Meizu ได้ทำการเปิดตัว Meizu MX6 อย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้ โดยต้นกำเนิดของสมาร์ทโฟนตระกูลแรกของแบรนด์ก็คือ MX และหลังจากผ่านมาถึง 5 รุ่นก็ได้ตัดสินใจยกเครื่องตระกูล MX ใหม่ให้ดูทันสมัยและโฟกัสไปที่สิ่งที่ตอบโจทย์ตลาด โดย Meizu MX6 นั้นยึดเอา 3 ประเด็นหลักที่คนมองหาในสมาร์ทโฟนนั่นก็คือ บอดี้โลหะ ระบบชาร์จแบตเร็ว และกล้องถ่ายภาพ
ประวัติศาสตร์สมาร์ทโฟนของ Meizu นั้นเริ่มจาก MX รุ่นแรก และก็ผ่านมาแล้วถึง 5 รุ่นด้วยกัน ทาง Meizu เห็นว่าควรได้เวลาเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างให้กับตระกูล MX สักที
โดย Meizu MX6 นั้นได้ทำการยกเครื่องใหม่หมด โดยพุ่งเป้าไปที่ 3 สิ่งที่คนมองหาในสมาร์ทโฟน นั่นก็คือวัสดุที่แข็งแรงหรูหรา แบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จเต็มได้ภายในเวลาไม่นานเพื่อชีวิตที่ไม่หยุดนิ่ง และกล้องที่พร้อมใช้งานไม่ว่าโอกาสไหนๆ
ตัวเครื่องของ Meizu MX6 นั้นเป็นโลหะทั้งชิ้น ผิวเนียนด้วยเทคโนโลยี 3D nano molded คาดผ่านด้วยเส้นเสาสัญญาณบางๆ ภายในออกแบบโครงสร้างมาให้ทนทาน และใช้กราไฟต์ในการระบายความร้อนภายใน
หน้าจอ 5.5 นิ้วก็มีการยกระดับจอ LCD ขึ้นมาอีกขึ้นหนึ่ง ด้วยความร่วมมือกับชาร์ปที่พัฒนาระบบสัมผัส TDDI ที่แม่นยำมากขึ้น ผนววกกับ Full Incell Technology ทำให้ได้จอ LCD พร้อมระบบสัมผัสที่บางที่สุด ผนวกกับกระจก 2.5D Glass เพิ่มความสวยงามและลงตัวเวลาถือและใช้งาน
โดยหน้าจอนั้นสามารถแสดงสี NTSC Color Gamut ได้ 85% มีความสว่างสูงถึง 500 cd/m2 และ Contrast ratio ที่ 1500:1
ตัวเครื่อง Meizu MX6 รองรับ 4G ทุกเครือข่ายในจีน สามารถใช้งานได้ 2 ซิม ซึ่งตอนนี้ยังไม่ยืนยันว่าป็น Full NetCom 3.0 หรือไม่ คงต้องรอทดสอบเครื่องกันอีกที
นอกจากเรื่องของ 4G แล้ว ยังมี Envelope Technology ที่ช่วยประหยัดพลังงานเวลาใช้เครือข่าย 4G ถึง 20% รองรับ CAT 6 ความเร็วดาวน์โหลดสุงสุด 300Mbps
Meizu MX6 ใช้ชิป 10-core Mediatek Helio X20, RAM 4GB, ROM 32GB, แบตเตอรี่ความจุ 3060 mAh
มาถึงเรืองของกล้องที่ทาง Meizu ตั้งใจพัฒนาขึ้นมากันบ้าง โดยทาง Meizu เห็นกล้อง iPhone 6s ที่มีการร่วมมือกับ Sony พัฒนาเซนเซอร์ขึ้นมาเป็นพิเศษ แต่เนื่องจากเป็นของ iPhone 6s แม้ Sony จะเป็นคนผลิตก็ไม่สามารถขอซื้อมาใช้งานได้
แล้วยังมี Huawei ที่จับมือกับ Sony ผลิตเซนเซอร์ IMX286 ที่มีพิกเซลขนาด 1.25um
Meizu เองก็มีความสัมพันธ์อันดีกับ Sony เช่นกัน เลยได้เลือกพัฒนาเซนเซอร์ขึ้นมาใหม่
