วางขายไปแล้วทั้งคู่ Huawei P20 และ P20 Pro ซึ่งเชื่อว่าหลายคนยังคงลังเลว่าจะเลือกรุ่นไหนดี ด้วยราคาที่ต่างกัน 19,990 บาท และ 27,990 บาท หักลบแล้วห่างกันตั้ง 8,000 เอาไปทำอะไรได้อีกเยอะแยะ งั้นลองมาดูการเปรียบเทียบของทั้ง 2 เครื่องหลังจากที่เราได้ลองใช้งานมาแล้วทั้งคู่เผื่อจะช่วยตัดสินใจได้ว่ารุ่นไหนกันแน่ที่เหมาะกับเรา
6 สิ่งที่เหมือนกัน Huawei P20 | P20 Pro
1) ชิปเซ็ต Kirin 970 + AI ของทั้ง 2 รุ่นนั้นมันคือตัวเดียวกัน และจากที่ลองใช้งานมาประสิทธิภาพและทุกอย่างมันเท่ากัน เพราะฉะนั้นจะเลือกรุ่นไหนก็ไม่ต้องกลัวว่ามันเร็วหรือแรงไม่เท่ากัน
2) หน่วยความจำภายใน 128GB ทั้ง 2 รุ่นมีความจุดเท่ากัน หน่วยความจำที่ใช้ก็เป็นประเภทเดียวกันคือ UFS 2.x เรื่องความเร็วในการอ่านเขียนหายห่วง และที่สำคัญทั้ง 2 รุ่นยังเพิ่มเมมไม่ได้เหมือนกันด้วย
3) รองรับการใช้งาน 2 ซิม Dual 4G / Dual VoLTE ไม่มีช่องใส่เมมเพิ่มแล้ว แต่ยังมีช่องใส่ซิมที่ 2 ให้อยู่นะ และยังสามารถจะเกาะคลื่น 4G ได้ทั้ง 2 ซิม และเปิด VoLTE ได้ทั้งคู่อีกต่างหาก
4) กล้องหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล เซลฟี่ได้ชัดเท่ากันทั้ง 2 รุ่น เพราะกล้องหน้าเป็นตัวเดียวกัน และยังใช้ software เหมือนกันอีกด้วย
5) ระบบ Maste AI ตัวช่วยในการถ่ายภาพ ไม่ว่าจะเลือกรุ่นมาตรฐาน หรือหยิบรุ่น Pro ก็มีระบบ Master AI ที่ช่วยตรวจจับซีนต่างๆ ในการถ่ายภาพ ทั้งการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ อาหาร สัตว์เลี้ยง หรือดอกไม้ และยังสามารถระบุซีนอื่นๆ ได้อีกเป็นสิบๆ
6) หน้าจอรองรับแสดงผลแบบ HDR10 ถึงแม้ขนาดหน้าจอจะไม่เท่ากัน และใช้พาเนลคนละแบบ แต่ทั้ง 2 รุ่นสามารถแสดงผลวิดีโอหรือเนื้อหาท่ีี่เป็น HDR 10 ได้ทั้งคู่
10 สิ่งที่ต่างกัน Huawei P20 | P20 Pro
1) หน้าจอ P20 ขนาดตัวเครื่องนั้นเล็กกว่า เพราะหน้าจอ 5.8 นิ้วที่ใช้ซึ่งลองแล้วมันค่อนข้างพอดีมือ ส่วนรุ่น Pro มีขนาด 6.1 นิ้ว ซึ่งตัวเครื่องก็อาจจะเต็มมือกว่า ผมเองก็รู้สึกว่ามันใหญ่ไปหน่อยเหมือนกัน
2) ชนิดของหน้าจอ จอ RGBW กับจอ OLED นั้นให้สีที่ต่างกันนิดหน่อยอยู่แล้ว เรื่องความขาวนี่ยังไง LCD RGBW ของ P20 ก็ได้เปรียบจอ OLED ของ P20 Pro แต่เรื่องการจูนสีสันนั้นต้องบอกว่าทำได้ดีทั้ง 2 รุ่น ส่วนความจัดจ้านและโทนสีอาจจะต้องขอให้ไปดูด้วยตาตัวเองว่าชอบจอแบบไหนมากกว่ากัน
