iPhone 16 Pro Max เปิดตัวแล้ว ก็ไม่พ้นที่จะต้องเอามาเปรียบเทียบกับมือถือเรือธงฝั่ง Android อย่าง Samsung Galaxy S24 Ultra ซึ่งในรอบนี้ด้านของ iPhone ก็ยัดฟีเจอร์ AI มาใน iPhone 16 Pro Max แบบจัดเต็ม อัปเกรดกล้องใหม่ ถ่ายภาพได้ดีมากกว่าเดิม แต่นอกเรื่อง AI และเรื่องกล้องแล้ว ถ้าเอาทั้ง 2 รุ่นนี้มาเปรียบเทียบกัน จะมีอะไรต่างกันอีกบ้าง มาดูเลย
เทียบสเปค iPhone 16 Pro Max VS Samsung Galaxy S24 Ultra
iPhone 16 Pro Max | Galaxy S24 Ultra | ||
จอภาพ | พาเนล | LTPO Super Retina XDR OLED ความสว่างสูงสุด 2,000 นิต | Dynamic AMOLED 2X ความสว่างสูงสุด 2600 นิต |
ขนาด | 6.9 นิ้ว | 6.8 นิ้ว | |
ความละเอียด | (1320 x 2868 px) | (1440 x 3120 px) | |
อัตรารีเฟรช | 1 – 120Hz | ||
ประสิทธิภาพ | ชิปเซต | Apple A18 Pro (3nm) | Snapdragon 8 Gen 3 (4nm) |
หน่วยความจำ | 8 | 12GB | |
ความจุ | 256GB 512GB 1TB | ||
ระบบปฏิบัติการ | iOS18 | One UI 6.1 บน Android 14 | |
กล้อง | กล้องหลัก | 48MP (f/1.78) กันสั่น Sensor-Shift รุ่น 2 | 200MP (f/1.7) กันสั่น OIS |
กล้องอัลตราไวด์ | 48MP (f/2.2) กันสั่น OIS, รองรับการถ่ายมาโคร | 12MP (f/2.2) มุมกว้าง 120 เท่า | |
กล้องเทเลโฟโต | 12MP(f/2.8) กันสั่น OIS ซูมออปติคัล 5 เท่า, ซูมดิจิทัลสูงสุด 25 เท่า | 10MP (f/2.4) ซูมออปติคัล 3 เท่า ระบบกันสั่น OIS | |
กล้อง Periscope | – | 50MP ซูมออปติคัล 5 เท่า ระบบกันสั่น OIS Space Zoom 100 เท่า | |
กล้องหน้า | 12MP(f/1.9) | 12MP (f/2.2) | |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi | 802.11a/b/g/n/ac/ax/be (Wi-Fi 7) | 802.11a/b/g/n/ac/ax/be (Wi-Fi 7) |
Bluetooth | 5.3 | 5.3 | |
พอร์ต | USB Type-C 3.2 Gen 2 รองรับ DisplayPort | USB Type-C 3.2 Gen 1 รองรับโหมด DeX | |
แบตเตอรี่ | ความจุ | ยังไม่ระบุ | 5,000 mAh |
การชาร์จ | ยังไม่ระบุ | ผ่านสาย 45W | |
ชาร์จไร้สาย | ชาร์จแบบไร้สาย MagSafe สูงสุด 25W, ชาร์จไร้สาย Qi2 สูงสุด 15W | ไร้สาย 15W | |
ตัวเครื่อง | วัสดุ | ไทเทเนียม | |
มาตรฐานทนน้ำ | IP68 | ||
ขนาด | 163 x 77.6 x 8.25 มม. | 79 x 162.3 x 8.6 มม. | |
น้ำหนัก | 227 กรัม | 232 กรัม | |
ราคาเปิดตัว | เริ่มต้น | 48,900 บาท | 46,900 บาท |
จอแสดงผล
