ที่ผ่านมาแอปเปิลจะมีธรรมเนียมไม่เปิดเผยความจุแบตเตอรี่และขนาดแรมบน iPhone เป็นตัวเลขตรง ๆ ซึ่งแฟน ๆ ส่วนใหญ่คงคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว แต่เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สหภาพยุโรปได้ออกกฎให้ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนต้องติดฉลากประสิทธิภาพพลังงาน (energy label) บนสินค้าที่วางจำหน่ายหลังวันที่ 20 มิถุนายน 2025 เป็นต้นมา แอปเปิลจึงไม่สามารถปกปิดความจุแบตเตอรี่ของ iPhone ในยุโรปได้อีกต่อไป ส่วนกรณีของแรม ยังสามารถทราบได้จาก Xcode ที่เป็นซอฟต์แวร์สำหรับนักพัฒนาตามเดิม

iPhone ที่ขายในประเทศกลุ่ม EU ต้องมีฉลากพลังงานกำกับ ให้ลูกค้าคลิกดูข้อมูลต่าง ๆ ได้ รวมถึงความจุแบตเตอรี่

สรุปความจุแบต iPhone 17 และ iPhone Air

iPhone 17 แต่ละรุ่นและ iPhone Air มีความจุแบตเตอรี่ดังนี้

  • iPhone 17 : 3692mAh
  • iPhone Air : 3149mAh
  • iPhone 17 Pro : 4252mAh
  • iPhone 17 Pro Max : 5088mAh

หากเทียบกับ iPhone 16 ของปีก่อน พบว่า iPhone 17 ทั้งสามรุ่นมีแบตเตอรี่ใหญ่ขึ้น และเป็นความจุสูงสุดที่แอปเปิลเคยให้มา โดยเฉพาะ iPhone 17 Pro ที่แบตใหญ่กว่า iPhone 16 Pro เกือบ 19% ส่วน iPhone Air มีข้อจำกัดด้านความบาง แบตจึงลดหลั่นลงมาจากรุ่นอื่นประมาณหนึ่ง

  • iPhone 16 : 3561mAh
  • iPhone 16 Plus : 4674mAh
  • iPhone 16 Pro : 3582mAh
  • iPhone 16 Pro Max : 4685mAh

สรุปขนาดแรม iPhone 17 และ iPhone Air

ถัดมาคือประเด็นเรื่องแรม ตามข้อมูลบน Xcode เผยว่า iPhone 17 มีแรม 8GB เท่าเดิม ส่วนรุ่นอื่น ๆ ที่เหลือทั้งหมดขยับมาเป็น 12GB แล้ว

  • iPhone 17 : 8GB
  • iPhone Air : 12GB
  • iPhone 17 Pro : 12GB
  • iPhone 17 Pro Max : 12GB

การอัปเกรดในส่วนนี้เดาไม่ยากว่าเป็นผลพลอยได้จากแนวทางด้านปัญญาประดิษฐ์ของแอปเปิล ที่ต้องการให้ Apple Intelligence ประมวลผลอยู่บนตัวเครื่องเป็นหลัก (on-device) มากกว่าจะพึ่งพาการประมวลผลบนคลาวด์ เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล

ด้วยเหตุนี้ ขนาดแรมจึงกลายมาเป็นสิ่งจำเป็นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพราะหากแรมไม่พอจะเจอปัญหาในลักษณะคอขวด กล่าวคือชิปแรงเหลือเฟือ แต่หน่วยความจำไม่พอ ในช่วงไม่นานมานี้เราจึงได้เห็นมือถือเรือธงหลาย ๆ ค่ายขยับแรมเริ่มต้นให้สูงกว่าเดิม เช่นเดียวกับ iPhone 17 ในปีนี้

ที่มา : Apple | MacRumors