เมื่อสัปดาห์ที่แล้วทางหัวเว่ยมีแถลงผลประกอบการในครึ่งปีแรกมาให้ได้ทราบกัน ซึ่งมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดสูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดทั้งในเมืองไทยและทั่วโลก อยู่อันดับ 2 ของโลกแอนดรอยด์ เผยที่มาของความฮิตด้วยความแข็งแกร่ง 4 ด้าน ได้แก่ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ช่องทางจำหน่าย การสร้างแบรนด์ และบริการหลังการขาย แม้ว่าจะมีมรสุมในช่วงเดือน เมษายนที่ผ่านมา แต่ก็เป็นเพียงผลระยะสั้น ชี้เป็นเพียงความเข้าใจที่คาดเคลื่อน ปัจจุบันยอดขายเริ่มกลับมาแล้ว
สำหรับตัวเลขที่ทาง Huawei เปิดเผยมีดังนี้
- ครึ่งปีแรก ยอดขายทั้งหมดของ Huawei สูงถึง 73 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 20.6%
- ยอดขายในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 8 เท่าเมื่อคิดเป็นจำนวนเครื่อง
- เมื่อคิดเป็นมูลค่ารวมของยอดขายทุกเครื่องรวมกัน เติบโตขึ้น 5 เท่า
- ครองส่วนแบ่งตลาด 10.7% ในเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีเพียง 1.2% เท่านั้น
สำหรับอันดับยอดขายในประเทศไทย ทาง Huawei เปิดเผยว่า อันดับ 1 ยังคงเป็น Samsung ที่นำไปไกล ส่วนอันดับ 2-4 มีส่วนแบ่งที่ค่อนข้างใกล้เคียงกัน และสลับตำแหน่งขึ้นลงกันไปตามแต่ละเดือน คือ Apple Oppo และ Huawei
ในระดับโลก Huawei เค้ายึดที่สองของโลก Android เอาไว้ได้ และยังเติบโตอย่างโหดด้วย
ชี้แจงปัญหา Huawei Mate 9 และ P10
แน่นอนว่าในงานแถลงข่าวก็มีความพยายามถามไถ่ถึงเรื่องนี่กันอีกรอบ ซึ่งทางคุณชาญวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด ก็ยืนยันหนักแน่นว่า Huawei Mate 9 ที่มีการโฆษณาเรื่องการใช้หน่วยความจำ UFS 2.1 นั้น ทุกรุ่นทำความเร็วผ่านมาตรฐานทั้งหมด ส่วน P10 และ P10 Plus ที่ไม่เคยโฆษณาว่าจะใช้หน่วยความจำ UFS นั้น ทุกเครื่องที่ขายในเมืองไทยก็ผ่านมาตรฐาน UFS เช่นเดียวกัน ปัจจุบันเรื่องทั้งหมดอยู่ระหว่างการพิจารณาจาก สคบ. และทาง Huawei คาดว่าจะได้รับการยอมรับจากทางหน่วยงานกลับมาแน่นอน
มีผลกระทบในระยะสั้น แต่ยอดขายเริ่มกลับมา
ในงานก็มีคนสงสัยว่าหลังจากเกิดปัญหาดังกล่าวแล้วมีผลกระทบอย่างไรต่อ Huawei บ้างนั้น ยอดขายตกลงหรือเปล่านั้น ทางผู้บริหารแจ้งว่าปัญหาดังกล่าวมีผลกระทบต่อความมั่นใจที่ลูกค้าจะซื้อทั้ง Mate 9 และ P10 Series ในช่วงแรก เป็นระยะสั้น โดยทางแบรนด์ก็พยายามที่จะออกแคมเปญต่างๆออกมาเรียกความมั่นใจ เช่น เรื่องประกันที่ให้ยาวถึง 2 ปี และบริการหลังการขายต่างๆ จนปัจจุบันยอดขายของทั้งสองรุ่นเริ่มกลับมาตามที่คาดแล้ว