3) แบตเตอรี่ แน่นอนว่าเครืื่องเล็กก็เหลือที่จุแบตไม่เยอะคือ 3400 มิลลิแอมป์ ส่วนเครื่องใหญ่ก็ได้ไปเต็ม 4000 มิลลิแอมป์ ส่วนต่าง 600 มิลลิแอมป์จริงๆ ก็ไม่ได้มีผลมาก อึดกว่ากันราวๆ 1 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับการใช้งานด้วย)
4) ลำโพง ในรุ่น P20 นั้นเป็นลำโพงเดี่ยวหรือโมโน ส่วนรุ่น P20 Pro เป็นลำโพงสเตอริโอบนล่าง ซึ่งเป็นการแยกเสียงต่ำเอาไว้ด้านล่าง ส่วนเสียงสูงจะขับออกที่ลำโพงด้านบน
5) การทนน้ำทนฝุ่น P20 ได้มาตรฐาน IP53 ซึ่งแน่นอนว่าสามารถทนละอองน้ำได้เท่านั้น ส่วน P20 Pro นั้นเป็น IP67 สามารถอยูู่ในน้ำที่ความลึก 1 เมตรได้ 30 นาที
6) RAM ขนาดของ RAM 4GB และ 6GB นั้นเอาจริงๆ ในมือถือเรือธงนั้นไม่ค่อยมีผลต่างกันเท่าไหร่ เพราะยังไม่มีแอปตัวไหนที่ต้องกิน RAM เยอะแยะมากมายขนาดนั้น และระบบของ Huawei เองหลายๆ ครั้งก็ kill app ล้าง RAM ให้เราบ่อยๆ จะ 4 หรือ 6 จากที่ลองเล่นมาทั้งคู่ไม่รู้สึกต่างกันขนาดนั้น
7) IR Blaster รีโมทอินฟราเรทนี่บางคนก็ใช้จริงจัง แต่บางคนก็ไม่รู้ว่ามันมี คือมันสามารถเอาไปใช้งานแทนรีโมท ทีวี พัดลม แอร์ และสิ่งอื่นๆ ในบ้านได้เลย แต่คุณจะได้ใช้หรือเปล่าก็คงต้องถามตัวเองดู
8) กล้องหลัง อยากได้ 2 กล้องหรือ 3 กล้อง ถ้าถามผมก็ขอบอกว่าเนื้อไฟล์มันพอๆ กันครับ เพราะหากจะถ่ายธรรมดาทั่วไป เราก็จะได้ความละเอียด 12MP ในรุ่น P20 ส่วนรุ่น P20 Pro ก็ 10MP (ยกเว้นจะเปิดโหมด 40MP ของ P20 Pro ซึ่งอาจจะมีข้อจำกัดในหลายๆ อย่าง เช่นการซูม)
9) การซูม กล้องของ P20 นั้นมีแค่ 2 เลนซ์และไม่ได้มีเลนส์ที่ออกแบบมาเพื่อการซูมเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้นระยะที่พอจะเปิดซูมได้แล้วถ่ายออกมาโอเคคือ 2x เท่านั้น ส่วน P20 Pro นั้นมีข้อได้เปรียบเพราะมีกล้อง telephoto 3x ติดมาด้วย ระยะซูม 3x และ 5x นั้นถือว่าภาพยังดีอยู่เลย ส่วนที่ระยะ 10x นั้นระบบ AIS ที่มาช่วยเรื่องกันสั่นทำงานได้เยี่ยม ล็อคภาพให้นิ่งได้ แต่เนื้่อภาพและรายละเอียดก็ลดทอนลงไปเหมือนกัน เพราะยังไงก็เป็นดิจอตอลซูมครับ
10) ราคา อ่านมาหลายข้อแล้ว คาดว่าน่าจะตัดสินใจกันได้แล้วนะครับว่าจะจ่าย 19,990 บาท หรือจะจ่าย 27,990 บาท แต่ถ้ายัง งั้นมาลองดูตัวอย่างภาพถ่ายจากทั้ง 2 รุ่น ที่ไปกดมาโดยพยายามจัดให้เฟรมอยู่ในตำแหน่งเดียวกันมากที่สุด
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก P20 และ P20 Pro เทียบกันช็อตต่อช็อต
