หลังจากที่ HUAWEI ได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนจอพับรุ่นล่าสุดที่ได้กลับมาขายในไทยอย่าง HUAWEI Mate X6 แล้ว นอกจากนี้ ภายในงาน HUAWEI Flagship Product Launch ยังได้มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ ๆ ประกอบไปด้วยสมาร์ตโฟนรุ่นกลางอย่าง nova 13 Series ที่พร้อมกัน 2 รุ่น, แท็บเล็ต MatePad 12X และหูฟังไร้สาย FreeBuds Pro 4 มาเสริม Ecosysytem ของ HUAWEI ในไทย

HUAWEI nova 13 Series

HUAWEI nova 13 Series เป็นภาคต่อของสมาร์ตโฟน HUAWEI ในซีรีส์รุ่นกลาง ที่ยังจัดเต็มเรื่องกล้องเหมือนเดิม แถมยังให้มาตรฐานการชาร์จไวที่มากถึง 100W อีกด้วย ซึ่งในรอบนี้ ก็ได้มาพร้อมกัน 2 รุ่นย่อย คือ HUAWEI nova 13 และ nova 13 Pro

HUAWEI nova 13

เริ่มต้นที่รุ่นย่อยแรกอย่าง nova 13 ที่ได้ให้กล้องถ่ายภาพหลัก Ultra Vision ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ขอบเขตสี RYYB ที่ทำให้ถ่ายภาพกลางคืนได้ดีกว่าเดิม และกล้องถ่ายภาพมุมกว้างมาก 112 องศา ที่ถ่ายมาโครได้ ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และเลเซอร์โฟกัสเซนเซอร์อุณหภูมิสี 10 แชนแนล แต่ที่น่าสนใจก็คือ ได้ให้กล้องหน้าที่สามารถถ่ายภาพบุคคลได้กว้าง 100 องศา ที่ความละเอียด 60 ล้านพิกเซล ซึ่งด้วยความละเอียดและมุมกว้างมาก กล้องหน้าของ HUAWEI nova 13 จะเหมาะกับการถ่ายภาพเซลฟี่แบบกลุ่มอย่างดี

โดยกล้องถ่ายภาพบุคคล ได้เพิ่มโหมดการถ่ายภาพบุคคลผ่าน XD Portrait Engine ที่จะแต่งรูปหน้า และปรับแต่งผิวให้มีรายละเอียดที่ดีขึ้นได้ ผ่านโหมดภาพถ่ายบุคคล 3 แบบ คือ ธรรมชาติ, ละเอียดอ่อน และ ทันสมัย โดยมาพร้อมฟีเจอร์ AI อย่าง AI Best Expression ที่จะเลือกภาพถ่ายหมู่ที่ดูดีที่สุดจากหลาย ๆ ชัตเตอร์มารวมกันเป็นภาพเดียว ให้ทุกคนดูดีที่สุดในภาพเดียวกันได้ด้วย

นอกจากนั้น HUAWEI nova 13 ยังมาพร้อมหน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว พาเนลจอแบบ OLED รีเฟรชเรตสูงสุด 120Hz ความละเอียด Full HD+ (2412 x 1084 พิกเซล) โดยมาพร้อมกับเทคโนโลยี AI Display Turbo ที่ทำให้ได้ภาพที่คมชัด และสีสดใสขึ้นมามากกว่าเดิม แต่ก็ทำให้ได้ภาพที่สีตรงอยู่ที่ DCI-P3 100% โดยสามารถหรี่แสง PWM Dimming ได้มากสุดที่ 1,440 Hz อีกด้วย และยังใช้ตัวปรับแสงฟ้าแบบ Circadian display, AI Eye Comfort Display ที่จะใช้ AI ในการปรับแสงให้สบายตามากขึ้น

ส่วนด้านดีไซน์ HUAWEI nova 13 มีดีไซน์ฝาหลังที่ออกแบบพื้นผิวเป็นลายสก็อตแบบไดนามิกที่สามารถเล่นแสงให้เกิดลวดลายให้ดูแตกต่างไปจากเดิม โดยสามารถทำความบางได้ที่ 6.98 มิลลิเมตรอีกด้วย โดย HUAWEI nova 13 ได้ให้แบตเตอรี่มาที่ขนาด 5,000 mAh และสามารถชาร์จไวได้ผ่าน HUAWEI SuperCharge 100W

โดย HUAWEI nova 13 จะวางจำหน่ายในไทย 2 สีคือสีเขียวโรเด้น (Loden Green) และสีขาว (White)

