แอปเปิลปล่อยอัปเดต iOS 18.2 ออกมาเมื่อคืนนี้ ความเปลี่ยนแปลงสำคัญคือ การมาถึงของชุดฟีเจอร์ปัญญาประดิษฐ์ Image Playground, Genmoji และ Image Wand พร้อมเปิดการเข้าถึง ChatGPT ใน Siri และ Writing Tools ให้กับ iPhone กลุ่มที่รองรับ ตามที่เคยนำเสนอไว้เมื่อหลายเดือนก่อน (ซึ่งหลายคนน่าจะทราบกันหมดแล้วว่าทำอะไรได้บ้าง) และในขณะเดียวกันก็มีการปรับปรุง – เปลี่ยนแปลง ที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง ในส่วนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ Apple Intelligence ด้วย

Camera Control

ตัวควบคุมกล้องใน iOS 18.2 สามารถลดการตอบสนอง (เซนซิทีฟ) ต่อการแตะสองครั้งได้แล้ว โดยเลือกได้ 3 ระดับ ระหว่าง ปกติ ช้า และช้ามาก และมีฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญเพิ่มมาอีก 2 อย่าง คือ

  • AE/AF Lock : แตะ Camera Control ครึ่งจังหวะ เพื่อจับโฟกัสและล็อกความสว่าง
  • Require Screen On : ล็อกแอปกล้องไม่ให้เปิดผ่าน Camera Control ขณะหน้าจอปิดอยู่

การตั้งค่าข้างต้นทั้งหมดจะเข้าถึงได้จาก Settings → Accessibility → Camera Control

Mail

ออกแบบอินเทอร์เฟซในแอปอีเมลใหม่ให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น เพิ่มมุมมอง Digest View มัดรวมอีเมลจากผู้ส่งรายเดียวกันเข้าด้วยกัน พร้อมจัดระเบียบอีเมลตามหมวด 4 หมวด ได้แก่

  • Primary : อีเมลส่วนตัวและอีเมลที่สำคัญ
  • Transactions : อีเมลใบเสร็จและการทำธุรกรรมต่าง ๆ
  • Updates : อีเมลข่าวสาร การแจ้งเตือน และโซเชียล
  • Promotions : อีเมลการตลาดและคูปอง

Photos

เมื่อแตะที่วิดีโอ วิดีโอจะแสดงผลชิดขอบทันที (ไม่ต้องแตะซ้ำเหมือนที่ผ่านมา) และเมื่อแตะซ้ำขณะอยู่ในโหมดเต็มหน้าจอ ก็จะเป็นการแสดงแถบควบคุมวิดีโอ พร้อมภาพพรีวิวของรูปอื่น ๆ ในแกลเลอรี ไม่ใช่การซูมอีกต่อไป

Safari

เมื่อดาวน์โหลดไฟล์ผ่าน Safari ต่อจากนี้ระบบจะแสดงสถานะดาวน์โหลดแบบเรียลไทม์ทั้งบนกล่อง Live Activities ในหน้าจอล็อก และบนแถบ Dynamic Island ในหน้าจอปกติ

พร้อมอัปเดตฟีเจอร์ใหม่อีกบางส่วน เช่น เปิดให้ผู้ใช้งานกำหนดภาพพื้นหลังในหน้าแรกของเอง Safari ได้ และสามารถนำเข้าหรือส่งออกประวัติการเข้าชมเว็บไซต์ระหว่าง Safari กับเบราว์เซอร์ตัวอื่นได้ เป็นต้น

Volume Limit

เพิ่มตัวเลือก Limit Maximum Volume เข้ามาในเมนู Sounds and Haptics สำหรับจำกัดความดังเสียงของสื่อ (เช่นเพลงและวิดีโอ) เอาไว้ในระดับที่กำหนด โดยสามารถกำหนดได้ตั้งแต่ 20% ถึง 90%

การจำกัดนี้จะไม่ครอบคลุมความดังของเสียงแจ้งเตือน เสียงนาฬิกาปลุก และเสียงโทรศัพท์ รวมถึง FaceTime เพราะระบบนับว่าเป็นเสียงคนละส่วนกัน

Volume Slider

นำแถบปรับระดับเสียงในหน้าจอล็อกกลับมาอีกครั้ง จากที่แอปเปิลถอดออกไปตอน iOS 16 ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับระดับเสียงของสื่อได้จากหน้าจอล็อก โดยที่ไม่ต้องกดปุ่มบนตัวเครื่อง

ฟีเจอร์นี้ถูกปิดไว้ตามค่าเริ่มต้น วิธีเปิดคือไปที่ Setting → Accessibility → Audio and Visual → Always Show Volume Control ตามลำดับ

Camera

เพิ่มปุ่หยุดชั่วคราว (pause) ในโหมดวิดีโอในแอปกล้อง จากเดิมมีแต่ปุ่มหยุด (stop) บังคับตัดจบอย่างเดียว

Default Apps

เปิดให้ผู้ใช้งานเปลี่ยนแอปเริ่มต้นบางของเครื่องได้ได้แก่ อีเมล ข้อความ โทรศัพท์ ฟิลเตอร์การโทร เบราว์เซอร์ รหัสผ่าน และคีย์บอร์ด เช่นเปลี่ยนจากแอป Mail ของแอปเปิล เป็นแอป Gmail ของกูเกิลแทน

Find My

เพิ่มฟีเจอร์แชร์ตำแหน่ง AirTag กับสายการบิน ซึ่งจะมีประโยชน์ในกรณีที่สัมภาระเกิดสูญหาย – หาไม่เจอ หรือจะประยุกต์ใช้งานกับสถานการณ์อื่น ๆ ในชีวิตประจำวันโดยการแชร์ตำแหน่งกับบุคคลอื่นก็ได้เช่นกัน

Screen Mirroring

ปลดล็อกให้ iPhone สามารถสะท้อนหน้าจอได้ ในขณะที่แชร์ฮอตสปอตกับ Mac อยู่

iPhone รุ่นไหน ได้อัปเดต iOS 18.2

iOS 18.2 สามารถอัปเดตได้ตั้งแต่ iPhone XR และ iPhone SE 2 เป็นต้นไป ตามรายชื่อด้านล่าง

  • iPhone 16 / 16 Plus
  • iPhone 16 Pro / 16 Pro Max
  • iPhone 15 / 15 Plus
  • iPhone 15 Pro / 15 Pro Max
  • iPhone 14 / 14 Plus
  • iPhone 14 Pro / 14 Pro Max
  • iPhone 13 / 13 mini
  • iPhone 13 Pro / 13 Pro Max
  • iPhone 12 / 12 mini
  • iPhone 12 Pro / 12 Pro Max
  • iPhone 11
  • iPhone 11 Pro / 11 Pro Max
  • iPhone XS / XS Max
  • iPhone XR
  • iPhone SE 2 / SE 3

ส่วนรุ่นที่ได้ใช้งานฟีเจอร์ Apple Intelligence จะมีเฉพาะกลุ่มที่มีแรม 8GB ขึ้นไป รวม 6 รุ่น

  • iPhone 16 / 16 Plus
  • iPhone 16 Pro / 16 Pro Max
  • iPhone 15 Pro / 15 Pro Max