปส่งท้ายและราคา

HUAWEI MatePad 12 X นั้น แม้จะเรียกว่าเป็นแท็บเล็ตสายกลางก็จริง เพราะตัวเครื่องสามารถใช้ทำงานได้ทุกรูปแบบ อาจจะไม่ใช่รุ่นที่สูงสุด หรือดีสุด แต่ก็สามารถทำงานได้ครบถ้วน จนแทบจะใช้แทนโน้ตบุ๊กเครื่องหนึ่งเลยก็ได้ ด้วยแอปฯ ที่ให้มาในเครื่องทั้ง WPS Office PC, HUAWEI Notes หรือ GoPaint ที่สำหรับสายครีเอทีฟ นักศึกษา หรือพนักงานออฟฟิศที่อยากได้อุปกรณ์สักเครื่องที่ใช้ทำงานแบบคล่องตัว ไว้ทำงานกัน เรียกว่าใช้งานแทนกันได้เลย

ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่า ตัวเครื่องนั้นจะวางจำหน่ายแยกกันต่างหากกับปากกา M-Pencil รุ่นที่ 3 และเคสคีย์บอร์ดนะ (ช่วงขายช่วงแรกมีของแถมแบบครบครันเลย) แต่การที่ตัวเครื่องจะครบ และพร้อมใช้งานได้ ควรจะมีทั้งปากกา, เคสคีย์บอร์ด และเมาส์ไร้สายสักตัว เอาไว้ใช้ควบคุม จะทำให้ HUAWEI MatePad 12X เครื่องนี้ทำงานได้แบบเต็มประสิทธิภาพนั่นเอง

ค่าตัวของ HUAWEI MatePad 12 X นั้นวางจำหน่ายในประเทศไทยอยู่ที่ 19,990 บาท ครับ โดยในช่วงแรกจะมีโปรโมชันแถมเพิ่มเติมจากตัวเครื่องแท็บเล็ตอย่างเดียวด้วยโดยจะแถมปากกา HUAWEI M-Pencil รุ่นที่ 3, คีย์บอร์ด HUAWEI Smart Magnetic และเมาส์ Bliuetooth ให้ไปด้วยเลย โปรโมชันตั้งแต่ 25 ธ.ค. – 4 ม.ค. นี้เท่านั้น