สวัสดีเพื่อนพี่น้องชาว Droidsans ทุกท่าน วันนี้ผมได้มีโอกาสมารีวิวมือถืออินดี้อย่าง Nextbit Robin ให้เพื่อนสมาชิกได้อ่านกัน โดย Nextbit Robin นั้นได้มีการเปิดตัววางจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้วในราคา 12,900 บาท มี 2 สีด้วยกันคือ สีเขียว Mint และสีน้ำเงิน Midnight จุดเด่นของมือถือรุ่นนี้นอกจากงานออกแบบอินดี้ไม่เหมือนใครแล้วยังเป็นมือถือ Cloud First ที่ให้พิ้นที่ใช้งานมาถึง 100GB เรามาดูรายละเอียดกันดีกว่า

 

Nextbit Robin มือถือยี่ห้ออะไรเนี่ย? หลายคนอาจจะสงสัยเมื่อได้ยินชื่อมือถือรุ่นนี้ครั้งแรก ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกันยายนปี 2015 มีโปรเจ็คระดมทุนชิ้นหนึ่งใน kickstarter.com ชื่อว่า Robin ระดมทุนโดยบริษัท Nextbit สัญชาติอเมริกา แนวคิดของโปรเจ็คคือการทำมือถือแบบ Cloud First ที่ทำเหมือนกับว่าพื้นที่บน cloud เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่บนมือถือด้วย ทำให้การใช้งานมือถือเหมือนกับมีพื้นที่ไม่จำกัด เพราะ Robin ให้พื้นที่ใช้งานบน cloud มาถึง 100GB แต่สิ่งที่เตะตาและถูกใจผู้ให้ทุนคือ งานออกแบบที่แหวกแนวอินดี้ไม่เหมือนใคร และการใช้สีแบบพาสเทลสดใส ที่ทำให้ทุกอย่างดูซอฟท์ลงไปถนัดตา ซึ่งโปรเจ็คสามารถระดมทุนประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายเลยทีเดียว

nextbit-robin-review-kickstarter.jpg

 

สเปกของ Nextbit Robin

  • ชื่อและรหัสเครื่อง : Nexbit Robin

  • สัดส่วน : 149 x 72 x 7 มิลลิเมตร

  • น้ำหนัก : 150 กรัม

  • หน้าจอ : IPS 5.2 นิ้ว ความละเอียด FHD 1920 x 1080 พิกเซล

  • เครือข่ายที่รองรับ:

    • 4G : LTE ทุกเครือข่ายในไทย Band 1 / 2 / 3 / 4 / 5 / 7 / 8 / 12 / 17 / 19 / 20 / 18

    • 3G : WCDMA 850 / 900 / 1700 / 1900 / 2100

    • 2G : GSM 850 / 900 / 1800 / 1900

  • SIM : 1 SIM แบบ Nano SIM

  • CPU : Qualcomm Snapdragon 808 Hexa-core 1.8GHz

  • GPU : Adreno 418

  • RAM : 3GB

  • หน่วยความจำภายใน : 32GB + พื้นที่ Cloud 100GB ไม่รองรับ microSD card

  • กล้องหน้า : 5 ล้านพิกเซล Fixed focus มุมกว้าง 85 องศา

  • กล้องหลัง : 13 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ PDAF และ Dual-tone LED flash

  • แบตเตอรี่ : 2680mAh (ถอดเปลี่ยนเองไม่ได้) พร้อม Quick Charge 2.0

  • OS : Android 6.0 Marshmallow พร้อม Nextbit OS

  • สแกนลายนิ้วมือ : มี

  • NFC : มี

  • OTG : ไม่มี

  • ไฟแจ้งเตือน: มี

  • คุณสมบัติพิเศษ:

    • ลำโพงสเตอริโอคู่ด้านหน้า พร้อม Amp คู่

    • ระบบชาร์จเร็ว Quick Charge 2.0

  • เซ็นเซอร์และการเชื่อมต่ออื่นๆ:

    • GPS, A-GPS

    • Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (2.4/5GHz)

    • Bluetooth 4.0 LE

    • USB 3.0 Type-C

    • หูฟัง 3.5 มิลลิเมตร

    • Accelerometer, Proximity, Light, Compass, Gyroscope

  • สีที่มีให้เลือก : เขียว Mint และ น้ำเงิน Midnight

nextbit-robin-review-spec.jpg

 

แกะกล่องสำรวจของ

กล่องของ Nextbit Robin นั้นก็อินดี้ไม่แพ้กับตัวมือถือ เพราะเป็นกล่องทรงยาวแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีแถบกระดาษสีดำคาดอยู่ด้านล่าง ถ้าดูดีๆแล้วจะรู้ว่ามันเป็นเหมือนหนังสือเล่มหนึ่งนั่นเอง

nextbit-robin-review-unbox01.jpg

 

นั่นไงเป็นหนังสือจริงๆด้วยเปิดออกมาก็เป็นคู่มือการใช้งานเบื้องต้นของ Robin นั่นเอง

nextbit-robin-review-unbox02.jpg

 

พอเปิดอ่านมาเรื่อยๆจนถึงหน้าสุดท้ายก็จะเห็นเจ้า Robin พร้อมให้หยิบขึ้นมาใช้งานแล้วล่ะครับ

nextbit-robin-review-unbox03.jpg

 

