แอปเปิลเปิดตัว iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max มือถือตัวท็อปของค่ายในงาน ‘It’s Glowtime’ ภาพรวมเปลี่ยนไม่มาก ยังใช้ดีไซน์เดิม สัดส่วนหน้าจอยาวขึ้นเล็กน้อย และขอบหน้าจอบางลง มีปุ่ม Camera Control ใหม่ บริเวณด้านขวา ช่วยให้ถ่ายภาพ – ถ่ายวิดีโอ ได้สะดวกขึ้น

iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max มากับหน้าจอ OLED ขนาด 6.3 นิ้ว และ 6.9 นิ้ว ความยาวตามแนวแทยงเพิ่มขึ้นรุ่นละ 0.2 นิ้ว เท่ากัน รองรับเทคโนโลยี ProMotion อัตรารีเฟรชสูงสุด 120Hz ภายในขับเคลื่อนด้วยชิป A18 Pro ซีพียูทรงพลังขึ้น 15% จีพียูแรงขึ้น 20% ประหยัดพลังงานกว่าเดิม 20% เสริมด้วย Neural Engine แบบ 16 แกน สมรรถนะ 35 TOPS แบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงสุดที่เคยมี เน้นการประมวลผล Apple Intelligence โดยตรงจากบนอุปกรณ์

กล้องหลัก iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max ได้รับการอัปเกรดเป็นเซนเซอร์ใหม่ ความละเอียด 48MP ส่งผ่านข้อมูลระหว่างเซนเซอร์กับตัวเครื่องไวขึ้น ส่งผลให้การประมวลผลแบบเฟรมต่อเฟรมในการถ่ายวิดีโอทำได้ที่ความละเอียดสูงขึ้น ส่วนกล้องอัลตราไวด์ขยับความละเอียดเป็น 48MP และกล้องเทเลโฟโต 12MP ได้ระยะออปติคัล 5x เท่ากันทั้งสองรุ่น ไม่แบ่งแยกแล้ว

สำหรับปุ่ม Camera Control ที่เป็นไฮไลต์ เป็นปุ่มแบบ capacitive ครอบทับด้วยกระจกแซปไฟร์ รองรับการแตะหนัก – แตะเบา ใช้ควบคุมฟังก์ชันได้หลายอย่างในแอปกล้อง เช่น ปรับรูรับแสง ปรับระยะซูม ปรับความสว่าง โดยการไถนิ้ว สามารถแตะครึ่งจังหวะเพื่อจับโฟกัสได้ และแอปเปิลจะเปิด API ให้นักพัฒนาภายนอกสามารถนำ Camera Control ไปใช้กับแอปของตนได้ด้วย

จุดอัปเกรดอย่างอื่นคือ การยกเครื่องไมโครโฟน 4 ตัว แอปเปิลเคลมว่าเป็นไมโครโฟนระดับสตูดิโอ ดีสุดที่เคยใส่มา รองรับการบันทึกเสียงเชิงพื้นที่ (สามมิติ) ตัดเสียงรบกวนรอบข้างดีขึ้น กรองเสียงลมดีขึ้น แยกแยะทิศทางเสียงดีขึ้น รวมถึงแยกแยะเสียงพูดและเสียงรอบข้างได้ดีกว่าเดิมเช่นกัน

การอัปเกรดนี้ มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ คือ Audio Mix เลือกปรับเสียงพูดจากวิดีโอที่ถ่ายมาได้ 3 รูปแบบ ได้แก่

  • ภายในเฟรม – โฟกัสเฉพาะเสียงพูดของคนที่อยู่ในเฟรม
  • สตูดิโอ – ปรับเสียงพูดให้เหมือนกับการบันทึกเสียงในสตูดิโอที่มีผนังซับเสียง เหมาะสำหรับวล็อก (vlog) และพ็อดคาสต์
  • ภาพยนตร์ – ดึงเสียงพูดทั้งหมดจากคนรอบตัว ให้มาอยู่ในระนาบเดียวกัน คล้ายกับการทำ normalization ในภาพยนตร์

