ก่อนหน้านี้เวลาที่เราขึ้นเครื่องบินเรามักจะได้รับการแจ้งว่า ‘ห้ามใช้งานอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคส์ใดๆบนเครื่องบิน’ โดยอย่างยิ่งในระหว่างที่เครื่อกำลังขึ้น-ลงใช่ไหมหละคะ แต่ตอนนี้ทางสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐฯหรือ FAA ได้พิจารณาและก็ตัดสินใจยอมให้ผู้โดยสารใช้งานอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคส์ต่างๆได้แบบไม่ต้องปิดเครื่องแล้วแม้ในขณะที่เครื่องบินขึ้น-ลง แต่ทั้งนี้การตัดสินใจให้ใช้ได้หรือไม่นั้นยังจะต้องเป็นไปภายใต้การพิจารณาของแต่ละสายการบินอีกทีค่ะ ซึ่งตอนนี้ 2 สายการบินของสหรัฐก็ยอมให้ผู้โดยสารใช้งานอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคส์บนเครื่องได้แล้วนั่นก็คือ JetBlue และ Delta นั่นเองค่ะ
ภาพผู้โดยสารของสายการบิน JetBlue เที่ยวบินแรกที่ได้เปิดให้ใช้งานอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคส์ได้
แต่ทั้งนี้ก็ยังมีข้อห้ามอยู่เล็กน้อยคือแม้จะไม่ต้องปิดเครื่องแต่ก็ห้ามโทรออกหรือรับสายขณะเครื่องบินขึ้น-ลง โดยจะให้ผู้โดยสารเปลี่ยนมาใช้ airplane mode เสียก่อนหรือจะเชื่อมต่อกับสัญญาณ Wi-Fi ของสายการบินแทนก็ได้ค่ะ .. แบบนี้ฟินเลย ว่าแต่เมื่อไหร่สายการบินบ้านเราจะมีนโยบายแบบนี้บ้างน้าาา
Source: thenextweb , abcnews
จำได้ว่าสายการบิน Delta ซื้อ Surface 2 กับ LUMIA 820 แจกพนักงานนะ >_<
"ก็ยังมีข้อยกห้ามอยู่เล็กน้อย" ตกลงจะมี "ข้อยกเว้น" หรือ "มีข้อห้าม" ดีครับ #แซว ^___^
555 ขอบคุณครับ 😀
ข่าวนี้ทำเอานึกถึงคลิปนี้ 555
[youtube]JYAq-7sOzXQ[/youtube]
จริงๆ ควรจะเข้า airplane modeไว้ตลอดนะครับ และช่วงเครื่องขึ้นลงสละเวลานั่งอยู่นิ่งๆซักพัก อย่าเพิ่งทำอะไรเลยจะดีกว่า มันเปนช่วงอันตรายมาก ควรใช้อุปกรณ์ตอนที่เครื่องขึ้นเสร็จแล้ว หรือกำลังบินรักษาระดับดีกว่า
ขอเหตุผล
+1 ขอทราบหลักฐานสนับสนุน
คลื่นมันรบกวนกันได้ครับ แล้วช่วงขึ้นหรือลง นักบินต้องทำการสื่อสารกับหอบังคับการตลอดครับ แค่คลื่นรบกวนนิดเดียว ท่านอาจจะได้วนอยู่บนท้องฟ้าอีกเป็นสิบหรือสามสิบนาทีหรือนานกว่านั้นก็เป็นได้ เพราะนักบินไม่สามารถสื่อสารเพื่อเอาเครื่องลงได้ แค่ช่วงเวลาไม่กี่นาที หยุดใช้ได้ก็หยุดใช้ครับ เรื่องแบบนี้ผู้โดยสารอาจจะมองว่าเล็กน้อย แต่สิ่งเล็กน้อยนิดเดียวก็ทำให้เกิดความผิดพลาดใหญ่หลวงได้ครับ ด้วยความหวังดีครับ
ถ้าผู้ก่อการร้ายแอบเปิดมือถือและโทรออกเวลาเครื่องขึ้นลงเครื่องก็มีโอกาสตกใช่มั้ยครับ
ทุกอย่างมีโอกาสหมดครับ เราไม่มีทางรู้หรอกว่า อะไรจะเกิดขึ้น แต่เชื่อผมสิ ผู้ก่อการร้ายมันคงไม่มาเปิดเครื่องนั่งลุ้นรอเครื่องตกหรอก มันมีวิธีที่ดีกว่่นั้นเยอะครับถ้าเค้าคิดจะก่อการร้ายจริงๆ
ก็เพราะประเด็นที่ไม่ทราบแน่ว่าอาจรบกวนหรือไม่นี่แหละ ที่เขาห้ามไว้ก่อน และห้ามมานานแล้ว…
แต่ถ้า FAA ยกเลิกข้อห้าม(ตามข่าวนี้นะ) ก็แสดงว่าเขาพิจารณาแล้วพิจารณาอีก ศึกษาทดลองกันมาอย่างรอบคอบแล้ว ว่ามันไม่มีผล ที่กลัวกันมาตลอดน่ะ เป็นกันกันไว้ เพราะไม่แน่ใจ
สรุปคือ FAA มันไม่ชุ่ยอยู่แล้ว (ถ้าเมืองไทยว่าไปอย่าง) ถ้าเขายอม ก็เชื่อว่าควรจะปลอดภัย ..