เปิดปัจจัยที่ทำให้ยอดขายพุ่ง 4 ด้าน
เมื่อยอดขายพุ่งแบบนี้เลยต้องขออวดซะหน่อย ว่าคนที่ซื้อไปแล้วเค้ามองเห็นอะไรในแบรนด์นี้ ถึงได้ควักกระเป๋ายอมจ่ายกันมากมายจนติดอันดับขึ้นมาได้
1. การพัฒนาผลิตภัณฑ์
มีการเปิดเผยว่าศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) ของหัวเว่ยมีอยู่ถึง 15 แห่งทั่วโลก และยังมีศูนย์พัฒนานวัตกรรมร่วม (Joint Innovation Centers) อีกถึง 36 แห่งทั่วโลก รวมเงินลงทุนในด้าน R&D ในแต่ละปีสูงถึง 10% ของยอดขายเลยทีเดียว รวมสิบปีที่ผ่านมาใช้งบรวมไม่น้อยกว่า 45,000 ล้านดอลล่าร์ไปแล้ว ผลพวงของการวิจัยและพัฒนานี้ก็สามารถเห็นได้จากผลิตภัณฑ์แต่ละอย่างที่ Huawei ทำออกมานี้จะมีความแตกต่างอยู่เสมอ ต่างจากแบรนด์จีนทั่วไปที่บางคนอาจจะติดภาพอยู่นั่นเอง
แต่เดี๋ยวก่อน สิ่งที่ทำให้หลายๆคนตัดสินใจเลือกซื้อหัวเว่ยด้วยเชื่อว่าเป็นของดีมีคุณภาพอีกอย่าง นั่นก็คือการร่วมมือกับแบรนด์ใหญ่ต่างๆ สร้างจุดแตกต่างจากคู่แข่งคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกล้องที่ร่วมมือกับ Leica, หรือเรื่องลำโพงที่จับมือกับ Harman Gardon, และการเลือกใช้สีของเครื่องที่คัดสรรโดยบริษัท PANTONE นั่นเอง
จับมือพัฒนากับ Leica แล้วยกระดับแบรนด์ไปอีกขั้นกันเลย เห็นว่าในเมืองไทย กลายเป็นว่า Leica ก็ขายดีขึ้นตามไปด้วยนะ ฮาาาาาา
MediaPad M3 แท็บเลตที่มีจุดเด่นเรื่องลำโพงและเสียงซึ่ง Co-engineered with Harman Kardon นั่นเอง
2. การขยายช่องทางจัดจำหน่าย
พวกเราๆเคยเห็นมือถือหลายรุ่นที่เจ๋งสุดยอดน่าใช้เป็นที่สุด แต่ว่ามีขายแต่ในต่างประเทศกันมาเยอะแล้ว ซึ่งมือถือรุ่นพวกนั้นก็ไม่ได้ถูกหยิบจับมาใช้งานอย่างแพร่หลายสักเท่าไหร่นัก หรือแม้แต่สินค้าของบางแบรนด์ที่ขายในไทยเอง แต่หาซื้อยากซะเหลือเกินสำหรับคนที่อยู่ต่างจังหวัดหรือพื้นที่นอกเขตเมือง ก็จะกลายเป็นเพียงของดีแต่ไม่มีใครเอา เพราะหาซื้อไม่ได้นั่นแหละ ซึ่งหัวเว่ยเค้าก็จัดการเรื่องนี้ได้ดีเลย เรียกว่ามีขายแทบจะทุกช่องทาง แบบแบรนด์ไหนมีขายที่ใด หัวเว่ยก็จะขอตามไปด้วยนั่นแหละ ปัจจุบันหัวเว่ยมีแบรนด์ช็อปที่เป็นร้านขายแต่สินค้าของหัวเว่ยเองอยู่รวมถึง 41 แห่งทั่วประเทศเลยล่ะครับ
3. การสร้างแบรนด์
ในเมืองไทย สิ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของสักชิ้นนึง จากผลสำรวจที่มีมาแบรนด์เป็นเรื่องที่ใหญ่ที่สุดอย่างนึงเลย คือต่อให้สินค้าจะกะโหลกกะลากว่า สเปคและความสามารถจะด้อยกว่ายังไง แต่ถ้าแบรนด์แข็ง ยังไงคนก็จะยังซื้อ ซึ่งทางหัวเว่ยเค้าก็เปิดเผยว่าเค้ามีการลงทุนในเรื่องนี้ไปเยอะเช่นกัน ดังที่เห็นจากแคมเปญโฆษณาต่างๆมากมาย สร้างความจดจำแก่คนทั่วไปจนเริ่มติดหูกับแบรนด์หัวเว่ย-ไลก้า ถ่ายรูปสวยอะไรแบบนี้ไปเรียบร้อย