สเปกของ HUAWEI nova 13

  • จอภาพ : OLED ขนาด 6.7 นิ้ว
    • ความละเอียด 1084 x 2412 พิกเซล
    • สว่างสูงสุด ไม่ระบุ
    • อัตรารีเฟรช 120Hz
    • รองรับอัตราความไวสัมผัส 300Hz, การหรี่แสง PWM ความถี่สูง 1440Hz, สีสัน 1.07 พันล้านสี
  • ชิปเซต : ไม่ระบุ
  • RAM 12GB
  • ROM 256GB
  • กล้องหลัง :
    • กล้องหลัก Ultra Vision 50 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/1.9, โฟกัส PDAF
    • กล้องอัลตราไวด์ 8 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.2, มุมมองกว้าง 112˚, AF
  • กล้องหน้า : 60 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.4, มุมมองกว้าง 100˚
  • ระบบเสียง : HUAWEI Histen
  • แบตเตอรี่ : 5,000 mAh
    • รองรับชาร์จไว 100W
  • การเชื่อมต่อ
    • 4G
    • Wi-Fi 6
    • Bluetooth 5.2
    • NFC
  • พอร์ต
    • USB Type-C 2.0
    • ซิม : Dual SIM (Nano-SIM, dual stand-by)
  • เซนเซอร์ : สแกนนิ้วบนหน้าจอ, accelerometer, gyro, compass, color spectrum, BDS Satellite Calling and Message
  • ความทนทาน : ไม่ระบุ
  • ระบบปฏิบัติการ : EMUI 14.2
  • ขนาด : 161.4 x 75.3 x 7 มม.
  • น้ำหนัก: 195 กรัม

ตัวอย่างเครื่องจริงของ HUAWEI nova 13

HUAWEI nova 13 Pro

ส่วน HUAWEI nova 13 Pro เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นกลางที่อัปเกรดมาจาก nova 13 เดิมมาพอสมควร โดยได้มีการเพิ่มกล้องถ่ายภาพมาให้มากกว่าเดิม โดยนอกจากจะได้ให้กล้องถ่ายภาพหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซลที่่เป็นเซนเซอร์รับแสงแบบ RYYB แล้ว ยังเป็นกล้องถ่ายภาพที่สามารถปรับรูรับแสงได้ โดยสามารถปรับได้จาก f/1.4 – f/4.0 และได้ให้กล้องถ่ายภาพบุคคล Telephoto แบบซูมออปติคอล 3 เท่า ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่ใช้เซนเซอร์รับแสงแบบ RYYB เหมือนกันด้วยและได้เพิ่มเซนเซอร์เลเซอร์โฟกัส ที่เป็นเซนเซอร์อุณหภูมิสี 10 แชนแนลด้วย

นอกจากนั้น ฝั่งกล้องหน้า นอกจากจะให้กล้องหน้าความละเอียด 60 ล้านพิกเซลแบบกว้าง 100 องศาแล้ว ยังได้ให้กล้องหน้าถ่ายภาพบุคคลระยะใกล้ ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่สามารถถ่ายภาพซูมได้ 8 เท่า และซูมดิจิทัลได้ 5 เท่าด้วย แต่ในด้านฟีเจอร์กล้องถ่ายภาพอื่น ๆ ได้ให้มาเหมือนกันกับ nova 13 ทุกอย่าง

HUAWEI nova 13 Pro มีหน้าจอขนาด 6.76 นิ้ว แบบ OLED รีเฟรชเรตสูงสุด 1-120Hz แบบ LTPO ความละเอียด Full HD+ (2776 × 1224) โดยมาพร้อมกับเทคโนโลยี AI Display Turbo เหมือนกัน และหรี่แสงที่ PWM Dimming 2,160 Hz เหมือนกันด้วย

ส่วนด้านดีไซน์ ก็มีความคล้ายคลึงกับในรุ่น nova 13 โดยได้ทำลวดลายฝาหลังเป็นพื้นผิวเป็นลายสก็อตแบบไดนามิก โดยได้ให้ความบางที่ 7.82 มม. อีกด้วย โดย HUAWEI nova 13 Pro ได้ให้แบตเตอรี่มา 5,000 mAh และสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ 100W SuperCharge เช่นกัน