สรุปเลือก P20 หรือ P20 Pro ดี
ถ้าจะให้สรุปสั้นๆ ง่ายๆ ละก็ ในแง่ความคุ้มค่า และไม่ได้ต้องการพลังซูม 5x 10x Huawei P20 ตอบโจทย์กว่าแน่นอน แต่ถ้างบถึง และอยากจะไปให้สุด จะสอย P20 Pro อันนี้ก็ไม่ขัดศรัทธากันอยู่แล้ว
เสียดายสอย s9+ ไปแล้ว
ของคนละเกรดเลยครับ ไม่ต้องเสียดาย
คนล่ะเกรดจริงๆด้วย
Huawei P20 Pro review: The Galaxy S9 killer
https://www.androidauthority.com/huawei-p20-pro-review-853352/amp/
เว็บนี้มัน out ไปนานละครับ เชียร์มือถือจีนจนออกนอกหน้า สมัยนี้เค้าไปดู Marques Brownlee, Mrwhostheboss, Everythingapplepro, Mr.Mobile กันหมดแล้ว และก็ยังยืนยันว่า ของคนละเกรด อยู่ดี
Reviewer ที่หากินกับค่ายมือถือ กับ Reviewer ที่หากินกับ คุณภาพ content, Google AdSense มองปราดเดียวก็น่าจะรู้แล้วครับ ผมไม่ได้แอนตี้มือถือจีนนะ เคยใช้ทั้ง Xiaomi, Huawei, ZTE
ผมใช้ทั้ง ss และ huawei และ apple
ถ้าตลาดบน มันก็เกรดเดียวกันหมดแหละครับคุณเอ๊ยย อย่ามาแบ่งแยก แบ่งชนชั้นอะไรไร้สาระเล้ย
สมัยนี้เค้าเท่าเทียม เป็นคู่แข่งกันหมดแหละครับ ใครทำมาดีกว่า ผู้บริโภคก็เลือกซื้อใช้
คนละเกรดกันจริง ด้วย ห่างกัน 10 คะแนน
https://www.dxomark.com/huawei-p20-pro-camera-review-innovative-technologies-outstanding-results/
หรือ dxo ก็ไม่น่าเชื่อถืออีก ????
ผมสอย S9+ มา แล้วขายไปแล้วครับ เนื่องจากสาเหตุใหญ่ๆ 3 อย่าง
1.ไม่สามารถใช้ app อัดเสียงตอนคุย เช่น call recorder ได้
ในขณะที่ S8+ ทำได้สบาย พอไม่สามารถอัดเสียงได้ ทำให้ทำงาน
ลำบากขึ้นมากๆ
https://forums.androidcentral.com/ask-question/874403-call-recorder-app-not-working-galaxy-s9-plus.html
2.กล้องหน้าห่วยกว่า S8+ อย่างเห็นได้ชัด ปกติผมใช้ S8+
พอมาใช้ S9+ ก็รู้สึกได้เลยกว่ากล้องหน้าแย่กว่า S8+
ลองเอาไปที่ร้าน Samsung เซ็นทรัลพัทยา พนักงานหลายคน
มาช่วยกันดูและเป็นพยาน พบว่ากล้องหน้า S8+ สวยกว่า
S9+ จริงๆ
3.การออกแบบที่มีเงี่ยงตรงขอบด้านหลัง คือใน S8+ มันจะ
สมูทจากด้านหน้า ด้านข้าง ไปถึงขอบหลัง แต่ของ S9+
มันจะมีเงี่ยงตกร่องตรงด้านข้าง ทำให้การจับไม่สมูทมือ
เหมือนกับ S8+
ด้วยเหตุผล 3 อย่างนี้ เลยขาย S9+ แล้วใช้ S8+ ต่อ
แล้วก็กะว่าน่าจะเปลี่ยนค่ายแล้ว ปกติผมใช้ซีรี่ S ทุกรุ่น
แต่มา S9+ ทำได้ห่วยจริงๆ ทั้งๆที่ S7 Edge มา S8+ นี่
ประทับใจมากๆ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น