iPhone 16 Pro Max รอบนี้มีมาพร้อมกับหน้าจอที่ขนาดใหญ่มากกว่าเดิมเล็กน้อย 0.2 นิ้ว ทำให้จอจากรุ่นเดิมที่มีขนาด 6.7 นิ้ว กลายเป็น 6.9 นิ้ว ส่วนจอภาพจะใช้เป็นจอ LTPO Super Retina XDR OLED และในรุ่นนี้ยังมีความสว่างเท่ากับรุ่นก่อนที่ 2,000 นิต ซึ่งก็เพียงพอต่อการใช้งานในกลางแจ้ง ในรอบนี้ Apple ยังมีการอัปเกรดจอเป็น Ceramic Shield ทำให้จอมีความแข็งแรงมากขึ้นกว่าเดิม 50%
ส่วน Samsung Galaxy S24 Ultra มาพร้อมกับจอ Dynamic AMOLED 2X ความกว้าง 6.8 นิ้ว ความละเอียดขนาด 1440 x 3120 พิกเซล ถ้าเป็นตัวเลขของขนาดหน้าจอ iPhone 16 Pro Max ถือว่ามีขนาดจอที่ใหญ่กว่า Galaxy S24 Ultra แต่ในด้านการใช้งานจริงด้วยตัวเลข 0.1 นิ้ว อาจไม่ได้มีความแตกต่างขนาดนั้น และต้องไม่ลืมว่า ถ้าหากเป็นคนชอบจด ชอบเขียน ทาง Galaxy S24 Ultra ก็ยังรองรับ S Pen ต่างจาก iPhone 16 Pro Max ที่ยังไม่รองรับ
การถ่ายภาพ
iPhone 16 Pro Max มีการอัปเกรดกล้องหลัก 48MP ใหม่ ทำให้สามารถถ่ายภาพได้ดีกว่าเดิม นอกจากนี้ ยังมีการอัปเกรดกล้องอัลตราไวด์จากความละเอียดเดิม 12MP เป็น 48MP แน่นอนว่าทำให้สามารถถ่ายภาพออกมาได้คมชัดมากกว่าเดิม
ในด้านของ Samsung Galaxy S24 Ultra จะมาพร้อมกล้องหลักความละเอียดสูงถึง 200MP, กล้อง Telephoto 10MP กล้อง Periscope 50MP และกล้อง Ultrawide 12MP ถ้าดูจากตัวเลขแล้ว iPhone 16 Pro Max ถือว่าแพ้ราบคาบเลย แต่ก็ต้องมาดูอีกทีว่าในการใช้งานจริงทั้ง 2 รุ่น จะทำออกมาได้แตกต่างกันแค่ไหน
ประสิทธิภาพ
iPhone 16 Pro Max รอบนี้มาพร้อมกับชิป Apple A18 Pro ได้ RAM เป็น 8GB ด้วยมากับชิปใหม่ ทำให้สามารถใช้งานโดยรวมดีขึ้นมากกว่าเดิม และยังสามารถช่วยประมวลผล AI ได้หลากหลายมากขึ้น ส่วนฝั่งของ Samsung Galaxy S24 Ultra มาพร้อมกับชิป Snapdragon 8 Gen 3 และ RAM ขนาด 12GB
ซึ่งชิปของทั้ง 2 รุ่นนี้ ก็เป็นชิประดับเรือธงทั้งคู่ แต่ว่าชิป Apple A18 Pro นั้นสดใหม่กว่า แต่ด้วย Samsung จะมี RAM ที่เยอะกว่าทาง Apple ก็ต้องมาดูกันว่าเมื่อใช้งานจริงประสิทธิภาพการประมวลผลใครจะเหนือกว่ากัน
แบตเตอรี่ และการชาร์จ
ในด้านของแบตเตอรี่ของ iPhone 16 Pro Max ตามธรรมเนียมของ Apple จะไม่มีการระบุขนาดของแบตเตอรี่เหมือนค่ายอื่น แต่จะบอกเป็นระยะเวลาการเล่นวิดีโอแทน ซึ่งในรุ่นนี้สามารถเล่นวิดีโอได้สูงสุด 33 ชั่วโมง สามารถใช้งานได้นานกว่า iPhone 15 Pro Max ที่ 4 ชม. ส่วนการชาร์จเร็วแบบมีสายยังไม่ได้ระบุ บอกเพียงว่ารองรับชาร์จไร้สายแบบ MagSafe 25W และรองรับ Qi2 ที่ 15W