แต่ในระดับโลกก็เพิ่งมีการสำรวจจากนิตยสารฟอร์จูนว่าหัวเว่ยเพิ่งขยับขึ้นมาติด Top 100 ของแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก ขึ้นจากอันดับ 129 มาอยู่ที่อันดับ 83 เป็นครั้งแรก และเป็นแบรนด์สัญชาติจีนแบรนด์เดียวที่ได้รับเลือก ซึ่งการจัดอันดับ 500 แบรนด์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกโดยนิตยสารฟอร์จูนนี้ถือได้ว่าเป็น Ultimate List ที่เหล่านักการตลาดอยากจะพาแบรนด์ตัวเองขึ้นไปอยู่ให้ได้สักครั้ง เพราะมันแสดงให้เห็นถึงการยอมรับในระดับนานาชาติ และแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแข่งขันของแบรนด์บนตลาดโลก ที่สามารถข้ามผ่านความหลากหลายด้านวัฒนธรรมและอาณาเขตทางภูมิศาสตร์อีกด้วย
อีกสื่อที่ทำการจัดอันดับเช่นกันแต่ให้ Huawei ต่ำกว่า Fortune ให้เล็กน้อย ก็คือ Forbes ที่วางหัวเว่ยอยู่ที่อันดับ 88 ครับ
4. บริการหลังการขาย
และสุดท้ายก็คือบริการหลังการขาย ซึ่งหัวเว่ยมีการขยายศูนย์บริการ (Huawei Customer Service Center) รวมทั้งหมดเป็น 14 แห่งในไทยไปแล้ว โดยจะมีจุดรับเครื่องเพื่อส่งต่อศูนย์บริการ (Collection Point) อีกกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ แต่ถ้าไม่อยากเดินทางเลยยยย อารมณ์บ้านอยู่ไกลปืนเที่ยง เค้าก็ยังมีบริการมารับให้ถึงหน้าบ้าน “Door to Door Service” ใช้ได้ทุกจังหวัดทั่วไปอีกด้วยนะ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Door to Door Service กันจากโพสต์ของ Huawei เอาเองนะ
และนี่ก็คือข้อมูลทั้งหมดที่ทางทีมงานเก็บได้จากงานแถลงข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วครับ
อือหือ
คนไทยลืมง่าย
moto oppo vivo ใช้ emmc หมดทุกรุ่น sony กับซัมซุง มีแค่ ยี่ห้อละรุ่นที่ได้ที่ได้ 2.1 แล้วลองเทียบราคานะ เพื่อท่านจะรู้มากขึ้น
ใในแง่การสร้างแบรนด์ ต้องยอมรับว่าทั้ง Sale, PR, Marketing,Service ทำแบบเต็มที่หมดหน้าตักมาก ตั้งแต่ P9 ขายดีก็ลุยแบบเต็มสูบสุดๆ อย่างที่ได้เห็นแต่ละอัน ขาดแบรนด์ที่ได้ยินชื่อก็ยี๊ ตอนนี้มีแต่คนยอมรับและมั่นใจเลือกใช้
นอกเรื่องนิดนึง อยากให้ทีมงานโนเกียไทยดูหัวเว่ยในตอนนี้เป็น Case Study จังครับ ยิ่งในช่วงก่อร่างสร้างตัวต้องทำให้เข้าถึงทุกคนมากที่สุด ทั้งการตลาด การกระจายสินค้า การบริการ เร็วๆ นี้ Nokia 8 จะมาแล้วก็อยากให้ลุยเต็มสูบ เอาให้ปังๆๆ เลิกเป็นเสือซุ่มเงียบแบบตอนนี้ซะที
*ขาด เปลี่ยน เป็น จาก นะครับ พิมพ์ผิดครับ
ลดราคาหน่อยก็ลืมหมดแล้วครับ