แต่ถ้าคิดว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ ก็ต้องบอกว่า ทุกไฟลท์ เกิดอุบัติเหตุตกได้ทั้งนั้น อย่าไปขึ้นเครื่องบินเลยดีกว่า
เขาบอกว่าสัญญาณโทรศัพท์มันจะไปรบกวนอุปกรณ์บนเครื่องครับ
คงเหตุผลเดียวกับ ห้ามใช้โทรศัพท์ในบางจุดของโรงพยาบาลมั้งครับ
เขาอาจจะเห็นว่า มันมีผลน้อยลง หรือว่ามีอุปกรณ์ที่ลดการรบกวนได้
หรืออุปกรณ์แบบใหม่ไม่ได้ถูกรบกวนแล้วก็ได้
เล่นได้แล้ว ก็ปิดเสียงด้วยจะดีมากเลย โดยเฉพาะเสียงเตือนพวก line ,โปรแกรมแชทต่างๆ
ปกติที่ทำๆกันมาก็แบบนี้อยู่แล้วรึเปล่า …
เปิด airplane mode ไว้ ตอนเครื่องขึ้นก็เก็บไว้ในกระเป๋าก่อน เดี๋ยวแอร์ด่า พอเครื่องขึ้นแล้วก็ยกมาถ่ายรูปเล่นเกมดูหนังฟังเพลงไปตามความอิริยาบถ พอกัปตันประกาศว่าเครื่องจะลงแล้ว ก็เก็บ เพราะเดี๋ยวแอร์จะเดินดูอีกรอบ…
อันตรายนะครับ ไม่งั้นจะยังให้ใช้ airplane mode ทำไมระหว่างขึ้นลง…..โดยส่วนตัวคิดว่าระหว่างการเดินทางบนความสูง 30000 ฟิต คงไม่อยากเสี่ยงกับทุกๆอย่าง
ผมตั้ง airplane mode ทันทีที่นั่งและรัดเข็มขัดเรียบร้อยแล้ว เพราะถ้าเกิดมีคนโทรเข้าตอนเครื่องขึ้น-ลง มีหวังโดนคนทั้งลำกระทืบ "นี่มึงจะพากุลงนรกหราาา" 5555
ผมปิดเครื่อง ตั้งใจฟัง มีสมาธิตอนเครื่องขึ้น-ลง เสียเวลา(เล่น?)เล็กน้อย เพื่อรักษาความปลอดภัยจากการขึ้น-ลง (ไม่เกี่ยวข้องกับสัญญาณรบกวนอะไรทั้งสิ้น)
อย่างมากก็ได้เต็มที่แค่ เล่นเกมส์ ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ ถ่ายรูปแหละครับ ค่าต่อ WiFi บนนั้น ราคาถูกซะทีไหน T__T
เคยมีพิธีกร IT คนนึง แชร์ภาพถ่ายจากบนเครื่องบินขณะอยู่บนท้องฟ้า
เพื่อโชว์ให้เห็นว่า มีสัญญาณ 3G