ตามปกติแล้ว Apple จะไม่ได้บ่งบอกความจุแบตเตอรี่ใน iPhone เอาไว้แบบชัดเจนว่ามีกี่ mAh แต่จะระบุว่าใช้งานได้กี่ชั่วโมงแทน ซึ่งตัว iPhone 14 Series ก็ยังคงมีกลยุทธ์ระบุข้อมูลแบบนี้เหมือนเช่นเคย โดยมีการโฆษณาเอาไว้ว่ามีระยะการใช้งานแบตที่ยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมา ดังนั้นเราจึงต้องไปดูข้อมูลการขึ้นทะเบียนต่าง ๆ ของ Apple แทนว่า iPhone แต่ละรุ่นมีความจุแบตเตอรี่อยู่ที่เท่าไหร่กันแน่ครับ

ข้อมูลชุดแรกมาจากเว็บ CHEMTREC ของสมาคมสารเคมีสหรัฐฯ ได้ระบุข้อมูลความจุแบตเตอรี่ของมือถือ iPhone 14 Series ทุกรุ่น ซึ่งเมื่อดูแล้วก็จะเห็นว่ารุ่น iPhone 14 Plus นั้นมีความจุเยอะสมใจมาก ๆ ส่วนรุ่น iPhone 14 และ 14 Pro ก็มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย แต่รุ่น iPhone 14 Pro Max กลับมีความจุแบตที่น้อยลงนิดหน่อยเมื่อเทียบกับตัว iPhone 13 Pro Max ของปีที่แล้ว

ความจุแบตเตอรี่ iPhone 14 Series (Wh)

  • iPhone 14 – 12.68 Wh
    • iPhone 13 – 12.41 Wh
  • iPhone 14 Plus – 16.68 Wh
    • ไม่มี
  • iPhone 14 Pro – 12.38 Wh
    • iPhone 13 Pro: 11.97 Wh
  • iPhone 14 Pro Max – 16.68 Wh
    • iPhone 13 Pro Max: 16.75 Wh

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลสเปคแบตเตอรี่ที่ถูกเผยออกมาผ่านการขึ้นจดทะเบียนผลิตภัณฑ์ในประเทศจีนอีกด้วย โดยเป็นข้อมูลที่ทำให้เห็นความจุเป็นแบบ mAh เลย (ตรงกับที่เคยมีสเปคหลุดมาก่อนหน้านี้ใน Weibo)

ความจุแบตเตอรี่ iPhone 14 Series (mAh)

  • iPhone 14: 3279 mAh
    • iPhone 13: 3227 mAh
  • iPhone 14 Plus: 4325 mAh
    • ไม่มี
  • iPhone 14 Pro: 3200 mAh
    • iPhone 13 Pro: 3095 mAh
  • iPhone 14 Pro Max: 4323 mAh
    • iPhone 13 Pro Max: 4352 mAh

ระยะเวลาการใช้งานของมือถือจริง ๆ ก็ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัย คือความจุแบตเตอรี่และประสิทธิภาพของตัวชิปประมวลผลในเครื่อง ซึ่งรุ่น iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ก็มีการใช้ชิปตัวใหม่ A16 Bionic ที่สร้างบนสถาปัตยกรรม 4 นาโนเมตร ทำให้มีประสิทธิภาพในการประมวลผลดีขึ้น กินแบตน้อยลงกว่าเดิม ส่วนรุ่น iPhone 14 และ iPhone 14 Plus ก็ยังคงใช้ชิป A15 Bionic ขนาด 5 นาโนเมตรอยู่ ทำให้ยังไม่มีประสิทธิภาพดีเท่ารุ่น Pro แต่ก็ยังเป็นชิปที่ใช้ได้ดีอยู่นั่นเอง

ดังนั้นก็ไม่ต้องห่วงว่าขนาดแบตที่เล็กลงในรุ่น iPhone 14 Pro Max จะทำให้ใช้งานต่อการชาร์จได้น้อยลง เพราะว่าตัวชิปใหม่นี้น่าจะประหยัดพลังงานมากขึ้นแน่นอนครับ 

 

ที่มา : 9to5mac, chemtrec