ส่วนที่ว่าใช้ ufs 2.1 แต่บางรุ่นไม่ใช้ใน mate 9 นี่ ก็ยังแถอยู่ดี ไม่ใช้ก็คือไม่ใช้ ไม่ใช้บอกไม่ใช้ ufs 2.1 แต่ความเร็วผ่านมาตรฐาน เพราะ 2.0 2.1 ส่วนต่างมีมากกว่าความเร็ว บังเอิญหน่วยงานบ้านเราไม่รู้ อาจจะเพราะไม่มีเวลาศึกษา หรืออะไรบังตาก็เป็นได้
หายี่ห้อมา ที่ได้ ufs 2.1 ราคาต่ำกว่า 2 หมื่นที่มีประกันในไทยจริงๆมาซิ
ทำความเร็วผ่านตามมาตรฐาน ถ้ามาตรฐานอยู่ที่500mb/วินาที มันก็ผ่านแทบทุกรุ่นแหละครับ มาตรฐานคือเท่าไร
รุ่นที่ทำยอดขาย % สูงๆ จริงๆ ของหัวเว่ย คือ ตระกูล Y ทั้ง 3 รุ่น ที่มีราคาในช่วง 2500-4500 คับ
ไม่ใช่ ตระกูล Mate หรือ P อย่างที่พยายาม อยากจะเชื่อๆกัน
ต้องชมว่าการตลาดเขาดีคับ รวมถึงบทความนี้ ก็เป็นหนึ่งในโฆษณา อย่างหนึ่งของเขาคับ
จะเห็นว่า มีบทความเนื้อหา ลักษณะเดียวกันนี้เลย กระจายตามเว็บมือถือชั้นนำในไทย แทบทุกเว็บ
กรอกหู วนซ้ำๆไปมา อ่านแล้วเคลิ้มดีนักแล
บทความก็ไม่ได้บอกนี่คับว่าขายดีเฉพาะ MateกับP ส่วน android ที่ยอดขายเยอะๆก็เป็นตัวถูกทุกยี่ห้ออยู่แล้ว จะสื่อว่าอะไรหรอคับ
บทความไม่ได้บอก แต่ผมก็ตีความอย่างนั้นนะ ว่าขายได้จากรุ่นกลางไปรุ่นแพง เพราะรุ่นถูกนี่ เราแทบไม่เห็นโฆษณาตามสื่อ หรือเว็บไซต์เลย
ถามว่าคนส่วนมาก ที่ไม่ได้ติดตาม คงไม่ค่อยรู้ว่านอกจาก GR5 2017, P9 P10 Mate ยังมีพวก Y อยู่อีก แต่ก็คงจบแค่นี้ เพราะ ceo ให้ข่าวเองว่าอนาคตจะไม่ทำรุ่นถูกมาขายแล้ว
ถามว่าจะสื่ออะไร ก็ถือว่าให้ข้อมูลละกัน คนไม่รู้ก็ยังมี
เหรอครับ สงสัยใช้ oppoไม่ก็วีโง่แน่ๆเลย
โหง่ายแบบนี้เลยหรอปีแรกๆ เอารูปจากกล้อง DSLR มาบอกว่าถ่ายจากมือถือตัวเอง ครั้งที่สอง RAM ใส่ปนๆกันมาก็ทำให้ยอดขายถล่มทลาย ขายดีทั่วทุกทวีป นี่ถ้ามีครั้งที่สามคงขึ้นอันดับหนึ่งเลยว่างั้น…
เขารู้จักเอาแบรนด์มีชื่อมาหากินด้วยครับ อย่าง leica หรือ pantone เลยเป็นจุดขายใหม่ๆ ที่แตกต่างจากค่ายอื่นๆ
แต่การทำชื่อเสียให้ตัวเอง ส่วนตัวคิดว่าคงไม่จบแค่นี้หรอก (จีนแผ่นดินใหญ่ อย่าเผลอ ไม่งั้นเป็นโดนตลอด) ถ้าเข็ดก็ว่ากันไปอีกเรื่อง แต่คงไม่ มีแต่จะทำเนียนยิ่งๆ ขึ้นไป และที่สำคัญ ปีนี้แสดงให้เห็นแล้วว่าแม้จะทำเรื่องไม่ดี แต่ยอดขายตกไม่นาน ปีหน้าทำอีก ตกนิดหน่อย แต่กำไรมาก
ถ้าไม่มีเรื่องเสปคไม่ตรง ถ้าผิดแล้วยอมรับแก้ไขเหมือนที่ซัมซุงทำ ยอดขายน่าจะโตมากกว่านี้ และยอดขายจะโตยั่งยืนขึ้น การที่บอกว่าโตขึ้นเท่าไหร่ไม่ได้บอกว่าโตแค่ไหนเมื่อเทียบกับ full potential
ไม่ชอบบริษัทที่ชอบโกหกบ่อยๆครับ
จนคิดว่ายอดเหล่านี้อาจแต่งตัวเลขอีกด้วย
ขอโทษนะที่รัก เธอโกหกมากเกินไป อิ ๆ
บริการหลังการขาย 55555 น้ำตาจิไหล ดีแต่โฆษณา บริการแย่มากๆ