เทคโนโลยีที่ใช้ในการยืนยันตัวตนนั้นมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการใช้ Password , PIN codes, การสแกนลายนิ้วมือ รวมถึงการใช้รหัสผ่านแบบใช้งานครั้งเดียวหรือ OTP ไม่นานมานี้ Ajay Bhalla หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ด้านการรักษาความปลอดภัยของ MasterCard แอบเผยว่า อีกไม่นานจะเริ่มมีใช้การยืนยันตัวตนในการทำธุรกรรมการเงินทางออนไลน์ผ่านการถ่ายรูป Selfie โดยจะร่วมกับผู้ผลิตมือถือรายใหญ่ อย่างเช่น Apple, Samsung, Microsoft และ Blackberry
วิธีการใช้งานก็เพียงแค่ทำการดาวโหลด MasterCard Phone App ลงในสมาร์ทโฟนที่รองรับ เมื่อต้องการทำธุรกรรมการเงินผ่านทางออนไลน์ App จะมี pop-up แจ้งเตือนขึ้นมาถามหาการยืนยันตัวตนก่อน ซึ่งจะมีให้เลือกระหว่างการสแกนลายนิ้วมือ และการยืนยันตัวตนผ่านการจดจำใบหน้าของผู้ใช้งาน หลังจากนั้นก็จะแจ้งเตือนให้ยกมือถือในระดับสายตา และกระพริบตา 1 ครั้ง เป็นอันสิ้นสุดขั้นตอนการยืนตัวตน
ทำไมต้องกระพริบตา ?
ที่ต้องกระพริบตานั้นเพื่อป้องกันไม่ให้แฮ๊คเกอร์เอารูปภาพของผู้ใช้งานมาใช้ในการถ่ายภาพ Selfie เพื่อยืนยันตัวตนแทนเจ้าของบัญชีนั่นเอง ทั้งนี้ผู้ใช้งานหลายคนอาจจะยังกังวลว่าจะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเรื่องรูปภาพและข้อมูลส่วนตัวของผู้ใข้งานหรือเปล่า หากทาง MasterCard มีการเก็บข้อมูลเอาไว้ ทาง MasterCard จึงได้เพิ่มเติมว่าจะไม่มีการเก็บภาพรวมทั้งผลการสแกนภาพหน้าของผู้ใช้งานที่เซิร์ฟเวอร์ของบริษัท แต่จะเก็บไว้บนตัวเครื่องของผู้ใช้งานแทน
แล้วจะใช้ได้จริงไหม ใช้ได้เมื่อไหร่ ?
ตอนนี้เทคโนโลยีการยืนยันตัวตนผ่านการ Selfie นี้ยังคงอยู่ในระหว่างการทดสอบ ทาง MasterCard ยังได้ทิ้งท้ายว่าอาจจะมีเทคโนโลยีในรูปแบบอื่นๆ ตามมาอีก อย่างเช่น การจดจำเสียงของผู้ใช้งาน การจดจำเสียงการเต้นของหัวใจ เพื่อนำไปใช้ในการยืนยันตัวเพื่อทำธุรกรรมการงินผ่านทางออนไลน์ ดังนั้นคงต้องรอดูกันต่อไปว่าเราจะได้ใช้งานเจ้าเทคโนโลยีนี้เมื่อไหร่ และมีอะไรแปลกๆ ใหม่ออกมาให้ใช้กันอีกบ้าง
แต่ไม่ว่าจะมีการยืนยันตัวตนแบบใหม่ๆ ออกมาเท่าไหร่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัยในการทำธุรกรรมออนไลน์และความเชื่อมั่นของผู้ใช้งานมากกว่าอยู่ดี
Source : gadgets.ndtv
แล้วเอาภาพมาทำ อนิเมชั่นให้กระพริบตา จะสามารถแฮกได้ปะนี่
ถ้าอัดวิดิโอหรือตัดต่อจากรูปให้มันกระพริบตาไว้ละ?
ถ้า Makeup จัดหน้าตาจัดทรงผมให้คล้ายคลึงกันละ?
คนหน้าคล้ายกันหรือแฝดละ?
ถ้าผู้ใช้เกิดแต่งหน้าจัดหรือเปลี่ยนทรงผมละ?
ผมคิดว่าไปลงทุนแสกนม่านตายังโอเคกว่าเลย
คนที่เปนห่วงข้อนู้นข้อนี้
บริษัทใหญ่ขนาดนั้นมี R&D ถ้ามันช่องโหว่เยอะคงไม่ปล่อยมา
ไม่ใช่ตาสีตาสามานั่งเขียนโปรแกรม