Microsoft ได้สิ้นสุดการสนับสนุนหลักสำหรับ SQL Server 2019 อย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานมานี้ พร้อมกับการปลดระวาง SQL Server Big Data Clusters ซึ่งเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ถูกเลิกพัฒนาไปพร้อมกัน การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ขณะนี้เหลือเพียง SQL Server 2022 ที่ยังได้รับการสนับสนุนหลัก ซึ่งมีกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 11 มกราคม 2028 ส่วนเวอร์ชันถัดไป SQL Server 2025 กำลังอยู่ในช่วงทดสอบและมีแผนจะนำเทคโนโลยี AI มาช่วยเสริมประสิทธิภาพด้านการจัดการข้อมูล

สำหรับ SQL Server 2019 Big Data Clusters นั้น การประกาศยุติการสนับสนุนมีมาตั้งแต่ 25 กุมภาพันธ์ 2022 โดย Microsoft อธิบายว่าการตัดสินใจนี้สอดคล้องกับแนวโน้มของผู้ใช้ ที่ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ข้อมูลบนคลาวด์มากขึ้น เนื่องจากสะดวกต่อการบริหารจัดการ รองรับการขยายตัวของระบบได้ง่าย และเหมาะสมกับทักษะของผู้ใช้งานในปัจจุบัน

แม้ว่าจะสิ้นสุดการสนับสนุนหลักไปแล้ว แต่ SQL Server 2019 จะยังคงได้รับ การสนับสนุนระยะยาว (Extended Support) จนถึงวันที่ 8 มกราคม 2030 อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาดังกล่าวจะมีเพียงการอัปเดตด้านความปลอดภัยเท่านั้น โดยจะไม่มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่หรือแก้ไขข้อผิดพลาดทั่วไป ซึ่งอาจทำให้ผู้ดูแลระบบต้องเตรียมรับมือกับปัญหาที่ไม่ได้รับการแก้ไขจาก Microsoft

ตั้งแต่ SQL Server 2017 เป็นต้นมา Microsoft ได้เลิกใช้ระบบ Service Pack และเปลี่ยนไปใช้ Cumulative Updates (CUs) แทน โดยในปีแรกหลังเปิดตัวจะมีการอัปเดตรายเดือน และหลังจากนั้นจะลดลงเป็นทุกสองเดือนจนกว่าการสนับสนุนหลักจะสิ้นสุด เมื่อล่วงเลยไปถึงช่วงการสนับสนุนระยะยาว จะมีเพียงการอัปเดตด้านความปลอดภัยและการแก้ไขปัญหาเฉพาะกรณีเท่านั้น สำหรับ SQL Server 2019 อัปเดตล่าสุดคือ CU32 ซึ่งถูกปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2024 ก่อนสิ้นสุดการสนับสนุนหลักเพียงหนึ่งวัน

ข้อมูลจาก Lansweeper ซึ่งทำการสำรวจการติดตั้ง SQL Server มากกว่า 1.1 ล้านเครื่อง ในปี 2024 พบว่า SQL Server 2019 เป็นเวอร์ชันที่ถูกใช้งานมากที่สุด โดยมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 44% ทิ้งห่าง SQL Server 2017 ซึ่งมีอัตราการใช้งานอยู่ที่ 13.51% อย่างชัดเจน ขณะที่ SQL Server 2022 ซึ่งเป็นเวอร์ชันใหม่ล่าสุด กลับมีการติดตั้งเพียง 0.34% ซึ่งยังน้อยกว่ารุ่นเก่าอย่าง SQL Server 2008 R2 (0.45%) และ SQL Server 2005 (2.42%)

การสิ้นสุดการสนับสนุนหลักหมายความว่า SQL Server 2019 จะไม่ได้รับการอัปเดตฟีเจอร์ใหม่อีกต่อไป แต่ยังคงมีแพตช์ด้านความปลอดภัยเพื่อแก้ไขช่องโหว่ต่าง ๆ ดังนั้นหากองค์กรต้องการใช้งานฟีเจอร์ใหม่ อาจจำเป็นต้องอัปเกรดไปยังเวอร์ชันที่ใหม่กว่า แต่ถ้าหากการใช้งานหลักของระบบเป็นเพียงการจัดการฐานข้อมูลพื้นฐาน ก็ยังสามารถใช้ SQL Server 2019 ต่อไปได้จนถึงปี 2030

นอกจากนี้การสิ้นสุดการสนับสนุนของ SQL Server 2019 ยังสะท้อนแนวทางเดียวกับ Exchange Server 2016 และ 2019 ซึ่งจะหยุดรับการสนับสนุนในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 อย่างไรก็ตาม กรณีของ Exchange Server นั้นแตกต่างออกไป เนื่องจากจะไม่มีอัปเดตความปลอดภัยอีกเลยหลังจากวันดังกล่าว ขณะที่ SQL Server 2019 ยังคงได้รับแพตช์ด้านความปลอดภัยไปจนถึงปี 2030

ที่มา : theregister