บางขั้นสุด ล้ำขั้นสุด และสับสนขั้นสุดว่าสรุปแล้ว iPhone Air เป็นสมาร์ทโฟนที่มีกลุ่มเป้าหมายไหนเป็นหลัก กับราคาเปิดตัวเริ่มต้นเกือบ 40,000 บาท ทำให้วันนี้เราจะลองไปดู ดีเทลเล็กๆ 4 จุดของ iPhone Air พร้อมกันว่ามีอะไรบ้างที่ต้องเสียไปกับนวัตกรรมความบางเฉียบในครั้งนี้

ราคาเกือบสี่หมื่นแต่มีลำโพงตัวเดียว
อย่างที่เราได้เห็นกันในงานเปิดตัวว่า iPhone Air มีความบางตัวเครื่องเพียงแค่ 5.6 มม. โดยที่ส่วนประกอบภายในของตัวเครื่อง เช่น เมนบอร์ด ระบบกล้อง ลำโพง และชิ้นส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจะถูกจัดวางอยู่บริเวณโมดูลกล้องที่นูนขึ้นมา (plateau) ส่วนพื้นที่ที่เหลือจะเอาไว้สำหรับหน้าจอ แบตเตอรี่ และแผงวงจรหลักอีกเล็กน้อย เพื่อรีดความบางให้ได้มากที่สุด

เลยส่งผลให้บริเวณด้านล่างของ iPhone Air จะมีแค่ไมโครโฟน และพอร์ตเชื่อมต่อ USB-C 2 ที่มีความเร็วการรับ-ส่งข้อมูลสูงสุด 480Mb/s เท่านั้น ถ้าอยากจะฟังเสียงแบบสเตอริโอก็ต้องเชื่อมต่อกับ AirPods หรือลำโพงภายนอกเท่านั้น
ระบบกล้อง Fusion Camera แต่มีตัวเดียว 48MP
คาดว่าอาจเป็นผลมาจากความบางของตัวเครื่องด้วย ที่ทำให้ทาง Apple จำเป็นต้องตัดกล้องของ iPhone Air ออกไปจนเหลือเพียงแค่ 1 ตัว ซึ่งก็คือกล้อง Fusion Camera ความละเอียด 48MP (f/1.6) รองรับการซูมแบบครอปเซนเซอร์ (Optical Quality) ที่ระยะ 2 เท่า เพราะขนาด iPhone 17 รุ่นมาตรฐานยังมาพร้อมกล้องหลังถึง 2 ตัว (มีกล้องอัลตราไวด์ความละเอียด 48MP)

อีกหนึ่งจุดก็คือ โหมดถ่ายวิดีโอ ที่ไม่ได้มีครบเหมือนกับ iPhone 17 และ iPhone 17 Pro โดยโหมดการถ่ายวิดีโอที่หายไปจาก iPhone Air เช่น โหมดภาพยนตร์, โหมดมาโคร และวิดีโอเชิงมิติพื้นที่ (Spatial Video) เป็นต้น
ชาร์จช้ากว่ารุ่นมาตรฐาน และรุ่น Pro
บนหน้าเว็บไซต์ของ Apple ระบุข้อมูลเอาไว้ว่า iPhone Air สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ด้วย อะแดปเตอร์ขนาด 20 วัตต์ หรือสูงกว่าเพื่อให้ชาร์จได้ 50% ภายใน 30 นาที ในขณะที่ iPhone 17 กับ iPhone 17 Pro สามารถชาร์จได้สูงสุด 50% ใน 20 นาที (ด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 40 วัตต์หรือสูงกว่า)
นอกจากนั้นแล้วการชาร์จแบบ MagSafe และการชาร์จไร้สาย iPhone Air ก็รองรับความเร็วสูงสุดที่ 20 วัตต์ ทั้งการชาร์จแบบ MagSafe และ Qi2 ในขณะที่ iPhone 17 กับ iPhone 17 Pro รองรับที่ความเร็ว 25W
ชิป A19 Pro แต่ไม่เหมือนรุ่น Pro ทั้งหมด
ถึงแม้ว่า iPhone Air จะเปิดตัวมาพร้อมกับชิปเซ็ตประมวลผลอย่าง A19 Pro ที่ประกอบไปด้วย CPU จำนวนมากถึง 6 คอร์ แต่จุดที่ทำให้แตกต่างจาก iPhone 17 Pro ก็คือจำนวนของ GPU ที่ถูกตัดเหลือเพียงแค่ 5 คอร์ (จากเดิม 6 คอร์) ถึงแม้ว่าจะไม่ส่งผลกับการใช้งานมากจนเห็นได้ชัด แต่ก็ถือเป็นจุดที่น่าเสียดายอยู่พอสมควร

ราคาและการวางจำหน่าย
iPhone Air มีราคาเริ่มต้น 39,900 บาท (ความจุ 256GB) มีให้เลือกมากถึง 4 สี โดยจะเปิดวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการวันแรก 19 กันยายน 2025 นี้
- สีดำ (Space Black)
- สีขาว (Cloud White)
- สีทอง (Light Gold)
- สีฟ้า (Sky Blue)

ที่มา : MacRumors
Comment