หลังอยู่บนมิตรคู่ใจผู้ใช้อุปกรณ์ Apple มากันกว่า 20 ปี iTunes for Windows เตรียมส่งสัญญาณไม่ได้ไปต่อ หลัง Apple ปล่อยแอปซอยฟีเจอร์ย่อย 3 แอปใช้ทดลองใช้งานกันแล้วบน Windows 11 ซึ่ง 3 แอปนี้คาดว่าจะมาแทนที่ iTunes แบบจริงจัง เหมือนฝั่ง Mac OS ที่ทำมาได้ 3 ปีกว่า ๆ แล้ว

หากใครเป็นผู้ใช้ Apple Devices ที่ต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์ผ่าน iTunes บน Windows ต่างทราบกันดีว่า ในยุคหลังนี้ จะใช้เรียกใช้ iTunes แต่ละทีนั้น ตัวแอปทำงานช้ามากจากฟีเจอร์ที่ถูกจับยัดเข้าในปีหลัง ๆ โดยล่าสุด Apple ก็ได้เตรียมแก้ไขปัญหาด้วยการซอยฟีเจอร์ต่าง ๆ ให้กลายเป็นแอปย่อย ตามหลัง Mac OS ที่ได้เริ่มนำร่องใช้กันตั้งแต่ปี 2019 บนเวอร์ชัน 10.15 Catalina

ซึ่งทาง Apple ก็ได้ปล่อย 3 แอปหลัก ๆ เวอร์ชัน Preview ให้ทดลองใช้งานบน Microsoft Store แล้ว ดังนี้

Apple Music for Windows 11

Apple Music iTunes Replacement

ดาวน์โหลด Apple Music for Windows 11

แอปฟังเพลงจาก Apple ที่สามารถเข้าถึงบริการฟังเพลงแบบสตรีมมิงรายเดือนอย่าง Apple Music ซึ่งการมาของแอปนี้ทำให้ Windows PC สามารถฟังเพลงคุณภาพเสียง Loseless Audio ได้แล้ว อีกทั้งยังสามารถเข้าถึง iTunes Store เพื่อซื้อเพลงผ่านแอปที่ว่านี้ได้ด้วย

Apple TV for Windows 11

Apple TV iTunes Replacement

ดาวน์โหลด Apple TV for Windows 11

รับชมหนังที่เช่า หรือซื้อไว้ผ่าน iTunes Store รวมถึงดูคอนเทนต์จาก Apple TV+ ได้ผ่านแอปนี้ อีกทั้งยังสามารถซื้อ / เช่า หนังใหม่ผ่าน iTunes ได้ทันทีบนแอป ซึ่งการมาของแอปนี้จะช่วยให้ผู้ใช้งาน Apple TV+ บน Windows PC ใช้งานได้อย่างสะดวก และดูได้เต็มความละเอียดมากขึ้น จากที่เมื่อก่อนต้องเข้าผ่านเว็บไซต์ tv.apple.com

Apple Devices for Windows 11

Apple Devices iTunes Replacement

ดาวน์โหลด Apple Devices for Windows 11

Apple Devices เป็นแอปที่ใช้สำรองข้อมูลต่าง ๆ หรืออัปเดต OS ของ iPad, iPhone และ iPod Touch รวมถึงซิงค์ข้อมูลรูปภาพ, วิดิโอ, หนัง หรือเพลงจาก Windows PC ไปยัง Apple Devices ของผู้ใช้งานได้ง่าย ๆ

ณ ตอนนี้ iTunes จะยังสามารถดาวน์โหลด และใช้งานได้ปกติ แต่ถ้าหากติดตั้ง 3 แอปใหม่ที่ว่านี้ ตัวแอปก็จะเข้าไปแทนที่ iTunes ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป ซึ่งถ้าอยากจะกลับไปใช้งาน iTunes ต้องทำการถอนการติดตั้งก่อน โดยในตอนนี้ยังมีอีก 2 แอปที่ยังขาดไปอย่าง Apple Podcasts และ Apple Books หากใครยังใช้ 2 ฟีเจอร์นี้อยู่เป็นประจำ จะยังคงต้องใช้ iTunes กันต่อไปจนกว่าทาง Apple จะปล่อยแอปทั้ง 2 อย่างนี้นั่นเอง

 

ที่มา: GSMArena