สะเทือนวงการกันไปเลย เมื่อ NVIDIA ประกาศเข้าซื้อหุ้น Intel มูลค่ากว่า 5 พันล้านเหรียญ กลายเป็นการจับมือที่ไม่มีใครคาดคิด ระหว่างค่ายซีพียูในตำนานกับเจ้าพ่อการ์ดจอค่ายเขียว คราวนี้ไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะทั้งสองเตรียมพัฒนา ชิป Intel x86 RTX SoC ที่รวมเอาซีพียูของ Intel เข้ากับ iGPU ระดับ RTX ของ NVIDIA ไว้ในชิปเดียว

แนวคิดนี้อาจดูคล้าย APU ที่มีการ์ดจอในตัว แต่ความต่างคือรอบนี้ไม่ใช่ iGPU ธรรมดา เพราะมันคือ RTX ที่หลายคนคุ้นเคยในเครื่องเกมมิ่งพีซี เพียงแต่มาในรูปแบบ onboard ใช้เทคโนโลยี NVLink C2C เชื่อมกันด้วยแบนด์วิดท์สูงสุด 900 GB/s ทำให้ CPU และ GPU ทำงานร่วมกันได้อย่างแนบแน่น ส่งผลให้โน้ตบุ๊กและ Mini-PC มีโอกาสแรงในระดับเกมมิ่ง แต่ยังบางเบา ประหยัดไฟ และไม่ต้องพึ่งการ์ดจอแยกอีกต่อไป
หากย้อนไปเมื่อปี 2017 Intel เคยลองแนวทางนี้แล้วกับ Kaby Lake-G ที่ร่วมมือกับ AMD นำ CPU Intel มารวมกับ GPU Radeon แต่ไม่ประสบความสำเร็จและหายไปจากตลาดอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็นการ “แก้มือ” อีกครั้ง แต่จับคู่กับพันธมิตรที่ ecosystem แข็งแกร่งกว่าอย่าง NVIDIA ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่ามีโอกาสเกิดจริงสูงกว่า

นอกจากฝั่งพีซีแล้ว ความร่วมมือนี้ยังครอบคลุมถึง Data Center โดย Intel จะผลิต Custom x86 CPU ที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อทำงานร่วมกับ GPU ของ NVIDIA สำหรับเร่งพลัง AI และ Cloud Computing นับเป็นการผสานจุดแข็งกันแบบ Win-Win: Intel ได้ทางลัดเข้าสู่ตลาด AI ที่กำลังร้อนแรง ส่วน NVIDIA ก็ได้ช่องทางเข้าสู่ ecosystem x86 ที่ Intel ครองตลาดเซิร์ฟเวอร์และพีซีอยู่แล้ว
ตลาดหุ้นตอบรับแรงทันทีหลังประกาศดีล หุ้น Intel พุ่งเกือบ +30% ขณะที่ NVIDIA เองก็บวกกว่า +3% นักลงทุนมองว่านี่คือ “โหวตแห่งความเชื่อมั่น” ที่ไม่เพียงช่วยฟื้นฟู Intel แต่ยังเปิดประตูการเติบโตใหม่ให้กับ NVIDIA ในอนาคต

แม้ยังมีหลายคำถามที่ต้องติดตาม ไม่ว่าจะเป็นโรงงานผลิตจริงจะใช้ Intel Foundry หรือ TSMC รวมถึงกำหนดการวางตลาดที่ยังไม่ชัดเจน แต่สิ่งหนึ่งที่ยืนยันแล้วคือ Intel Arc GPU จะยังคงอยู่ต่อ ไม่ได้ถูกทิ้ง ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ใช่การแทนที่ แต่เป็นการขยายโอกาสใหม่ ๆ ของ Intel และ NVIDIA
นี่จึงเป็นก้าวสำคัญที่อาจเปลี่ยนสมดุลของทั้งวงการคอมพิวเตอร์และดาต้าเซ็นเตอร์ เพราะอีกไม่นานเราอาจได้เห็น ชิปเดียวที่รวม Intel CPU + NVIDIA RTX iGPU กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของโน้ตบุ๊กและพีซีในอนาคต และแน่นอนว่า AMD คงต้องเร่งหาทางสู้กลับอย่างด่วน ๆ
AMD มี APU อยู่แล้ว ที่นี้ AMD ก็จะปล่อยของเร็วขึ้น แรงขึ้นแบบก้าวกระโดด เพราะมีคู่แข่ง