Microsoft เปิดตัว Agent Workspace บน Windows 11 ฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ AI ทำงานแทนผู้ใช้บนพื้นที่เดสก์ท็อปแยกของตัวเอง พร้อมสิทธิ์เข้าถึงไฟล์ส่วนตัวในเครื่อง ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของการผลักดัน Windows ให้กลายเป็นระบบปฏิบัติการยุคใหม่ที่มี AI ทำงานแบบอัตโนมัติและเชื่อมกับระบบได้ลึกกว่าเดิม แม้ผู้ใช้จำนวนมากจะยังไม่มั่นใจและไม่ค่อยอยากได้ แต่ไมโครซอฟท์ก็เดินหน้าเต็มที่ว่านี่คืออนาคตของ Windows อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
Agent Workspace จะสร้างเซสชัน Windows แยกขึ้นมาสำหรับ AI โดยเฉพาะ โดยมีเดสก์ท็อป บัญชีผู้ใช้ สิทธิ์ และพื้นที่จัดเก็บเป็นของตัวเอง ทำให้ AI สามารถเปิดแอป อ่านไฟล์ ค้นข้อมูล หรือจัดการงานต่างๆ แทนผู้ใช้ได้ราวกับเป็นมนุษย์อีกคนที่ใช้งานเครื่องอยู่ข้าง ๆ แนวคิดนี้ต่างจาก Windows Sandbox ตรงที่ Sandbox เน้นความปลอดภัย ขณะที่ Agent Workspace เน้นให้ AI ลงมือทำงานจริงบนเครื่องโดยตรง

ตัวอย่างแบบเข้าใจง่ายว่า Agent Workspace สามารถทำอะไรได้บ้างเมื่อ AI มีเดสก์ท็อปและสิทธิ์เข้าถึงไฟล์ของตัวเองบน Windows 11
- จัดระเบียบโฟลเดอร์อัตโนมัติ เช่น ย้ายไฟล์ โหลดรูป รวมเอกสาร หรือจัดเรียงไฟล์ตามประเภทและวันที่
- เปิดแอปและใช้งานแทนผู้ใช้ เช่น เปิด Word แก้ไขเอกสาร เปิด Photos เพื่อคัดเลือกรูป หรือเปิด File Explorer เพื่อจัดไฟล์
- อ่านไฟล์บนเครื่อง เช่น เอกสาร PDF รูปภาพ ไฟล์ข้อความ หรือไฟล์งาน เพื่อสรุป จัดหมวดหมู่ หรือค้นหาข้อมูลให้
- ค้นหาไฟล์ด้วยคำสั่งธรรมชาติ เช่น บอกว่า หารูปที่ถ่ายทะเลเมื่อปีที่แล้ว หรือ หาไฟล์งานที่มีคำว่า ประชุม ในหน้าแรก
- จัดการรูปภาพให้แบบอัตโนมัติ เช่น คัดรูปเบลอออก ปรับหมวดหมู่ หรือสร้างอัลบั้มใหม่
- แปลงไฟล์ เช่น แปลงไฟล์รูปเป็น PNG แปลงเอกสารเป็น PDF หรือบีบอัดไฟล์
- ทำงานพื้นหลังต่อเนื่อง เช่น ตรวจโฟลเดอร์ Downloads แล้วจัดระเบียบให้ทุกวันโดยไม่ต้องสั่งบ่อย
- ตั้งค่า Windows บางอย่างให้ได้ เช่น เปิดปิด Bluetooth ปรับความสว่าง จัดการ Wi-Fi ผ่าน Settings connector
- ช่วยสรุป ปรับแต่ง หรือดึงข้อมูลจากไฟล์ เช่น สรุปข้อความใน PDF, จดโน้ตจากไฟล์ Word หรืออ่านข้อมูลใน Excel
- ทำงานร่วมกับเว็บและแอปต่างๆ โดยคลิก เปิดพิมพ์เหมือนผู้ใช้จริง ผ่านเดสก์ท็อปแยกของตัวเอง

สิ่งที่ทำให้เกิดการถกเถียงคือฟีเจอร์นี้ต้องการสิทธิ์เข้าถึงโฟลเดอร์ส่วนตัว เช่น Desktop Documents Downloads Pictures และ Videos เพื่อให้จัดการไฟล์หรืออ่านข้อมูลได้ตามคำสั่งผู้ใช้ แม้ไมโครซอฟท์จะบอกว่ามีระบบจำกัดสิทธิ์และมี log ให้ตรวจสอบ แต่ความเป็นไปได้ที่ AI หรือมัลแวร์จะใช้ช่องโหว่เข้าถึงไฟล์สำคัญก็ยังเป็นประเด็นที่หลายฝ่ายกังวล
ไมโครซอฟท์ยังเตือนว่าการเปิดใช้ Agent Workspace อาจทำให้ประสิทธิภาพเครื่องลดลง เพราะ AI จะรันตลอดเวลาในพื้นหลัง แม้จะจำกัดปริมาณ RAM และ CPU แต่ยังไม่มีตัวเลขชัดเจน ผู้ใช้โน้ตบุ๊ก RAM 8GB หรือใครที่เปิดหลายโปรแกรมพร้อมกันอาจเห็นผลกระทบได้ง่ายกว่า

ฟีเจอร์นี้ยังทำงานร่วมกับ Copilot ผ่านความสามารถใหม่อย่าง Copilot Actions ที่ให้ AI ช่วยจัดระเบียบโฟลเดอร์ ค้นหาไฟล์ จัดการรูปภาพ หรือแปลงเอกสารได้โดยไม่ต้องลงมือเอง เพียงเปิดใช้งานจาก Settings ในหมวด AI components และอัปเดต Copilot เป็นเวอร์ชันล่าสุดก็สามารถทดลองได้ทันทีใน Windows Insider
ถึงแม้จะมีเสียงคัดค้าน แต่ไมโครซอฟท์ก็ยังยืนยันว่าการพา Windows ไปสู่ยุค AI-native OS เป็นสิ่งที่จำเป็น และ Agent Workspace คือหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ ผู้ใช้ที่อยากลองของใหม่สามารถเปิดใช้งานได้ ส่วนใครที่กังวลเรื่องความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพ อาจรอดูพัฒนาการให้เสถียรกว่านี้ก่อนก็ได้
ที่มา : Microsoft, neowin, windowslatest

Comment