เป็นเรื่องเป็นราวที่สาหัสสำหรับ Apple ที่เมื่อวานมีภาพนู้ดของเหล่าเซเลปดาราฮอลีวู้ดมากมายหลุดว่อนเน็ตซึ่งเกิดจากการที่ iCloud โดนแฮกและถูกดูดรูปลับเอาไปเผยแพร่ ซึ่งมีผู้เสียหายรวมแล้วเห็นว่าเกิน 100 ราย1 และที่เรียกเสียงฮือฮาได้มากที่สุดคงจะเป็นนางเอกชื่อดังอย่าง Jennifer Lawrence จากเรื่อง The Hunger Games ซึ่งหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ก็ตามหาภาพทั้งหมดกันให้ควั่ก รวมถึงสื่อต่างๆก็รุมทำร้ายต่อด้วยการเอาภาพบางส่วนนั้นมาเผยแพร่ สร้างความเสียใจปนสะอิดสะเอียนให้เหล่าผู้เสียหายไปตามๆกัน2 วันนี้เดี๋ยวเรามาทราบถึงเนื้อเรื่องต้นตอของปัญหาความปลอดภัยนี้ พร้อมทั้งวิธีป้องกันกันครับ
การปล่อยภาพนี้เริ่มต้นจากไหน
Hacker ได้ทำการเจาะระบบของ iCloud ไปเข้าถึงรูปภาพส่วนตัวของเหล่าเซเลป ซึ่งในตอนแรกได้พยายามขายให้สื่อรายหนึ่งมูลค่าสูงถึงหลักสิบล้าน2 แต่สื่อไม่เล่นด้วยจึงได้เอาไปปล่อยที่ 4Chan เพื่อแลกกับ Bitcoin แทนแต่กลับได้เงินมาไม่ถึง 5,000 บาทเท่านั้น3
ไม่ต้องไปพยายามตามหาที่ 4Chan หรือที่ไหนๆแล้ว เข้าใจว่าตอนนี้พยายามไล่ลบกันสุดๆ และอย่าทำร้ายผู้เสียหายกันต่อเลย ภาพมันไม่มีอะไรมากมายหรอก
iCloud คืออะไร?5 (สำหรับคนที่เข้ามาอ่านแล้วไม่ได้สนใจเรื่องเทคโนโลยี)
Apple ได้ให้บริการพื้นที่หน่วยความจำออนไลน์ (ชื่อทั่วไปคือ Cloud Storage) สำหรับผู้ใช้ Mac และ iOS ซึ่งลูกค้าสามารถนำเอาข้อมูลส่วนตัว เช่น ภาพ คลิป เพลง หนัง ฯลฯ ขึ้นไปฝากเอาไว้ เพื่อเป็นการสำรองข้อมูล ป้องกันการสูญหาย/เสียหาย หรือเพื่อความสะดวกในการใช้งานหลายเครื่อง เช่น เรามีไอโฟน ไอแพด และแมคบุ๊ค เราก็สามารถเข้าถึงข้อมูลชุดเดียวกันได้ทันทีโดยไม่ต้องมาคอยเสียบสายโอนย้ายข้อมูลไปมา
ซึ่งเหล่าเซเลปดาราพวกนี้ก็เชื่อถือบริการนี้ นำเอาภาพและข้อมูลส่วนตัวไปฝากเอาไว้นั่นเอง
ภาพเหล่าเซเลป ดาราฮอลิวู๊ดนี้เป็นของจริง?2
แม้ว่าหลายๆครั้งที่เราค้นหาภาพนู้ดของดาราใน Google จะมีโชว์ขึ้นมาเพียบ ซึ่งโดยมากแล้วภาพเหล่านั้นเป็นภาพที่มีการตัดต่อเอาหน้าของดาราไปใส่ดาราหนังโป๊อีกที แต่ครั้งนี้มีการยืนยันจากตัวผู้เสียหายว่าเป็นของจริง
อย่างไรก็ดีมีบางคนไม่ยอมรับเช่นกัน เช่น Trisha Hershberger2 ที่บอกว่าเธอใช้ Android ไม่ได้ใช้ iPhone และภาพของเธอมันไม่ใช่ภาพจริง
Hey Ahole claiming to have iCloud leaked nudes of me a) I use #Android & b) you’re missing my vampire bite moles! pic.twitter.com/1ZMzUjtCTl
