สำนักพิมพ์ชั้นนำของญี่ปุ่นหลายแห่ง นำโดย ชูเอชะ (Shueisha), โชงากูกัง (Shogakukan), คาดากาวะ (Kadokawa) และ Square Enix ร่วมลงทุน 780 ล้านเยน หรือประมาณ 180 ล้านบาท ใน Mantra สตาร์ปอัปพัฒนา AI แปลภาษาที่เน้นไปที่การแปลมังงะ ตั้งเป้าช่วยลดเวลาการแปลลงได้ 50% เบื้องต้นมีการทดลองใช้งานจริงแล้วในการแปลซีรีส์ One Piece และ Spy x Family จากภาษาญี่ปุ่นไปเป็นภาษาเวียดนาม
ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่างทำให้การแปลมังงะไม่ใช่งานที่ง่าย ยกตัวอย่างเช่น ‘ลักษณะการพูด’ ที่จะแตกต่างกันไปตามแต่ละตัวละคร หรือตามแต่สถานการณ์ บางครั้งอาจพูดสภาพ แต่บางครั้งอาจพูดอย่างเป็นกันเอง หรืออีกตัวอย่างที่เห็นได้บ่อยคือ ‘ภูมิหลังหรือความแตกต่างทางวัฒนธรรม’ ยิ่งต้องแปลออกไปเป็นหลายภาษา งานก็ยิ่งมีความซับซ้อนมากกว่าเดิม
เพื่อแก้ปัญหาข้างต้น Mantra จึงใช้เทคนิคการจดจำและจำแนกรูปภาพ (image recognition) ควบคู่ไปกับโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) เพื่อจับคู่คำพูดกับตัวละครแต่ละตัว ผลลัพธ์คือ Mantra มีอัตราการผิดพลาดในการแปลจากภาษาญี่ปุ่นเป็นอังกฤษต่ำเพียง 1.6%
การมาของ Mantra ไม่ใช่การมาแทนที่ หรือแย่งงานมนุษย์ หากแต่เป็นเครื่องมือช่วยการแปลในเบื้องต้นเพื่อประหยัดเวลา แล้วหลังจากนั้นการแปลจะถูกตรวจทานและปรับปรุงโดยคนจริง ๆ ต่ออีกทอด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าคุณภาพการแปลยังคงเดิม
ยิ่งไปกว่านั้น ทางชูเอชะยังตั้งความหวังเอาไว้ว่า Mantra จะเป็นเทคโนโลยีที่สามารถช่วยแก้ (หรือบรรเทา) ปัญหาด้าน ‘การละเมิดลิขสิทธิ์’ ที่กัดกินวงการมังงะญี่ปุ่นมานานหลายปีได้ กล่าวคือ เมื่อมังงะสามารถแปลได้ไวขึ้น หลากหลายภาษาขึ้น สำนักพิมพ์ก็สามารถส่งมังงะออกไปขายในต่างประเทศได้มากขึ้นตาม
ทั้งนี้ Mantra ก่อตั้งขึ้นในปี 2020 โดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโตเกียว ปัจจุบันมีทีมงานประมาณ 10 คน ตัวโมเดลรองรับการแปล 18 ภาษา รวมถึงอังกฤษ จีน และโปรตุเกส โดย Mantra ตั้งใจจะขยายทีมพัฒนาอีก 3 เท่า เป็น 35 คน ภายในปี 2025 เพื่อยกระดับความแม่นยำของการแปล พร้อมขยายบริการไปยังนวนิยาย ไลต์โนเวล เกม และวิดีโอเพิ่มเติมในอนาคต
ที่มา : Nikkei Asia
อนาคต การอ่านการ์ตูน ก้อจะเพลินยิ่ง ๆ ขึ้นไปสินะ