HUAWEI nova 13 Pro วางจำหน่ายในประเทศไทย 2 สี คือสีเขียวตะกั่ว (Loden Green) และสีดำ (Black) ซึ่งทั้ง HUAWEI nova 13 และ nova 13 Pro จะประกาศราคาจำหน่ายในไทยในวันที่ 13 มกราคม 2025 นี้ (ซึ่งทางเราจะอัปเดตอีกครั้ง)

สเปกของ HUAWEI nova 13 Pro

  • จอภาพ : LTPO OLED ขนาด 6.76 นิ้ว
    • ความละเอียด 1224 x 2776 พิกเซล
    • สว่างสูงสุด ไม่ระบุ
    • อัตรารีเฟรช 1 – 120Hz
    • รองรับอัตราความไวสัมผัส 300Hz, การหรี่แสง PWM ความถี่สูง 2160Hz, สีสัน 1.07 พันล้านสี
  • ชิปเซต : ไม่ระบุ
  • RAM 12GB
  • ROM 512GB
  • กล้องหลัง :
    • กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/1.4-4.0, โฟกัส PDAF, กันสั่น OIS
    • กล้องอัลตราไวด์ 8 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.2, มุมมองกว้าง 112˚, AF
    • กล้องเทเลโฟโต้ (ซูม Optical 3x, Hybrid 30x) 12 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.4, PDAF, OIS
  • กล้องหน้าคู่
    • กล้องหลัก 60 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.4, มุมมองกว้าง 100˚, AF
    • กล้องเทเลโฟโต้ 8 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.2, AF, 2x optical zoom
  • ระบบเสียง : Stereo, HUAWEI Histen
  • แบตเตอรี่ : 5,000 mAh
    • รองรับชาร์จไว 100W
    • รองรับ reverse charge 5W
  • การเชื่อมต่อ
    • 5G
    • Wi-Fi 6
    • Bluetooth 5.2
    • NFC
  • พอร์ต
    • USB Type-C 2.0
    • ซิม : Dual SIM (Nano-SIM, dual stand-by)
  • เซนเซอร์ : สแกนนิ้วบนหน้าจอ, accelerometer, gyro, compass, color spectrum, BDS Satellite Calling and Message
  • ความทนทาน : ไม่ระบุ
  • ระบบปฏิบัติการ : EMUI 14.2
  • ขนาด : 163.4 x 74.9 x 7.8 มม.
  • น้ำหนัก: 209 กรัม

ตัวอย่างเครื่องจริงของ HUAWEI nova 13 Pro

HUAWEI MatePad 12 X

นอกจากนี้ภายในงาน HUAWEI ยังได้เปิดตัวสินค้าในกลุ่มแท็บเล็ตอย่าง HUAWEI MatePad 12 X ซึ่งเป็นแท็บเล็ตรุ่นกลาง ที่มาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 12 นิ้ว แบบ PaparMatte ซึ่งเป็นหน้าจอแบบด้าน, รีเฟรชเรตสูงสุด 144Hz, ความละเอียด 2800 x 1840 พิกเซล, มาพร้อมกับชิปประมวลผล Kirin T90A และใช้ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS 4.2 (บนพื้นฐานของ Android 12)

จุดเด่นที่สุดของรุ่นนี้ก็คือ หน้าจอ PaperMatte ให้สัมผัสจอแบบด้านเหมือนกระดาษ ไม่ต้องติดฟิล์มเสริม และอีกหนึ่งจุดเด่นของรุ่นนี้ก็คือ สามารถใช้งานแล้วให้ความรู้สึกเหมือนกับ PC ด้วยการทำงานร่วมกันของตัวเครื่อง, ปากกา HUAWEI M-Pencil รุ่นที่ 3 ที่สามารถเชื่อมต่อผ่านเทคโนโลยี NearLink ของ HUAWEI เอง โดยนำไปใช้บนจอ HUAWEI MatePad 12 X จะให้สัมผัสเหมือนขีดเขียน และมีเสียงขูดบนกระดาษจริง ๆ ด้านแอปฯ ที่ติดตั้งมาพร้อมกับเครื่องก็จะประกอบไปด้วย HUAWEI Notes ใช้สำหรับจดบันทึก, GoPaint ใช้สำหรับการวาดรูปโดยเฉพาะ และแอปฯ เอกสารจาก WPS Office ที่เป็นเวอร์ชันพิเศษ ที่สามารถใช้ทำงานได้เหมือนกับโปรแกรมสำนักงานบน PC ทั้งในด้าน UI และ UX โดยสามารถทำงานเอกสาร, ตาราง, งานนำเสนอ และงาน PDF ได้จากแอปฯ WPS Office เวอร์ชัน PC แอปฯ เดียวได้เลย