— Trisha Hershberger (@thatgrltrish) September 1, 2014
Hacker เจาะเข้าไปทางไหน?4
ช่องโหว่ความปลอดภัยครั้งนี้มีรายงานว่าเกิดจากที่คนร้ายเจาะผ่านบริการ Find my iPhone ซึ่งใช้สำหรับติดตามหาตำแหน่งโทรศัพท์ (มักใช้กันในกรณีเครื่องหาย) โดยบริการนี้ไม่ได้ป้องกันไว้แน่นหนาพอ เปิดให้คนร้ายยิงสคริปเดารหัสผ่านได้แบบ non-stop กล่าวคือ สุ่มรหัสผ่านไปได้เรื่อยๆ ผิดก็ใส่เข้าไปใหม่ สุ่มกันจนเจอ
[update 3/9/14] ทาง Apple ได้ออกมาปฏิเสธว่า iCloud และ Find my iPhone ไม่ได้ถูกเจาะแต่อย่างใด แต่บอกว่าเป็นการที่ผู้ใช้อาจจะตั้ง username, passwords, หรือ security questions หละหลวมเอง และแนะนำว่าให้ใช้พาสเวิร์ดที่แข็งแรงขึ้นพร้อมเปิดใช้ two-step verification
Apple ทำอย่างไรในกรณีนี้?7
Apple ได้ทำการอุดรูรั่วนี้ไปแล้วเรียบร้อยหลังเกิดเรื่องเพียงไม่กี่ชั่วโมง และกำลังสืบหาสาเหตุที่แท้จริงอยู่ เนื่องจากมีเงื่อนงำหลายอย่างว่า ภาพหลุดเหล่านี้อาจไม่ได้เกิดจากช่วงโหว่ของ Find my iPhone เท่านั้น เพราะในช่วงเวลาไม่กี่ชม. Hacker ไม่น่าจะสามารถรวบรวมข้อมูลและภาพได้เยอะขนาดนี้ แต่อาจะมีการเจาะมาก่อนหน้าแล้ว โดยช่องโหว่ที่เปิดให้สามารถเดารหัสแบบ non-stop นี้ได้ถูกเผยแพร่ไปเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ที่ผ่านมา (หรือ 2 วันก่อนเกิดเรื่อง)
ถ้าใครจำได้ Find my iPhone เคยถูกลูบคมไปแล้วทีนึงเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งตอนนั้นแฮกเกอร์สามารถสั่งล้างเครื่องได้แม้ว่าเครื่องจะถูกล็อคด้วย Find my iPhone อยู่ก็ตาม (ตอนนี้แก้ไขไปเรียบร้อยแล้ว)…กลับไปอ่าน blog เก่าได้ที่
เรื่องนี้มีสิทธิ์เกิดขึ้นกับเรารึเปล่า
ตามรายงานคือ Apple ได้ทำการอุดรูรั่วต้องสงสัยไปแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรการันตีว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ทางที่ดีคือป้องกันตัวเองให้พร้อมก่อนเสมอ โดยเฉพาะคนที่มีความเสี่ยงสูง มีชื่อเสียง หรือถูกจับตามอง และข้อมูลลับๆเยอะๆยิ่งต้องระวัง และไม่เกี่ยวว่าคุณใช้ iOS หรือ Android หรือ Windows เพราะถ้าคุณไม่ระวังก็มีสิทธิ์ตกเป็นเหยื่อได้ตลอดเวลา
วิธีการป้องกันที่ดีที่สุด (ใช้ได้ทั้ง iOS และ Android)
