เรียกได้ว่าเป็นเพจที่ร้อนแรง ทุกคนพูดถึงและแชร์กันจนดังภายในข้ามคืนกับ “จบข่าว” เพจที่จะทำให้คุณไม่ต้องเปลืองดาต้า เสียเวลา และหงุดหงิดกับข่าวพาดหัวล่อกด (Clickbait) อีกต่อไป เพราะเพจนี้จะสรุปเอาเนื้อหาที่สาระไม่มี น้ำไปซะ 99% ของข่าวมาเขียนให้จบ อ่านกระชับๆได้ภายในไม่กี่บรรทัดเท่านั้น ซึ่งหลังจากเปิดเพจมาได้ไม่นานผู้คนต่างแซ่ซ้องยินดีและแชร์กันสะบัด รวมถึงผมด้วย จนเป็นที่มาว่าอยากจะรู้จักแอดมินของเพจนี้เสียจริงๆว่าเค้าเป็นใครอย่างไร ซึ่งถ้าอยากรู้เหมือนผมแล้วล่ะก็มาติดตามกันครับ ^^

เกริ่นนำสักนิดสำหรับคนที่อาจจะยังไม่รู้จัก “จบข่าว”

ความเคลื่อนไหวแรกของเพจนี้ คือ เมื่อวาน (28 มิถุนายน 2558 ) เวลา 11.27น. เปลี่ยนรูป profile จากนั้นก็เริ่มโพสต์แรกที่ 11.32น.

สโลแกนของเว็บที่ถูกนำเอามาเป็น Cover Photos

โพสต์ที่ได้รับการกดไลค์สูงสุด และเนื้อหาไม่มีเ…อะไรเลยจริงๆ

เหล่าแฟนเพจที่เข้ามาแซ่ซ้องสรรเสริญ



คนไลค์กันถล่มทลาย ขนาดที่ตัว facebook เองถึงกับต้องสงสัยว่าเพจนี้มันคืออะไร และบล็อคการกดไลค์ชั่วคราว

[update] เวลา 10 โมงของวันที่ 29 มิถุนายน เพจได้ Like เกินแสนไปเรียบร้อย

เอาล่ะ พอหอมปากหอมคอกันไปละ ไปคุยกับแอดมิน “จบข่าว” กันเลยดีกว่า โดยการสัมภาษณ์ครั้งนี้เป็นการคุยกันผ่าน facebook messenger นะครับ ซึ่งผมจะขอเอามาเรียบเรียงให้ได้อ่านกันเป็นข้อๆไป

 

แอดมินเป็นใคร ชื่อเสียงเรียงนามอะไร ทำกันกี่คน

คำถามนี้ทางแอดมินของ “จบข่าว” ขอสงวนสิทธิ์ในการไม่เปิดเผยตัวเองนะครับ โดยในตอนแรกหลังจากที่คิดว่าอยากได้เพจมาช่วยสรุปอะไรง่ายๆ ก็จัดการลุยเดี่ยวลงมือเองไม่รอใครมานั่งทำให้ แต่ทำไปได้แค่ 2 ชม.ก็เริ่มหมดไฟ เพราะหน้าที่การงานที่ค่อนข้างมาก เลยชวนเพื่อนมาช่วยๆกันทำ รวมๆแล้วตอนนี้ก็มีแอดมินอยู่ราว 3-4 คน


ช่วงแรกๆแชร์เป็นลิงก์แต่เดี๋ยวคนไม่รู้จะเผลอกดเข้าไปอ่าน หลังๆเลยปรับเป็น screen capture แทน

 

จุดที่ทำให้ตัดสินใจเริ่มเพจ “จบข่าว” คือความผิดหวังกับสื่อไทย

แอดมินของเพจก็เป็นหนึ่งในคนที่หงุดหงิดกับการพาดหัวข่าวแบบล่อกด เกริ่นให้อยากรู้ แต่พอกดเข้าไปแล้วกลับไม่มีเนื้อข่าวอะไร เสียเวลา เปลืองเน็ต จึงอยากทำเพจขึ้นมาเพื่อสรุปข่าวสั้นๆให้คนได้อ่านกันโดยไม่ต้องกดเข้าไป ไม่ต้องเสียเวลารอโหลด ซึ่งก็จะไม่ได้พุ่งเป้าไปที่เว็บบางเว็บเท่านั้น แต่ว่าจะรวมไปถึงบทความที่เขียนมายาวเหยียด แต่ว่ามีแต่น้ำ กระทู้ หรือบทความที่เยิ่นเย้อด้วย แต่จุดที่ทำให้แอดมินหงุดหงิดที่สุดจนต้องตัดสินใจเริ่มทำเพจคือ เหล่าสื่อหลักเริ่มหากินด้วยการทำพาดหัวและเนื้อหาแบบเดียวกัน