สเปก HUAWEI MatePad 12 X

  • จอภาพ LCD ขนาด 12 นิ้ว
    • ความละเอียด 2800 x 1840 พิกเซล
    • สัดส่วน 3:2
    • อัตรารีเฟรช 30-144 Hz
    • ความสว่างสูงสุด 1,000 นิต
    • รองรับ HDR Vivid
    • ขอบเขตสี DCI-P3
  • ชิปเซต Kirin T90A
  • หน่วยความจำ 8GB / 12GB
  • สตอเรจ 256GB
  • กล้องหลัง
    • กล้องหลัก 13MP (𝑓/1.8), โฟกัสอัตโนมัติ
    • กล้องอัลตราไวด์ 8MP (𝑓/2.2)
  • กล้องหน้า 8MP (𝑓/2.2)
  • ลำโพงสเตอรีโอ 6 ตัว
  • การเชื่อมต่อ
    • Wi-Fi Only
    • Bluetooth 5.2
    • USB-C 3.1 Gen 1
  • แบตเตอรี่ 10,100mAh
    • ชาร์จไว 66W
  • เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ไม่ระบุ
  • ระบบปฏิบัติการ Harmony OS 4.2
  • ขนาด 183 x 270 x 5.9 มม.
  • น้ำหนัก 555 กรัม

โดยแท็บเล็ต HUAWEI MatePad 12X นั้น ทาง HUAWEI ประเทศไทยเปิดราคาขายสเปกเดียวคือความจุ 12 + 256GB ในราคา 19,990 บาท โดยโปรโมชันวางจำหน่ายในไทยของรุ่นนี้คือ HUAWEI จะแถมปากกา HUAWEI M-Pencil รุ่นที่ 3, คีย์บอร์ด HUAWEI Smart Magnetic และเมาส์ Bliuetooth ให้ไปด้วย โปรโมชันตั้งแต่ 25 ธ.ค. – 4 ม.ค. นี้

รุ่นนี้เรามีรีวิวให้ได้ชมกันแล้วด้วยนะ ตามไปชมกันได้เลย !

HUAWEI FreeBuds Pro 4

อุปกรณ์ IoT อีกชิ้นที่ HUAWEI ประเทศไทยได้เปิดตัวก็คือ หูฟังไร้สายรุ่นท็อปสุดของค่ายอย่าง HUAWEI FreeBuds Pro 4 มาพร้อมกับระบบตัดเสียงรบกวนด้วย AI และไดร์เวอร์คู่ Super Sensing Dual Drivers แบบแม่เหล็ก 4 ตัวขนาด 11 มม รองรับ Hi-Res Audio Wireless สูงสุด 48 kHz / 24 บิต โดยจะใช้ได้เมื่อเชื่อมต่อกับ HUAWEI Mate X6 และ HUAWEI Pura 70 Series ด้วย โดย HUAWEI FreeBuds 4 Pro ได้ผ่านการจูนเสียงมาโดย HUAWEI Sound ด้วย

ในด้านฟีเจอร์การใช้งาน  HUAWEI FreeBuds Pro 4 สามารถพยักหน้าเพื่อรับสาย หรือหันหน้าซ้ายขวาเพื่อปฏิเสธสายโทรศัพท์ได้ ด้านการตัดเสียงสามารถตัดเสียงรบกวนดีขึ้น 30%, เชื่อมต่อได้หลายอุปกรณ์ทั้ง Android, iOS และ Widows, เล่นเพลงสูงสุด 6.5 ชั่วโมงแบบปิด ANC /  4.5 ชั่วโมงแบบเปิด ANC / ใช้งานได้รวมนาน 33 ชั่วโมงรวมเคสชาร์จแบบปิด ANC หรือ 23 ชั่วโมงแบบเปิด ANC และเชื่อมต่อสมาร์ตโฟน HUAWEI ได้ง่าย ๆ ด้วยการเปิดเคสชาร์จ และมีป็อปอัพกดเชื่อมต่อบนหน้าจอ

HUAWEI FreeBuds Pro 4 วางขายในประเทศไทยมาพร้อมกัน 2 สีได้แก่ สีดำ และสีเขียว โดยจะประกาศราคาในวันที่ 3 มกราคมนี้

ตัวอย่างเครื่องจริงของ HUAWEI FreeBuds Pro 4