สเปค iPhone 16 Pro

  • จอภาพ OLED ขนาด 6.3 นิ้ว
    • อัตรารีเฟรช 120Hz
  • ชิปเซต A18 Pro
  • หน่วยความจำ 8GB
  • สตอเรจ 128GB / 256GB / 512GB / 1TB
  • กล้องหลัง
    • กล้องหลัก 48MP (𝑓/1.78), ระบบกันสั่น Sensor-shift รุ่นที่ 2, เคลือบสารลดแสงสะท้อน
    • กล้องอัลตราไวด์ 48MP (𝑓/2.2), ระบบกันสั่น OIS, รองรับการถ่ายมาโคร
    • กล้องเทเลโฟโต 12MP (𝑓/2.8), ระบบกันสั่น OIS, ซูมออปติคัล 5 เท่า, ซูมดิจิทัลสูงสุด 25 เท่า
  • กล้องหน้า 12MP
  • ลำโพงสเตอรีโอ
  • เครือข่าย 5G
  • การเชื่อมต่อ
    • Wi-Fi 7
    • Bluetooth 5.3
    • Ultra Wideband
  • แบตเตอรี่ (ไม่ระบุ)
    • ชาร์จ MagSafe สูงสุด 25W
    • ชาร์จ Qi2 สูงสุด 15W
  • ทนน้ำทนฝุ่น IP68
  • ระบบปฏิบัติการ iOS 18
  • ขนาด 149.6 x 71.5 x 8.25 มม.
  • น้ำหนัก 199 กรัม

สเปค iPhone 16 Pro Max

  • จอภาพ OLED ขนาด 6.9 นิ้ว
    • อัตรารีเฟรช 120Hz
  • ชิปเซต A18 Pro
  • หน่วยความจำ 8GB
  • สตอเรจ 256GB / 512GB / 1TB
  • กล้องหลัง
    • กล้องหลัก 48MP (𝑓/1.78), ระบบกันสั่น Sensor-shift รุ่นที่ 2, เคลือบสารลดแสงสะท้อน
    • กล้องอัลตราไวด์ 48MP (𝑓/2.2), ระบบกันสั่น OIS, รองรับการถ่ายมาโคร
    • กล้องเทเลโฟโต 12MP (𝑓/2.8), ระบบกันสั่น OIS, ซูมออปติคัล 5 เท่า, ซูมดิจิทัลสูงสุด 25 เท่า
  • กล้องหน้า 12MP
  • ลำโพงสเตอรีโอ
  • เครือข่าย 5G
  • การเชื่อมต่อ
    • Wi-Fi 7
    • Bluetooth 5.3
    • Ultra Wideband รุ่นที่ 2
  • แบตเตอรี่ (ไม่ระบุ)
    • ชาร์จ MagSafe สูงสุด 25W
    • ชาร์จ Qi2 สูงสุด 15W
  • ทนน้ำทนฝุ่น IP68
  • ระบบปฏิบัติการ iOS 18
  • ขนาด 163 x 77.6 x 8.25 มม.
  • น้ำหนัก 227 กรัม

ราคาและการจำหน่าย

iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max มีราคาเริ่มต้น 999 ดอลลาร์ และ 1,199 ดอลลาร์ ตามลำดับ เริ่มเปิดให้พรีออร์เดอร์ตั้งแต่วันศุกร์นี้เป็นต้นไป (13 กันยายน 2024) สีที่มีให้เลือกคือ Black Titanium, White Titanium, Natural Titanium และ Desert Titanium ที่เป็นสีใหม่

ข้อแตกต่างเล็กน้อยระหว่างทั้งสองรุ่นคือ iPhone 16 Pro ความจุเริ่มต้น 128GB ส่วน iPhone 16 Pro Max เริ่มที่ 256GB