ส่วน Samsung Galaxy S24 Ultra มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh รองรับชาร์จเร็วที่ 45W และชาร์จไร้สายที่ 15W เห็นได้อย่างชัดเจนว่าใน Galaxy S24 Ultra สามารถชาร์จเร็วแบบมีสายในกำลังไฟที่สูงกว่า แต่ฝั่งของ iPhone รองรับการชาร์จแบบไร้สายได้มากกว่า อย่างไรก็ตาม ในด้านของการใช้งานจริง อาจจะต้องนำ iPhone 16 Pro Max มาทดลองใช้งานจริงก่อนถึงจะรู้ว่าใครสามารถทำเรื่องของแบตเตอรี่ออกมาได้ดีกว่ากัน
Apple Intelligence VS Galaxy AI
อีกหนึ่งจุดเด่นของ iPhone 16 series คือ เรื่องของ AI นั่นเอง สามารถทำได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็น สรุปข้อมูลจากข้อความ อีเมล รวมไปถึงการสนทนา, Genmoji และจัดลำดับความสำคัญของการแจ้งเตือน และอื่น ๆ อีกมากมาย ฟังดูก็เหมือนน่าสนใจ แต่ที่น่าเสียดายคือ Apple Intelligence ยังไม่สามารถใช้งานในไทยได้ตอนนี้ ต้องรอไปก่อนนะ
ส่วนฝั่งของ Samsung Galaxy S24 Ultra ถือเป็นมือถือรุ่นแรก ๆ ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ AI หลายตัว และสามารถใช้งานได้หลากหลาย เช่น Circle to Search, Live Translate, Photo Assist และอีกมากมาย และที่สำคัญคือ Galaxy AI ยังสามารถใช้งานกับมือถือรุ่นเก่าอีกหลายรุ่น ไม่ได้จำกัดไว้แค่ใน Galaxy S24 series แล้วใช้งานในไทย รองรับภาษาไทยในหลายฟีเจอร์แล้ว
ปกป้องระดับโปร ด้วยฟิล์มกระจกแบบใสเต็มจอ จาก Focus
สำหรับคนที่มองหากระจกกันรอยสำหรับ iPhone 16 series แบบฟิล์มกระจกแบบใส FOCUS เขาก็มี ฟิล์มวัสดุกระจกเต็มจอคุณภาพสูง Focus Full Frame ปกป้องตั้งแต่ขอบจอยัน Dynamic Island
ไม่ต้องห่วงเรื่องของความทนทาน เพราะตัวฟิล์มมีความแข็งแรงระดับ 9H กันรอยขีดข่วนในระดับดีเยี่ยม ให้สามารถใช้งาน iPhone 16 Series ได้อย่างมั่นใจตั้งแต่วันแรกที่รับเครื่อง
และไม่ต้องห่วงว่าตัวฟิล์มจะดันเคส เพราะฟิล์มตัวนี้เป็น Case-Friendly สามารถใช้งานร่วมกับเคสได้ ไม่ว่าจะเป็นเคสลวดลายสวยงาม หรือเคสกันกระแทก ก็สามารถใช้งานได้ทุกแบบ
และด้วยความที่เป็นกระจกแบบใส ทำให้ภาพมีความคมชัด และสีสดเหมือนเดิม ดูหนังดูซีรีส์ก็เก็บได้ทุกความละเอียด หรือหากเล่นเกมก็ไถจอได้แบบลื่น ๆ จะยิงปืน ตีป้อม ก็เอาอยู่ แถมในกล่องยังฟิล์มหลังตัวเครื่องมาให้ติดแบบฟรี ๆ เอาไว้กันฝุ่น และกันเคสกัดอีกด้วย