นั่นคือ IMX386 ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, ขนาดพิกเซล 1.25um, PDAF ที่จับโฟกัสได้แม่นยำขึ้น, ชุดเลนส์ 6 ชิ้นที่พัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษ
ภาพถ่ายจาก Meizu MX6 จึงดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนอย่าง MX5 อย่างเห็นได้ชัด ทั้งในเรื่องความสว่างและไดนามิคสี
ลองมาดูตัวอย่างอีกสักภาพ แบบที่ไม่ต้องบอกว่าภาพไหนสวยกว่ากัน เพราะเห็นชัดๆ อยู่แล้วว่าภาพทางขวาที่ถ่ายโดย MX6 นั้นสว่างและสดกว่า
และฟีเจอร์อย่างที่สามที่ Meizu ต้องการโฟกัสเป็นพิเศษคือระบบการชาร์จแบต โดย mCharge 3.0 นั้นได้มีการเปลี่ยนระบบการชาร์จใหม่ ใช้หม้อแปลง 12V 2A ทำให้สามารถชาร์จแบตได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
ภายใน 10 นาทีแรกสามารถชาร์จได้ถึง 25% และในเวลาครึ่งชั่วโมงก็สามารถชาร์จได้ 65% ใช้เวลาในการชาร์จจากแบตหมดจนเต็มแค่ 75 นาทีเท่านั้น
ปิดท้ายด้วยของเล่นใหม่ที่ค่ายอื่นมีมาสักพักแล้วแต่ทาง Meizu เพิ่งจะเริ่มทำ นั่นก็คือ Loop Coverf ฝาฟลิบที่มีช่องหน้าจอนั่นเอง
ดูไปดูมาแล้วก็คล้ายๆ กับของ LG และของ Asus นั่นแหละครับ ปรับเปลี่ยนนาฬิกาได้หลายแบบ ใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ได้ทั้งกล้อง โทรเข้าออก ควบคุมเพลง
โดยราคาของ Loop Jacket นั้นจะขายที่ 99 หยวน หรือราวๆ 500 บาท (ในภาพคือราคาจอง)
ส่วน Meizu MX6 นั้นเปิดราคามาที 1999 หยวน หรือราวๆ 10,000 บาท โดยจะได้ RAM 4GB และ ROM 32GB
หลังจากเปิดตัวสามารถเข้าไปลงชื่อแสดงความสนใจได้ทันที โดย Meizu MX6 นั้นจะวางขายหน้าร้านอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 กรกฎาคมนี้
แล้วก็มาถึงช่วงทดลองจับสินค้า อิอิ แต่งานนี้คนเยอะมาก เลยได้จับไม่นานเท่าไหร่
ซึ่งก็สามารถเลือกได้ว่าจะไปลองเล่นสีเงินหรือสีทองครับ แต่จริงๆ แล้ว Meizu MX6 นั้นทำออกมาด้วยกัน 4 สี โดยอีกสองสีคือเทา และโรสโกลด์
ขนาดตัวเครื่องของ Meizu MX6 นั้นถือว่ากำลังพอดีมือ คือตอนนี้เหมือนจะคุ้นกับสมาร์ทโฟนหน้าจอราวๆ 5.2 นิ้ว – 5.5 นิ้ว ไปแล้ว แต่วัสดุและงานประกอบนี่ขอบอกว่าดีจริง
ด้านหลังนี่เป็นโลหะทั้งแผ่นแบบ uni-body มีเส้นเสาอากาศพาดผ่านทั้งบนและล่าง
กล้องความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ส่วน LED แฟลชนั้นเป็นแบบ 2 สี ไม่ได้เป็นวงเหมือน Pro 6
อย่างเดียวที่ขอติเลยก็คือช่อง USB Type C ที่ลูบนิ้วผ่านแล้วยังคมอยู่ คือคมมาตั้งแต่ Pro 5 แล้ว น่าจะขัดลบเหลี่ยมให้หน่อยนึง
