สำนักข่าว Nikkei ร่วมมือกับ Fomalhaut Techno Solutions บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการชำแหละและวิเคราะห์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จับเอา iPhone 16 Pro ของแอปเปิล และ Pixel 9 Pro ของกูเกิล มาแยกส่วนเพื่อประเมินต้นทุน พบว่ามือถือทั้ง 2 รุ่นที่เปิดตัวมาด้วยราคาเริ่มต้น 999 ดอลลาร์เท่ากัน มีต้นทุนชิ้นส่วนอยู่ที่ 568 ดอลลาร์ (ประมาณ 19,400 บาท) และ 406 และดอลลาร์ (ประมาณ 13,900 บาท) ตามลำดับ

ชิปเซต หน้าจอ และชุดกล้องหลัง ยังเป็น 3 องค์ประกอบหลักที่มีราคาแพงที่สุดบน iPhone 16 Pro และ Pixel 9 Pro ดังเช่นที่ผ่าน ๆ มา โดยแต่ละรุ่นมีต้นทุนโดยประมาณดังนี้

ต้นทุน iPhone 16 Pro

  • ชิปเซต 135 ดอลลาร์ (เพิ่มขึ้น 4%)
  • หน้าจอ 110 ดอลลาร์ (เท่าเดิม)
  • กล้องหลัง 91 ดอลลาร์ (เพิ่มขึ้น 44%)

ต้นทุน Pixel 9 Pro

  • ชิปเซต 80 ดอลลาร์ (เพิ่มขึ้น 7%)
  • หน้าจอ 75 ดอลลาร์ (ลดลง 29%)
  • กล้องหลัง 63 ดอลลาร์ (ลดลง 31%)

Nikkei เปรียบเทียบเพิ่มเติมว่า iPhone 16 Pro มีต้นทุนเพิ่มขึ้น 6% จาก iPhone 15 Pro รุ่นเดิม (ปีที่แล้ว Nikkei ประเมินต้นทุน iPhone 15 Pro Max ไว้ที่ประมาณ 558 ดอลลาร์)

ส่วน Pixel 9 Pro มีต้นทุนลดลง 11% จาก Pixel 8 Pro แต่กรณีนี้อาจไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงผลลัพธ์ของความเปลี่ยนแปลงที่เที่ยงตรงมากนัก เนื่องจากรุ่นที่ควรนับเป็นภาคต่อของ Pixel 8 Pro ตามจริงแล้วคือ Pixel 9 Pro XL ที่มีขนาดหน้าจอและความจุแบตใกล้เคียงกัน

ทั้งนี้ ต้นทุนวัตถุดิบ เป็นเพียงหนึ่งในปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่ผู้ผลิตมือถือนำมาพิจารณาในการตั้งราคาขายเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีต้นทุนแฝงอื่น ๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึง เช่น ค่าใช้จ่ายในการขนส่ง การวิจัยและพัฒนา การตลาด และการจัดการบริการหลังการขาย เป็นต้น

ที่มา : Nikkei Asia