ชอบความส่วนตัว ไม่ให้ใครรู้ว่าดูอะไรอยู่ ด้วย Focus Privacy
ฟิล์มกระจกกันมอง Focus Privacy ตอบโจทย์มากๆ กับคนที่ชอบเป็นส่วนตัว เวลาจะใช้งานมือถือในที่สาธารณะแล้วไม่อยากให้คนข้างๆ รู้ว่ากำลังดูหรืออ่านอะไร สามารถกันมองจากรอบข้าง ตั้งแต่ 30 – 180 องศา จะใช้งานแอปไหน หรือคุยกับใครก็สบายใจ ไม่ต้องกลัวใครเห็น แต่เรายังมองเห็นจอคมชัดเหมือนเดิม
ส่วนใครที่เป็นห่วงว่าจะแข็งแรงไหม ก็ไม่ต้องห่วง เพราะฟิล์มรุ่นนี้ก็มีความแข็งแรงระดับ 9H กันรอยขีดข่วนได้ดีเยี่ยม และทัชจอได้แบบลื่น ๆ เหมือนเดิม
กันจอแล้ว กันเลนส์กล้อง ก็ต้องมี
นอกจากกระจกแบบใส และกระจกกันมองแล้ว ทาง FOCUS ยังมีกระจกกันรอยเลนส์กล้องแบบด้าน Focus Iron Ring Titanium Matte สำหรับคนที่ต้องการปกป้องเลนส์ของ iPhone 16 series ในรุ่นนี้ สามารถป้องกันรอยขีดข่วนบนเลนส์กล้อง แข็งแรงทนทานระดับ 9H เหมือนกับตัวฟิล์ม แถมยังติดแน่น ไม่หลุดง่าย ๆ และยังกันน้ำ กันฝุ่นอีกด้วย
ส่วนใครที่กลัวว่าติดแล้ว กล้องจะดูสีลอยจากตัวเครื่องไหม ไม่ต้องห่วงเลย เพราะตัวเลนส์กันรอยเป็นวัสดุไทเทเนียมสีเดียวกันกับตัวเครื่อง ติดแล้วเรียบเนียนเหมือนไม่ติด มีทั้งรุ่นธรรมดาและรุ่นโปรเลย
หรือใครที่กลัวว่าติดแล้วจะทำให้ถ่ายภาพแย่ ก็ไม่ต้องกลัวเพราะ Focus Iron Ring Titanium Matte ตัวเลนส์มีการเคลือบ Anti-Reflection ลดแสงสะท้อน มาให้อย่างดี นำไปถ่ายรูปก็ไม่ลดทอนคุณภาพของตัวกล้อง
ติดฟิล์มโฟกัส ยังได้ลุ้น Airpods 2 และของพรีเมียม รวม 100 รางวัล
มี iPhone แล้ว ก็ต้องมี Airpods แต่ถ้าไม่อยากซื้อราคาเต็ม ก็มาลุ้นกับ Focus เลย เพียงซื้อกระจกกันรอยโฟกัสสำหรับ iPhone แบบเต็มจอรุ่นใดก็ได้ แล้วนำรหัสสินค้าที่อยู่บนตัวสินค้า ไปลงทะเบียนที่ Line Official @Focusshield ลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษรวม 100 รางวัล มูลค่ารวมกว่า 100,000 บาท
- รางวัลที่ 1 Airpod 2 จำนวน 10 รางวัล
- รางวัลที่ 2 หมอนผ้าห่มโฟกัส จำนวน 50 รางวัล
- รางวัลที่ 3 สายชาร์จโฟกัส 10 รางวัล
- รางวัลที่ 4 กระเป๋าโฟกัส พร้อม Focus screen clear 30 รางวัล
ร่วมสนุกได้ตั้งแต่ 20 ก.ย. – 9 ต.ค. 2567
ช่องทางการซื้อ Focus
FOCUS ฟิล์มกระจก และ Focus Iron Ring สามารถหาซื้อได้ง่าย ๆ ตามตัวแทนจำหน่ายที่มีอยู่ทั่วประเทศ, ร้าน FOCUS หรือ www.focusshield.com
Comment