หน้าตาของ Loop Jacket ครับ ผิวสัมผัสมันนุ่มๆ เหมือนหนังจริงๆ เลย ไมไ่ด้แข็งๆ เหมือน faux leather แต่ก็ยังฟันธงไม่ได้ว่าเป็นหนังจริงรึเปล่า (เดียวขอไปถามทีมงาน Meizu ก่อนแล้วจะมาบอก)
ลองเปลี่ยนนาฬิกาดูก็เหมือนมีให้หลายแบบดี และน่าจะโหลดเพิ่มได้จาก theme store
ดูจากในภาพอาจจะเหมือนแข็ง แต่ผิวจริงๆ นุ่มนะครับ
สรุปสเปค Meizu MX6 อย่างเป็นทางการปิดท้ายละกันนะครับ
- FlyMe OS 5.2.2 (Android Marhsmallow)
- หน้าจอ 2.5D Glasss ขนาด 5.5 นิ้ว LCD Full Incell Display ความละเอียด Full HD
- CPU Mediatek Helio X20 10-core
- RAM 4GB
- ROM 32GB เพิ่มหน่วยความจำด้วย microSD (hybrid ช่องซิม 2) (เพิ่มเมมไม่ได้)
- กล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, IMX386, 1.25um, f/2.0, PDAF, LED แฟลช 2 สี
- กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล f/2.0
- แบตเตอรี่ 3050 mAh รองรับ mCharge 3.0
- มีเซนเซอร์สแกนลายนิ่วมือ
- สีที่วางจำหน่าย เทา, เงิน, ทอง และทองกุหลาบ
- ราคาเปิดตัวในจีน 1999 หยวน
หนักไม๊ครับคุณพัต
Pro6 คนซื้อใช้บางคนบอกตัวเครื่องหนักจนใช้ไม่ถนัด
อยากได้เลยอะครับ 555
ราคาที่โน่นไม่แพงนะ
สวยแหะ
รอดูดีไซน์ไอโฟน 7 จะก็อป Meizu มารึเปล่า 55
ถ้าตัวที่หลุดมานั่นก็ 100% อ่ะ แต่ลายคาดหลังแบบนี้ผมว่าก็สวยไปอีกแบบอ่ะ ไม่ซ้ำซากดี
กล้องมีOISเหมือนชาวบ้านเค้ารึยัง
กล้องหน้าคงโมดูลเดิม สงสัยจะไม่กลับไปใช้แน่ๆ
Meizu น่าจะออก MX6 ก่อนแล้วค่อยออก Pro6 ตามมาทีหลัง (ชื่อจะได้ดูเป็นลำดับ)
หวังว่าราคา Pro5 คงลดลงมาอีกนะจะได้เอื้อมถึงแบบไม่ลำบากกระเป๋า
ทำไมหลังๆ ทำกล้องกันห่วยลงๆ พิกเซลน้อยลงๆ
แม้รุ่นจะเลขนำขึ้นจากโซนี่ ขนาดพิกเซลจะใหญ่ขึ้นก็เหอะ
เมื่อไหร่จะทำได้พัฒนากว่าของเดิมๆที่มีอยู่
เอ่อ ห่วยลงยังไงอ่ะ เห็นมีแต่พัฒนาขึ้นทุกปี เคยเอา กล้อง 20 ล้านโซนี่ รุ่นก่อนๆปีสองปีก่อน ถ่ายมาซูมดูรายละเอียดเทียบ 12 ล้านตอนนี้ดูยังอ่ะ
คือ .. ผมยังถือ โนเกีย 808 pureview อยู่เลยครับ
อยากได้มือถือที่กล้องมันทำได้ดีกว่าตัวซิมเบี้ยนตัวนี้ ยังไม่มีตัวไหนเทียบเลย
ปล.ผมถืออีกเครื่องคือ LG G4 เพราะซอฟต์แวร์มันทำได้ดีเวลา HDR หรือที่สว่างน้อยๆ
แต่มือถือที่ออกมาใหม่ๆตอนนี้ ไม่ค่อยมีกล้องตัวไหนว้าว จนเห็นได้ชัดมั่งเลย
หลังๆมานี่ Meizu ดูไม่ค่อยสนใจเรื่อง chip เสียงเลย อย่าง Pro 6 ก็ดูด้อยกว่า Pro 5 แต่หน้าตาดีกว่า
ผมคงอยู่กับ Pro 5 ต่อไป
ว่าแต่ Meizu Gravity วางขายหรือยังครับ ใครทราบบ้าง
เลเซอโฟกัสหาย
สงสัยเรื่องความไวโฟกัส