 

ไม่ได้คาดหวังจะเปลี่ยนแปลงวงการ แค่อยากให้คนเสียเวลากับเว็บพวกนี้น้อยลง

ณ ตอนที่เริ่มทำเพจขึ้นมาก็ไม่เคยคิดว่าจะมีคนมากดไลค์กันถล่มทลายขนาดนี้ ตัวเพจเองไม่ได้อยากให้คนไทยอ่านหนังสือกันน้อยลง หรือมุ่งเน้นที่จะสรุปเนื้อหาในทุกๆเรื่อง แต่จะพุ่งเป้าไปยังข่าว-กระทู้ที่สาระไม่ค่อยมี เอามาเล่าต่อจนจบได้ในไม่กี่วินาที และไม่ได้คาดหวังว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เหล่าเว็บและเพจต่างๆต่อให้มี “จบข่าว” พวกเขาก็จะยังพาดหัวแบบนั้นกันต่อไปอยู่ดี แต่ที่พวกเขาเชื่อว่าจะทำได้คือ อยากให้คนไทยเสียเวลากับเรื่องที่ไม่ควรเสียน้อยลง จะได้เอาไปทำอะไรที่มีสาระมากขึ้น แต่เขาย้ำว่าถึงเหตุผลที่สร้างเพจคือไม่ต้องการให้คนเสียเวลา ไม่ได้เจาะจงกับ clickbait ก็จริง แต่วิธีการบอกเลยว่าคิดมาเพื่อทำลายพวกระบอบ clickbait ชัดเจน

 


ไม่เพียงแค่สรุปสั้นๆให้ แต่ยังส่งเนื้อหาไปยังต้นฉบับที่แท้จริงให้ด้วย

 

เรียงลำดับความหงุดของเว็บที่ทำพาดหัว สื่อหลักขึ้นอันดับหนึ่ง

เมื่อถามแอดมินว่า ถ้าให้ไล่เรียงเว็บหรือเพจที่พาดหัวได้น่ารำคาญที่สุด 3 อันดับ คำตอบที่ได้รับมาคือ

  1. มติชนออนไลน์ : อันดับหนึ่งเพราะเป็นเว็บของสำนักข่าวแท้ๆ แต่ดันทำ clickbait ซะเอง

  2. ตระกูล za และผองเพื่อน : แม้ว่าจะพอเข้าใจได้ว่าเป็นเว็บเฉพาะทาง แต่มันก็เยอะเกินไป

  3. pantip.com : กระทู้น้ำมีมากมาย กลั่นเอาเฉพาะเนื้อๆก็พอ

 

เข้าไปกด like เป็นแฟนเพจ “จบข่าว” ได้ทีนี่เลยจ้า

สุดท้ายนี้แอดมินฝากบอกว่าไม่มีอะไรจะฝากถึงเพื่อนๆ เพจนี้ทำขึ้นมาเพื่อสนองตัวเองล้วนๆ แต่ถ้าเพจนี้มีอันเป็นไป ขอฝากฝังให้ช่วยกันสานต่อ ตายหนึ่งเกิดแสน ระดมกันสร้างเพจแบบนี้ขึ้นมาเอาให้ Clickbait สูญพันธุ์จากประเทศไป

 

สำหรับ insight ของเพจนี้ว่ามีลูกเล็กเด็กแดง อายุอะไรเพศเท่าไหร่มากดไลค์ สรรเสริญกันบ้างก็รายละเอียดตามนี้นะครับ 

คือเพจมีคนมาไลค์เร็วและเยอะเกินจน facebook ยังไม่สามารถประมวลผลได้ทัน -..-

#จบข่าว