รู้ไหมว่า iPhone SE 5G ใหม่สีแดง Product Red นั้น มันคนละสีกับรุ่นก่อนๆ เผื่อใครคิดว่ามันแดงเหมือนเดิมจริงๆ ไม่ใช่นะ แต่นั่นคงไม่ใช่ประเด็นหลักของคนที่สนใจ iPhone SE รุ่นใหม่นี้ เพราะจุดขายจริงๆ ของมันคือชิป A15 Bionic กับขนาดตัวเครื่องที่ยังจิ๋วและบางมากกว่า ว่าแต่ว่ามันคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของแค่ไหน
ถ้าดูจากกระแสแล้ว iPhone SE 5G รุ่นนี้น่าจะได้รับความสนใจไม่แพ้ iPhone 13 สีเขียว ที่เป็นคอลเลคชั่นใหม่ เผลอๆ บางคนยังสนใจมากกว่า เพราะถือว่าเป็น iPhone รองรับ 5G ที่ราคาถูกที่สุด ถ้ามองในมุมนั้นกก็อาจจะดูคุ้มดี แต่ถ้าลองมองในภาพรวมแล้วมันก็อาจไม่ได้ดีงามขนาดนั้น
iPhone SE 5G แดงแบบไหน
แต่ก่อนอื่น… ลองมาดูเรื่องของสีก่อนละกัน เผื่อใครที่ยังไงก็จะสอยอยู่แล้ว คือรอบนี้ iPhone SE Product Red มันมาในเฉดที่ดูเผินๆ ก็คงไม่ต่างกัน แต่เอาจริงๆ แล้วไม่ใช่
ซึ่งมองเครื่องเดียวอาจจะไม่ออก แต่พอเอามาวางกับเพื่อนฝูงด้วยกัน จะเห็นเลยว่าเหมือน Apple มีสีแดงของ Product Red อยู่ 2 โทน แล้วก็สลับปีกันใช้ประมาณนั้นเลย
แกะกล่อง iPhone SE 3rd Gen
ตัวกล่องก็สลิมเพราะไม่ได้แถมหัวชาร์จมาแล้ว แต่ถ้าเกิดใครเป็นแฟน Apple โดยเฉพาะ Product Red จะสังเกตุเห็นความผิดปกติหนึ่งอย่าง…
ปกติสติ๊กเกอร์ Prodeuct RED มันจะเป็นแอปเปิ้ลสีแดงนี่นา แต่ทำไมมันดันเป็นสีขาวไปซะยังงั้น -_-”
และหากลองเทียกับกับรุ่น Gen 2 จุดที่แปลกๆ คือบริเวณช่องพอร์ต Lightning มันจะมีอะไรแปลกๆ นิดหน่อย ผมเองก็เพิ่งสังเกตุเห็นตอนที่ถ่ายรูปเทียบกัน
ส่วนตัวเฟรมรอบๆ นั้นก็เป็นสีแดงแบบเดียวกันครับ มีที่แตกต่างเป็นคนละเฉดแค่ในส่วนของฝาหลังเท่านั้นแหละ
นี่คือ iPhone 5G ที่ราคาถูกที่สุด
ตั้งแต่งานเปิดตัวเชื่อว่าหลายๆ คนที่เป็นแฟน iPhone SE ชอบปุ่ม Touch ID หรือยังใช้รุ่นเก่ากันอยู่ก็คงรอคอยการมาของรุ่นอัปสเปคตัวนี้แน่ๆ แต่ใครจะไปคิดว่า Apple จะเลือกอัปสเปคน้อยมากๆ คือได้แค่ชิปใหม่ที่รองรับ 5G และแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น (เล็กน้อย) หน้าจอ กล้อง ส่วนต่างๆ นั้นคือแทบจะเดิมๆ เลย
ในมุมของคนใช้เจนก่อนหน้า ก็อาจจะมีส่วนนึงที่พอหยวนๆ เอาวะ อัปเดทใหม่ให้เครื่องแรงขึ้นนิดนึง แต่น่าจะมีอีกไม่น้อยที่รู้สึกเหมือนผมคือ… หลายๆ อย่างมันแอบตกรุ่นไปแล้ว อย่างหน้าจอที่การแสดงสีสันและคอนทราสต์น้อยมากในยุคนี้
กล้องที่ยังเป็นตัวเดิม ได้ชิปใหม่มาเติม ก็ช่วยได้แค่นิดหน่อยเท่านั้นในส่วนของ Software เพราะตัวเซนเซอร์และเลนส์นั้นมันเดิมๆ มาก การทำงานรับส่งข้อมูลนั้นด้อยกว่าพลังของ A15 Bionic แบบคนละเรื่อง อย่างเช่นโหมด Portrait ที่ยังใช้ถ่ายได้แค่กับคน วัตถุต่างๆ อาหาร ใช้ไม่ได้
เพราะฉะนั้นหลายๆ คนที่คาดว่าภาพถ่ายของ iPhone SE 5G จะดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนนั้นก็คือได้แค่คิดครับ เพราะเอาเข้าจริงๆ ที่ไปถ่ายมาแทบจะแยกไม่ออก เอาแค่ Night Mode ยังไม่มีให้ เพราะ Hardware น่าจะเอาไม่อยู่แล้ว
ตัวอย่างภาพ iPhone SE 2nd เทียบกับ iPhone SE 3rd
ลองดูตัวอย่างภาพถ่ายเปรียบเทียบกันได้ครับ ในส่วนของความแตกต่างก็คงต้องบอกว่าถ้าไม่บอกว่าภาพไหนมาจากรุ่นอะไร ก็คงเดาไม่ถูกแน่ๆ
โดยภาพแรกของแต่ละชุดนั้นเป็น iPhone SE 2nd Gen ส่วนภาพหลังคือ 3rd Gen รุ่น 5G ตามที่จั่วหัวไว้นั่นแหละ
โดยรวมๆ แล้วผมมองว่าอะไรที่เป็นฟีเจอร์ใหม่ๆ ของ iOS 15 ความสามารถด้านระบบ หรือซอฟต์แวร์กล้องนั้น เน้นไปที่รุ่นใหม่ๆ เป็นหลัก ทำให้รุ่นนี้แม้จะได้ A15 Bionic มาก็ไม่สามารถดึงเอาประสิทธิภาพมาใช้ได้เต็ม 100% อยู่ดี
ส่วนของแบตเตอรี่ที่ได้เพิ่มมาอีกนิดหน่อย 200-300 มิลลิแอมป์นั้น ก็เหมือนเอามารองรับการใช้งานของเสา 5G แหละ เพราะสุดท้ายอายุแบตก็อยู่ได้ไม่เกิน 1 วัน เพราะฉะนั้นก็ขอสรุปทิ้งท้ายเอาไว้สั้นๆ ว่า iPhone SE 3rd 5G รุ่นนี้ มันแค่รองรับ 5G เพิ่มเข้ามาเท่านั้น และในช่วงราคาเดียวกันถ้าอยากได้ความสามารถหรือฟีเจอร์ดีๆ กล้องโดนๆ ผมว่า iPhone 11 หรือ iPhone 12 mini ยังมีอะไรให้เล่นมากกว่า เพราะหากไปลองไล่เช็คดูราคาจะเห็นว่า 2 รุ่นนี้จัดโปรบ่อย แล้วต่างกับ SE แค่ 1-2 พันเท่านั้นเอง
Comment