iQOO 12 5G เปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการ มาในฐานะมือถือชิป Snapdragon 8 Gen 3 รุ่นแรกที่เข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทย นอกจากจะได้ชิปเทพแล้ว ยังได้กล้องใหม่ที่ได้รับการอัปเกรดแบบหมดจด ทิ้งภาพจำมือถือเน้นประสิทธิภาพ ได้เซนเซอร์หลักขนาดใหญ่ 1/1.3 นิ้ว แถมยังอัดความจุมาให้แบบจัดเต็ม 16GB + 512GB ในราคาเพียง 27,990 บาท เท่านั้น
เปิดตัว iQOO 12 5G ในไทย
iQOO 12 5G มาพร้อมตัวเครื่องดีไซน์ใหม่ ขอบเฟรมตัวเครื่องใช้วัสดุอะลูมิเนียมแบบแบนเงางาม มาพร้อมฝาหลังที่มีความโค้งมนตามขอบเล็กน้อย ส่วนฝาหลังมีสีดำ Alpha ที่ใช้กระจกแบบด้าน และสีขาว Legend วัสดุกระจกเงาที่จับมือร่วมออกแบบกับ BMW Motorsport พร้อมแปะโลโก้ 3 สี ซิกเนเจอร์ไว้ที่ด้านหลัง ตัวโมดูลกล้องปรับให้เป็นสี่เหลี่ยมขอบมนขนาดใหญ่ ดูแล้วแปลกตากว่ามือถือรุ่นอื่น ๆ ในตลาด
จอแสดงผลของ iQOO 12 มาในดีไซน์จอแบน Flat Screen ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียดสูง 1.5K (2800 x 1260 พิกเซล) ใช้พาเนล AMOLED ที่ค่ารีเฟรชเรตสูงถึง 144Hz พร้อมรองรับการแสดงผลแบบ HDR สว่างสูงสุดถึง 3,000 nits อีกทั้งยังรองรับ PWM Dimming 2160Hz ช่วยลดอาการตาล้าเมื่อจ้องจอนาน ๆ อีกทั้งยังได้รับการรับรองจาก SGS ในเรื่องการปล่อยแสงสีฟ้าต่ำด้วย
ด้านประสิทธิภาพในรุ่นนี้มาพร้อมกับชิป Snapdragon 8 Gen 3 ตัวใหม่ล่าสุด พร้อม GPU Adreno 750 ที่ลดการใช้พลังงานลงได้ถึง 38.4% ประกบคู่กับหน่วยความจำ LPDDR5X + UFS 4.0 ขนาด 16GB + 512GB นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับชิป iQOO Q1 ที่ช่วยเสริมในเรื่องของการแสดงผล คอยแทรกเฟรมเรตให้ถึง 144Hz รวมถึงยังช่วยอัปสเกลภาพให้คมชัดกว่าเดิมด้วย
นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับระบบระบายความร้อน Vapor Chamber ขนาดใหญ่ 6K ที่ครอบคลุมเกือบทั้งตัวเครื่อง และมีการจัดวางชิปใหม่ ช่วยให้กระจายความร้อนได้ทั่วถึง 4 โซน ทำให้เวลาเล่นเกมแล้วไม่รู้สึกร้อนมือ
ส่วนแบตเตอรี่ใช้เป็นเทคโนโลยีแบบ Dual Cell ความจุ 5,000 mAh รองรับชาร์จไว 120W ผ่านสาย USB-C 2.0 การันตีชาร์จครบ 1,600 Cycles แบตเตอรี่ยังเก็บประจุได้เกิน 80%
ด้านกล้องถ่ายภาพ iQOO 12 มาพร้อมกล้องหลักเซนเซอร์ VCS OV50H 50MP ที่ขนาดเซนเซอร์ใหญ่ถึง 1/1.3 นิ้ว รับแสงได้ดีกว่าเดิมถึง 80.3% รองรับการกันสั่น OIS + กล้อง Periscope Telephoto 64MP รองรับการซูมแบบ Optical 3 เท่า / In-Sensor Zoom 10 เท่า / Digital Zoom 100 เท่า รองรับ Telephoto Macro และมีระบบกันสั่น OIS + กล้อง Ultrawide 50MP มุมกว้าง 119 องศา รองรับโหมด Macro
