Intel รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2024 รายได้รวม 12,833 ล้านเหรียญ ลดลง 1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิลดลง 85% เหลือ 83 ล้านเหรียญ ขาดทุนสุทธิตามบัญชี GAAP 1,654 ล้านเหรียญ ทำให้ Intel เตรียมปรับโครงสร้างบริษัทใหม่อีกครั้ง ส่งผลให้มีพนักงานถูกเลิกจ้างกว่า 15,000 คน เพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานลงให้ได้ตามเป้าหมาย

David Zinsner CFO ของ Intel บอกว่าผลประกอบการที่ลดลงมาจาก มาจากการตัดสินใจเร่งการผลิตชิปเพื่อรองรับตลาด AI PC ให้เร็วขึ้น ทำให้ Intel เสียเงินลงทุนไปกับเรื่องนี้มาก และยังมีการย้ายการผลิตชิป Intel 4 และ 3 จากโรงงานในโอเรกอนไปยังโรงงานในไอร์แลนด์เร็วขึ้น ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนสูงขึ้นด้วย

ส่วนอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผลประกอบการไม่ดีอย่างที่คาดก็คือการแข่งขันด้านราคาที่มีการแข่งขันมากกว่าที่คาดการณ์ไว้จากคู่แข่งอย่าง AMD, Qualcomm ฯลฯ ทำให้รายได้น้อยกว่าที่คาเอาไว้

หลังจากรายงานนี้ออกไปก็ทำให้หุ้นของ Intel ร่วงลงไปกว่า 26% ในช่วงเวลาการซื้อขายหลังจากตลาดปิด ทำให้มูลค่ากิจการตามราคาหุ้นลดลงไปถึง 3.9 หมื่นล้านเหรียญ นับเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบ 50 ปี

ด้าน Pat Gelsinger CEO ของ Intel กล่าวว่าผลการดำเนินงานที่ออกมานั้นน่าผิดหวัง แม้ว่าจะทำมีสินค้าใหม่ออกมา และที่ผ่านมาก็ดำเนินตามแผนงานที่วางไว้ก็ตาม แต่รายได้ของเราไม่ได้เติบโตตามที่คาดไว้ และเรายังไม่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากเทรนด์ที่ทรงพลัง อย่าง AI ต้นทุนของเราสูงเกินไป และอัตรากำไรของเราต่ำเกินไป

ส่งผลให้มีการประกาศปรับโครงสร้างบริษัท ปลดพนักงานกว่า 15% ภายในปีนี้ หรือ 15,000 คน และงดจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในไตรมาส 4 ของปี ซึ่งเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ในรอบ 40 ปี

เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในเป้าหมายในการลดต้นทุนการดำเนินงานให้ได้ 10,000 ล้านเหรียญ ภายในปี 2025 รวมไปถึงเสนอให้พนักงานบางส่วนลาออกแบบสมัครใจให้พนักงานพิจารณา และเปิดให้มีการ Early Retire สำหรับพนักงานที่เข้าเงื่อนไขด้วย

ที่มา : cnbc intel techcrunch