ผมก็สอย S9+ 256GB มาแล้ว ตอนแรกกะจะซื้อ P20 Pro มาให้แฟน แต่ซื้อมาแล้วเอา S9+ ให้แฟนใช้แทน
P20pro แบตอึดกว่าเยอะ แสกนนิ้วแสกนหน้า ไวกว่ามากๆ
นอกนั้นพอๆกันนะ ดีทั้งคู่
แต่ผมชอบ Design Huawei มากกว่า ไม่ค่อยชอบจอโค้งๆลง เวลาดูหนังมันหลอกตา
@TuMmErSsS เวปนี้ดีครับ คนไทยรีวิวช่วยๆกันดูและพัฒนากัน ส่งเสริมกัน ไปดู Marques Brownlee แล้วก็บินไปอยู่ usa เลยนะครับ
ดูรีวิวแล้ว Huawei P20 Pro ปีนี้ทำออกมาดีใช้ได้เลย ถ้าไม่เคยใช้ Huawei ลองย้ายค่าย
ดูไม่ได้แย่ กว่า S8+ ผมว่าดีกว่า S9 ด้วยซ้ำเรื่องกล้อง ลองหา review ต่างประเทศเทียบกับเห็น ๆ เลยงานนี้ ผมว่า samsung คงคิดหนักราคาเครื่องก้อไม่ถูกกว่าเลย
เช็คราคา http://www.priceza.com/huawei-p20-pro-sale ส่วนใหญ่ของแถมแต่ล่ะร้านต่างกัน
อยากให้เปรียบเทียบ mate10pro กับ P20 ด้วยครับ เพราะว่าราคาใกล้กันมาก….
อ่านไปอ่านมา p20 นี้ คุ้มกว่า
ความคิดเห็นส่วนตัว
ได้ไปลองเมื่อวานจับทั้งตัวธรรมดาและโปรสวยทั้งคู่ครับ ตัวโปรที่ยัดแบต 4,000 ไม่หนักเลยครับ (หันกลับไปมองโซหนี้) เรื่องหน้าจอคือสีสันแทบไม่ต่างกันเลยทั้งๆเป็นจอคนละชนิด ตัวธรรมดาใช้จอ LCD ที่เรียงซับพิกเซลแบบ RGBW ก็พบว่าไม่มีความแตกต่างจากจอ LCD ที่เรียงแบบ RGB ปกติเลย และตัวโปรใช้ OLED ก็จริงแต่ถ้าไม่บอกก็คงคิดว่าเป็น LCD ผมว่าจอ OLED ในตัว P20 Pro มันดูคมและสวยกว่า Mate 10 Pro ครับ แต่ว่ามันก็ยังไม่สวยปิ๊งๆบลิ๊งๆแบบซัมซุง
ส่วนที่อยากจะบอกอีกเรื่องสำหรับคนที่ชอบถ่าย slow motion คือทั้งรุ่นปกติและโปรสามารถถ่าย 240 fps ได้ด้วย ซึ่งผมไม่แน่ใจว่ารุ่นก่อนตระกูล 10 มันถ่านได้แค่ 120 fps หรือเปล่า (P9 ผมก็ถ่ายได้แค่ 120 fps)
p20-20pro มีโหมด Slow Sync Flash ไหมครับ
ส่วนต่างราคาพอสมควรตัดใจได้ไม่ยาก
ซื้อผี 20 โปรมาใช้งาน GPS และ Google Map เพื่อนำทางไม่ได้เลย ค้างตลอด ไม่รู้คนอื่นเป็นหรือเปล่า
สรุปว่าเลนส์ตัวที่ 3 ที่เพิ่มขึ้นมาเอาไว้แค่ซูมใช่ไหมครับ
ถ้าถ้ายปกติคือ p20 = p20 pro
รูปตัวอย่างที่เปรียบเทียบ P20 กับ P20Pro รูปน้องนางแบบชุดขาว ลงรูปซ้ำกันนะครับ คือสองรูปเป็นรูปเดียวกัน แต่ลงว่ามาจากคนละกล้อง
ทำมัยซูมดูภาพไม่ค่อยคมเลย ซูมแล้วดูเบลอๆ
ข้อ9 " ส่วนที่ระยะ 10x นั้นระบบ AIS ที่มาช่วยเรื่องกันสั่นทำงานได้เยี่ยม "
… มีเอไอเอส กันสั่นด้วยหรือผมยังไม่ตกข่าวครับ 🙂
ใช่ครับ เค้ามี AI กันสั่น ไปอ่านสเปกดูดีๆนะครับ