กล้องหลังทั้ง 3 ตัว รองรับระบบ Auto Focus ทั้งหมด ส่วนการถ่ายวิดีโอรองรับที่ความละเอียดสูงสุด 8K ด้านกล้องเซลฟี่มาในดีไซน์แบบเจาะรูความละเอียด 16MP ส่วนระบบเสียงให้ลำโพงคู่สเตอริโอแบบ 3D พร้อมมอเตอร์การสั่นแบบ Ultrawide 4 มิติ ติดตั้งมากับ Funtouch OS 14 (Android 14) เวอร์ชั่นล่าสุด พร้อมรองรับมาตรฐานทนละอองน้ำ และฝุ่น IP64
สเปค iQOO 12 5G รุ่นที่วางจำหน่ายในไทย
- จอภาพ : จอแบน AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว
– ความละเอียด 1.5K (1260 x 2800 พิกเซล)
– สว่างสูงสุด 3,000 nits
– อัตรารีเฟรช 144Hz
– รองรับ HDR - ชิป : Snapdragon 8 Gen 3
- RAM LPDDR5x : 16GB
- ROM UFS 4.0 : 512GB
- กล้อง 3 ตัวระบบ Auto Focus :
– กล้องหลัก VCS OV50H ขนาด 1/1.3 นิ้ว 50MP (f/1.68), ระบบกันสั่น OIS
– กล้องอัลตราไวด์ 50MP มุมกว้าง 119 องศา (f/2.0) รองรับโหมด Macro
– กล้อง Periscope 64MP (f/2.57), ระบบกันสั่น OIS, ซูมแบบ Optical 3 เท่า / In-Sensor Zoom 10 เท่า / Digital Zoom 100 เท่า - กล้องหน้า : 16MP (f/2.45)
- เสียง : ลำโพงคู่สเตอริโอ
- แบตเตอรี่ : 5,000 mAh
– รองรับชาร์จไว 120W - การเชื่อมต่อ : 5G / Wi-Fi 7 / Bluetooth 5.4 / NFC / Infrared remote control / USB Type-C 2.0
- เซนเซอร์ : สแกนนิ้วใต้จอ / Accelerometer / Ambient light / Proximity / Gyro / E-Compass
- ความทนทาน : IP64
- ระบบปฏิบัติการ : Funtouch OS 14 บนพื้นฐาน Android 14
- ขนาด / น้ำหนัก : 163.22 มม. x 75.88 มม. x 8.10 มม. / 203.7 กรัม
ราคา และการวางจำหน่าย
iQOO 12 5G วางจำหน่ายในประเทศไทยทั้งหมด 2 สีได้แก่ สีดำ Alpha Black และสีขาว Legend White โดยเข้ามาเฉพาะรุ่นความจุ 16GB + 512GB เท่านั้น ส่วนราคาเปิดมาที่ 27,990 บาทเท่านั้น
โดยตัวเครื่องจะเริ่มเปิดให้สั่งจองผ่าน Shopee ก่อนใครตั้งแต่วันที่ 6 – 21 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป พร้อมรับส่วนลด Early Bird 840 บาท และแถมฟรี E-VIP Card รับประกันตัวเครื่องเป็น 2 ปี พร้อมประกันจอแตก 1 ปี 1 ครั้งมูลค่า 9,999 บาท
หลังจากนั้นตัวเครื่องจะเริ่มเปิดให้สั่งจองผ่าน vivo Brand Shop, vivo Online Store และตัวแทนจำหน่าย ตั้งแต่วันที่ 22 – 24 ธันวาคม 2566 พร้อมวางจำหน่ายจริงในวันที่ 25 ธันวาคม 2566 และเมื่อซื้อก่อนวันที่ 28 มกราคม 2567 รับฟรี E-VIP Card รับประกันตัวเครื่องเป็น 2 ปี พร้อมประกันจอแตก 1 ปี 1 ครั้งมูลค่า 9,999 บาทด้วยเช่นกัน
ทำไมจะ 2024 แล้วเขาๆยังให้แค่ USB-C 2.0 มาอีกครับไม่เข้าใจจริงๆ