ช่วงนี้มีกระแสการฟอร์เวิร์ดข้อความส่งต่อกันมาอย่างรัวๆ เรื่องการเรียกเก็บค่าบริการของ LINE จนมีคำถามมากมายว่าผู้ใช้บริการอย่างเราเราจะต้องเสียเงินอีกแล้วหรือ ? แต่พอได้ลองกดเข้าไปดู http://at.line.me/th/plan ในลิ้งค์ดีดีก็จะเห็นว่า แท้จริงแล้วคือ LINE@ ต่างหากที่จะมีแพ็คเกจแบบเสียค่าบริการ (ไลน์แอด คือ บัญชีอย่างเป็นทางการ เช่น สำหรับร้านค้า ดาราแฟนคลับ เป็นต้น) แต่ตอนนี้ก็ยังคงใช้กันได้ฟรีๆแบบไม่จำกัดจำนวนข้อความในการส่งได้จนถึง 31 มีนาคม 2559 นะจ๊ะ
แต่ไหนแต่ไรมา LINE ได้ให้ผู้ใช้บัญชี LINE ในประเทศสมัคร LINE@ ได้ฟรีอยู่แล้ว และสามารถส่งข้อความได้ไม่จำกัดจำนวน แต่หลังจากวันที่ 31 มีนาคม 2559 นี้ผู้ใช้บริการจะส่งข้อความได้ตามจำนวนของแต่ละแพ็คเกจที่ LINE@ ได้ตั้งไว้ คือ
1.แบบไม่เสียค่าบริการ แต่มีเงื่อนไขว่า ในเดือนนึงจะส่งได้สูงสุด 1,000 ข้อความเท่านั้น ถ้าเกินจากนั้นจะเข้าข่ายในกรณีแพ็คเกจที่ 2
2.แบบเสียค่าบริการ (Paid Plan) โดยสนนราคาที่ 24.99 เหรียญสรัฐ หรือประมาณ 799 บาท โดยจะสามารถส่งข้อความได้สูงสุดที่ 50,000 ข้อความ ถ้าเกินจากนั้นจะเก็บเพิ่มข้อความละ 0.006 เหรียญสรัฐ หรือประมาณ 0.20 บาท ราคานั้นขึ้นอยู่กับอัตรแลกเปลี่ยนของวันที่เสียค่าบริการอีกทีค่ะ
เงื่อนไข
แพ็กเกจจ่ายเงิน (Paid Plan) จะถูกเรียกเก็บค่าบริการทุกเดือนจนกว่าจะเปลี่ยนแพ็กเกจหรือยกเลิก
หากมีการเปิดใช้บริการระหว่างเดือน จะเรียกเก็บค่าบริการเดือนที่เปลี่ยนแพ็กเกจเป็นจำนวนเงิน 24.99 USD (ประมาณ 799 บาท) เต็มจำนวนโดยไม่คำนวณค่าบริการตามจำนวนวัน
นับแต่วันที่สมัครแพ็กเกจจ่ายเงิน (Paid Plan) จนถึงสิ้นเดือน จะส่งข้อความได้ไม่เกิน 50,000 ข้อความ แต่ถ้าเดือนนั้นมีการส่งข้อความไปแล้วก่อนเปลี่ยนแพ็กเกจ ให้นำจำนวนข้อความที่ส่งแล้วหักลบจาก 50,000 ข้อความ จะได้จำนวนข้อความที่สามารถส่งได้ในเดือนนั้น
เช่น ก่อนเปลี่ยนแพ็กเกจ ส่งไปแล้ว 2,000 ข้อความ พอสมัครแพ็กเกจจ่ายเงิน (Paid Plan) จะส่งได้อีก 48,000 ข้อความ
สำหรับคนที่สงสัยว่า LINE ทั่วไป vs LINE@ แตกต่างกันอย่างไร ขอสรุปมาให้แบบคร่าวๆดังนี้นะคะ
LINE | LINE@ | |||