“เลิกเล่นอินเทอร์เน็ต” คือ คำตอบที่น่าจะใช่ที่สุด แต่ถ้าคุณยังอยากจะใช้ชีวิตอยู่ในโลกแห่งศตวรรษที่ 21 อยู่ล่ะก็ ก็ควรที่จะเรียนรู้การปรับตัว และป้องกันให้มากที่สุด ไม่ใช่เอะอะๆก็เลิกใช้ หรือปิดบริการทิ้ง อย่างที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนแนะนำ ซึ่งวิธีที่ถูกแนะนำและดูปลอดภัยที่สุดตอนนี้คือ 2-step verification หรือการยืนยันตัวตนสองระดับ โดยวิธีนี้เราจะต้องใส่รหัสผ่านปกติที่เราตั้งเอาไว้และขอรหัสเพิ่มเติมผ่าน SMS หรือ Apps เพื่อกรอกเข้าไปอีกครั้ง ซึ่งหมายความถ้าคนร้ายไม่มีโทรศัพท์เราก็จะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวเราได้นั่นเอง
วิธีการตั้ง 2-step verification สำหรับ Android และ iOS (เดี๋ยวไว้จะมาเขียนละเอียดๆให้อีกทีนะ)
งานนี้บอกเลยว่าเป็นเรื่องหนักสำหรับ Apple ก่อนงานเปิดตัว iPhone ในวันที่ 9 กันยายนนี้พอสมควร และน่าจะทำให้สูญเสียความเชื่อถือใน iCloud ไปมาก ซึ่งจริงๆแล้วก็ต้องรวมถึงความปลอดภัยของ Cloud ทั้งหมดด้วย เพราะ iCloud ไม่ใช่ Cloud ตัวแรกที่โดนเจาะได้ ซึ่งพักหลังๆในช่วงที่ 1 ปีที่ผ่านมา เราจะเห็นบริการบนกลุ่มเมฆ โดนเจาะกันอยู่เนืองๆและเปลี่ยนรหัสผ่านกันจ้าละหวั่นเลยทีเดียว
สุดท้ายนี้ หวังว่าจะไม่มีใครเอาเรื่องความปลอดภัยมาข่มกันอีก ไม่ว่าจะเป็น Android หรือ iOS ก็ตาม เพราะสุดท้ายแล้วทางที่ดีคือช่วยกันหาทางป้องกันดีกว่ามาดราม่ากันไปมา ซึ่งเรื่องความปลอดภัยนี้ต่อให้คนที่ทำงานในบริษัทรักษาความปลอดภัยระดับโลกยังบอกว่า “ไม่มีระบบไหนปลอดภัยได้ 100%”
สวัสดี
ข้อมูลอ้างอิง
1Time: How That Massive Celebrity Hack Might Have Happened
29to5Mac: Countless celebrity nude photo leaks being blamed on supposed iCloud hack (Updated)
3Telegraph: Jennifer Lawrence hack: iCloud security explained
49to5Mac: Vulnerability in Find My Phone service and weak passwords may explain alleged celebrity photo leaks
5Apple: iCloud
6Business Insider : Apple Just Patched A Security Flaw In iCloud That Could’ve Been Used To Hack Celebrity Accounts
7re/code: Apple Says It Is “Actively Investigating” Celeb Photo Hack
8Apple Press Info : Update to Celebrity Photo Investigation
ใช้วิธีเดารหัสผ่าน งั้นก็แสดงว่าแฮก ID ได้ไปก่อนแล้วสิ
ภาพเต็มๆครัฟ ไม่มีอะไรปิดมากมาย
เขาไปหาดูจากตรงไหนกันครับผมยังไม่ได้ดูเลย
ขอพิกัดหน่อยได้ไหมครับ อย่าหาว่าผมหื่นนะครับอยากดูให้หายสงสัยเหมือนกันครับ
ปิดมากปิดน้อยหรือไม่ปิด????
