เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา Infinix ได้ประกาศเปิดตัว Inifinix Hot 50 5G ซึ่งเป็นรุ่นที่รองรับเครือข่าย 5G และล่าสุดตอนนี้ได้เปิดตัว Infinix Hot 50 4G ที่มาพร้อมราคาค่าตัวถูกกว่า แต่มีดีไซน์การออกแบบที่เหมือนกัน แต่แตกต่างกันในคุณสมบัติหลักภายในบางประการ ซึ่งดูเหมือนว่าสเปคบางอย่างในรุ่น 4G จะดูดีน่าใช้กว่ารุ่น 5G ด้วย

Infinix Hot 50 4G ขับเคลื่อนด้วยชิปเซต Helio G100 ซึ่งมาแทนที่ Dimensity 6300 ในรุ่น 5G ทำให้รองรับเพียงเครือข่าย 4G เท่านั้น แต่ประสิทธิภาพโดยรวมจะมีความใกล้เคียงกัน เนื่องจากชิปทั้งสองตัวผลิตขึ้นบนโหนด 6nm โดยมีแกน CPU และ GPU ตัวเดียวกัน นอกจากนี้ยังจับคู่กับ RAM 6GB หรือ 8GB (แบบ LPDDR4X) รองรับการขยายแรมสูงสุด 16GB และที่เก็บข้อมูล 128GB หรือ 256GB (ไม่ระบุรุ่น UFS) และมีช่องใส่การ์ดความจำแยกให้โดยสามารถรองรับการ์ด microSD สูงสุด 2TB

เปิดตัว Inifinix Hot 50 4G เปลี่ยนชิปเป็น Helio G100 สเปคบางอย่างดีกว่ารุ่น 5G

นอกเหนือจากโมเด็มที่ต่างไปแล้ว Hot 50 4G ยังมาพร้อมกับการอัปเกรดบางส่วน เช่น มีหน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.78 นิ้ว และมีความละเอียด FHD+ เพิ่มขึ้นจากรุ่น 5G ที่มีขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด HD+ ซึ่งจอทั้งสองทำงานที่ความถี่ 120Hz มีโหมด Always On Display และทั้งสองรุ่นมีระบบสแกนลายนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่องด้วย

ด้านการถ่ายภาพ ในรุ่นใหม่ที่รองรับ 4G นี้ มาพร้อมกล้องหลัง 50MP รูรับแสง f/1.6 ที่สว่างกว่ารุ่น 5G แต่มีเซนเซอร์ขนาด 1/2.76” ที่เล็กกว่า (เทียบกับ f/1.8, 1/2.0”) ทั้งสองรุ่นสามารถบันทึกวิดีโอ 1440p ที่ 30fps หรือ 1080p ที่สูงสุด 60fps และมีกล้องเซลฟี่เหมือนกันที่ 8MP

โทรศัพท์ทั้งสองรุ่นใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh พร้อมรองรับการชาร์จเร็ว 18W ผ่านพอร์ต USB-C ที่สำคัญแบตเตอรี่ได้รับการรับรองว่าจะสามารถคงความจุไว้ได้อย่างน้อย 80% ของความจุเดิมหลังจากชาร์จ 1,600 รอบ (นั่นคือการชาร์จวันละครั้งเป็นเวลา 4 ปี โดยประมาณ)

สำหรับการเล่นเกมอย่าง FreeFire ทาง Infinix ระบุว่าสามารถเล่นได้นานเกือบ 9 ชั่วโมง/ชาร์จ รวมถึงเกมนี้ยังรองรับโหมด 90fps พร้อมทัชลื่นๆ ผ่านอัตราการความไวสัมผัส 120Hz อีกด้วย

ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ Hot 50 4G มีคุณสมบัติกันน้ำและฝุ่นในระดับพื้นฐาน แต่ Infinix ไม่ได้ระบุระดับ IP ที่แน่นอนเอาไว้ (ในรุ่น 5G ได้ที่ IP54 ซึ่งก็อาจใกล้เคียงกัน) นอกจาก USB-C แล้ว ยังมีแจ็คหูฟัง 3.5 มม. พร้อมเครื่องรับวิทยุ FM และการเชื่อมต่อไร้สาย ประกอบด้วย Wi-Fi 5 (ac) และ Bluetooth ที่สำคัญในรุ่น 4G ยังรองรับ NFC ซึ่งไม่มีในรุ่น 5G

สเปค Infinix Hot 50 4G

  • จอภาพ : IPS LCD ขนาด 6.78 นิ้ว
    • ความละเอียด Full HD+
    • สว่างสูงสุด 480 นิต
    • อัตรารีเฟรช 120Hz
    • รองรับ Always-on Display
  • ชิปเซต : Helio G100
  • RAM LPDDR4X : 6GB / 8GB
  • ROM UFS : 128GB / 256GB
  • กล้องหลัง 3 ตัว :
    • กล้องหลัก 50 MP f/1.6 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.76”
    • กล้องเสริมอีก 2 ตัวไม่ระบุสเปค
  • กล้องหน้า : 8 MP
  • ระบบเสียง : ไม่ระบุ
  • แบตเตอรี่ : 5,000 mAh
    • รองรับชาร์จไว 18W
    • ไม่รองรับชาร์จไร้สาย
  • การเชื่อมต่อ
    • 4G
    • Wi-Fi 5
    • รองรับ Bluetooth ไม่ระบุเวอร์ชั่น
    • NFC
  • พอร์ต
    • USB C
    • หูฟัง 3.5 มม.
    • ซิม : Dual SIM (Nano-SIM, dual stand-by)
  • เซนเซอร์ : สแกนข้างตัวเครื่อง
  • ระบบปฏิบัติการ : XOS 14.5 บนพื้นฐาน Android 14
  • ขนาด : 167.9 x 75.6 x 7.7 มม.
  • น้ำหนัก: 187 กรัม

ราคาวางจำหน่าย

Infinix Hot 50 4G วางจำหน่ายแล้วในบางประเทศครับ โดยร้านค้าแห่งหนึ่งในยูเครนตั้งราคาไว้ที่ 6,800 UAH (ประมาณ 5,300 บาท) และโทรศัพท์รุ่นนี้มีจำหน่ายหลายสี เช่น Sleek Black, Sage Green และ Titanium Gray

ที่มา gsmarena