ฟรี | แพ็กเกจฟรี | แพกเกจแบบเสียค่าบริการ | ||
ค่าบริการ | ค่าบริการรายเดือน | ไม่มีค่าใช้จ่าย | ไม่มีค่าใช้จ่าย | 24.99 USD (ประมาณ 799 บาท) |
จำนวนข้อความ Broadcast ที่ส่งได้ต่อเดือน (1 บอลลูนข้อความ = 1 ข้อความ) | จำนวนข้อความที่สามารถส่งได้ต่อเดือน | × | เดือนละไม่เกิน 1,000 ข้อความ | เดือนละไม่เกิน 50,000 ข้อความ |
ค่าบริการส่งข้อความตามจำนวนส่ง | × | – | ถ้าส่งมากกว่า 50,000 ข้อความ เสียค่าบริการข้อความละ 0.006 USD (ประมาณ 0.20 บาท) | |
ฟีเจอร์ | ข้อความ (Push Message) | ○ | ○ | ○ |
คูปอง และโปรโมชั่น (Coupon and Promotion) | × | ○ | ○ | |
ข้อความแบบริชเมสเสจ (Rich Message) | × | × | ○ | |
Chat แบบ 1 ต่อ 1 | ○ | ○ | ○ | |
หน้าบัญชี (Account Page) | ○ | ○ | ○ | |
หน้าแบบสอบถาม (Polls & Surveys) | × | ○ | ○ | |
ข้อมูลทางสถิติ (Statistic) | × | ○ | ○ |
ที่มา : at.line
คนทั่วไปโล่งกันไป
เออ Line เค้าก็เข้าใจหาลู่ทางเนอะ ดีๆ
แต่พวกร้านค้า ก็เหมือนจะคิดลู่ทางนี้ได้ก่อนไลน์นะครับ อิอิ
เตรียมสมัคร WeChat BeeTalk WhatApp ไว้เพิ่มเวลา Line เต็ม แล้วต้องชวนเพื่อนไปสมัครด้วย สักพักก็อาจไม่ได้กลับมาหา Line อีกเลย
เขาจำกัดแค่แบบ Broadcast ครับ
แบบ Chat 1:1 ที่เราใช้งานกันปกติ ไม่ได้จำกัดครับ
ครับเพิ่งรู้จัก Line@
เหตุการณ์มันช่างคุ้นเคยนัก
แชร์ด่วน!! Facebook กำลังจะเก็บค่าบริการ
Hotmail จะเก็บค่าบริการ
MSN จะเก็บค่าบริการ
line นี่ คิดเงินทุกอย่าง cookie run , ranger
ขนาดตัวหลัก ก็เริ่มละ แบบนี้คงอยู่ได้ไม่นาน ซะแล้ว
ลองคิดกลับกันครับ ทำไมถึงเค้าคิดค่าใช้จ่ายโหด ?
1. ค่า b/w inter [น่าจะ sg]
2. ค่าพนักงาน
3. ค่าดูแลระบบ (หมายถึงค่าดูแล hardware)
4. ค่ากำไร
5. ค่าพัฒนาแอพ
หลักๆ เลย การส่ง ข้อความนั้น (กินทรัพยากรน้อยก็จริง) แต่กิน HDD,SSD มาก เพราะใช้ write / read มาก
ผมว่าเค้าทำแบบนี่กำไรก็ได้เยอะนะครับ แต่ถ้าเรามาทำเอง และ ไม่มีแบรน (พัง) มากกว่ารวย
ปล. line ฉลาด line รวย line ต่อยอด
ร้านทีใช้ @ มีเพื่อนได้เยอะกว่าปะ อย่างไร
friend limit ของ Line อยู่ที่ 3,000
ของ Line@ ไม่รู้จำกัดไหม แต่คิดว่าคงจะมีได้มากกว่าเยอะเลยแหละ