ภาพไม่มีอะไรมากมาย???
หนักเลยนะ โดยเฉพาะนางเอกhungergameภาพนี่เรทเอกซ์สุดๆ
ราดเต็มหน้าเลยทีเดียว
ใช่ (ภาพไม่มีอะไรมากมาย) ตรงไหนอ่า
พอจะชี้เป้าได้เปล่าครับท่าน ^^
เห็นหลายๆภาพที่เห็นอุปกรณ์ถ่ายภาพของคนที่หลุดก็ไม่ได้ใช้iphoneถ่าย เลยคิดว่าไม่ได้หลุดมาจากiCloudจริงๆ ออกมาสร้างกระแสลบช่วงiphoneรุ่นใหม่กำลังจะออกกระมัง
ถ้าเป็นการสร้างกระแสจริง ๆ ดูจะลงทุนเกินไปนะครับ โดนจับขึ้นมาคุ้มหรอ
ป้องกันได่ง่ายๆ โดยการไม่ถ่ายอะไรแบบนี้ น่าจะง่ายกว่านะ
ไอ้ที่หลุดๆ นี่ถ่ายเก็บไว้ดูเล่น ทั้งนั้น ถ้านั่งกินข้าว ดูทีวี คงไม่มีอะไรมั้ง
สงสัยว่า ดาราจะฟ้องบริษัทแแอปเปิ้ลหรือเปล่า? เพราะปกติพวกฝรั่งนี่ มีอะไรแกฟ้องแหลก เอาค่าเสียหายเยอะด้วย
ต่างประเทศอาจแฮ็กได้จริง แต่ของไทยถ้าหลุดมาไม่รู้ว่า แฮ็กหรือเพราะใช้มือถือไม่เป็น – -* หรือป่าว คนที่ไม่รู้ส่วนมากไปซื้อเครื่องร้านทั้งตู้ และ ศูนย์ (ขนาดศูนย์ช่วยสมัคร ID ให้) จากนั้นก็ยังมีหลายๆคนไปให้ ร้านลงแอพให้ เค้าอาจจะเอา Gmail ร้าน Apple ID ร้านที่สร้างไว้ ลงแอพให้แล้วเวลาใช้ มือถือก็แบ็คอัพไว้ทุกอย่างจากนั้นร้านที่ลงแอพให้ ไปเปิดดูข้อมูลใน คอมก็ได้ ใช่ไหมครับ
จริงๆ ผมไม่โทษระบบเลยนะ…..
ผมคิดอยู่เสมอว่า เทคโนโลยีในโลกนี้ ไม่มี ระบบใหนที่ปลอดภัย
ยิ่งยุค โซเชี่ยวแล้ว ด้วยข้อมูลข่าวสารไปเร็วต้องระวัง…..
ขนาดผม ไม่ใช่ดารา ผมยังไม่กล้าถ่ายรูป X ลงมือถือเลย ยิ่งฝากไว้ใน Cloud
ผมยิ่งไม่กล้า….ขนาดดูเว็บโป้ ผมต้องปิดเฟสบุ๊คเลย
กล้วเวลาหาเว็บโป้กลัวไปกดไลค์ หรือ มันมีระบบแชร์อัตโนมัติแล้วไปขึ้นในเฟส
ผมกลัวตรงนี้มาก……กลัวเสียภาพลักษณ์ ต้องปิดเฟสก่อนเสมอ เวลาไปดูเว็บโป้
ดังนั้น ดารา ที่ทำได้…..ต้องด้านและมั่นมาก ถึงไม่แคร์เวิร์ล ขนาดนี้
ผมสมน้ำหน้าจริงๆในความ กล้าของเค้า
สงสัยว่าถ้า icloud ไม่ได้โดนเจาะ ทำไมถึงโดนกันหลายคนในเวลาสั้นๆ