สำหรับของในกล่องก็ไม่มีอะไรมาก มีแค่ตัวมือถือ Robin, สาย USB Type-C และเข็มจิ้มถาดซิม เท่านั้นเอง แต่ได้ยินว่าเครื่องที่ขายจริงจะมี เคส, ฟิล์มกันรอย และหม้อแปลง Quick Charge ให้ด้วย ฝากใครที่ซื้อแล้วมาช่วยคอนเฟิร์มให้หน่อยละกันครับ

nextbit-robin-review-unbox04.jpg

 

ก่อนจะแกะพลาสติกหุ้มเครื่องออก ก็มีมุกอยู่นิดนึงครับ โดยด้านบนจะมีตัวหนังสือเขียนว่า “ตรงนี้คือลำโพง (เห็นได้ชัดอยู่แล้ว)”

nextbit-robin-review-unbox05.jpg

 

พอมาด้านล่างก็เขียนไว้ว่า “ตรงนี้ก็เป็นลำโพงนะ ไม่ใช่ปุ่ม Home” โอเคนาย Robin เราเข้าใจแล้ว

nextbit-robin-review-unbox06.jpg

 

สำหรับเข็มจิ้มถาดซิมก็ออกแบบเป็นรูป “ก้อนเมฆ” ถือว่าตรงคอนเซ็ปต์มือถือ Cloud First ซะจริงๆ

nextbit-robin-review-unbox07.jpg

 

งานออกแบบ Hardware

เอาล่ะ ได้เวลาแกะเครื่องออกมาจากพลาสติกแล้ว หลังจากที่เราได้เรียนรู้ว่า ด้านบนและล่างของหน้าจอเป็นลำโพงคู่จากคำแนะนำของพลาสติกแผ่นนั้น 😛

งานออกแบบตัวเครื่อง Robin นั้นเป็นเครื่องแสดงถึงความอินดี้ของมือถือรุ่นนี้เป็นอย่างดี ด้วยแนวคิดแบบ simple และ minimal และไม่ต้องการเหมือนใคร ทางทีมออกแบบใช้แรงบันดาลใจจากรูปทรงสี่เหลี่ยมและวงกลมแบบเรียบๆธรรมดา และไม่เน้นการใช้ลวดลายใดๆทั้งสิ้น แต่เลือกที่จะใช้สีสันแบบสะดุดตาและวัสดุที่ให้ผิวสัมผัสที่ดีแบบ Polycarbonate ทั้งตัวเลย ผมต้องบอกว่า งานออกแบบจุดเด่นที่ชัดเจนที่สุดของมือถือรุ่นนี้ เพราะมันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนมือถือตามท้องตลาดทั่วไป ถือไปก็สะดุดตาคน ใครเห็นก็สนใจเข้ามาถามตลอด

nextbit-robin-review-unbox08.jpg

 

ด้านบนของหน้าจอ ประกอบด้วยลำโพงสนทนา (ที่ใช้เป็นลำโพงสเตอริโอด้วย) อยู่ตรงกลาง ถัดไปทางด้านซ้ายเป็นกล้องหน้า 5MP และช่องรวมเซ็นเซอร์

nextbit-robin-review-unbox09.jpg

 

ด้านล่างของหน้าจอ มีเพียงลำโพงอีกข้างเพียงอย่างเดียว ไม่มีปุ่มอะไรทั้งสิ้น เพราะรุ่นนี้ใช้ปุ่ม Navigation แบบ On-screen นะครับ

nextbit-robin-review-unbox10.jpg

 

หน้าจอของ Robin เป็นหน้าจอ IPS ที่ให้สีสันสวยงามและภาพมีความคมชัดดีมากครับ ตรงนี้ทาง Nextbit ไม่ได้ชูประเด็น แต่ผมเอามาบอกให้รู้กัน 55

nextbit-robin-review-unbox11.jpg

 

ด้านล่างของตัวเครื่องจะมีพอร์ต USB Type-C อยู่และรูไมโครโฟนสำหรับสนทนา

nextbit-robin-review-unbox12.jpg

 

ด้านบนมีรูเสียบหูฟัง 3.5 มม. และรูไมโครโฟนตัวที่สองเพื่อตัดเสียงรบกวน

nextbit-robin-review-unbox13.jpg

 

ด้านซ้ายมีเพียงปุ่มปรับเสียงเท่านั้น

nextbit-robin-review-unbox14.jpg

 

ด้านขวามีปุ่ม Power ที่สามารถสแกนลายนิ้วมือได้ในตัว และถัดลงมาเป็นช่องถามซิม

nextbit-robin-review-unbox15.jpg

 

รุ่นนี้รองรับ 1 ซิมแบบ NanoSIM ครับ

nextbit-robin-review-unbox19.jpg

 

พลิกมาดูด้านหลังของตัวเครื่อง จะเห็นสีขาวตัดกับขอบสีฟ้าบนล่าง มันสวยดีนะ

nextbit-robin-review-unbox16.jpg

 

ส่วนบนของด้านหลังจะเป็นกล้องหลักความละเอียด 13MP และ Dual-tone flash ที่วงใหญ่เท่ากล้องเลยครับ

nextbit-robin-review-unbox17.jpg

 

รูปก้อนเมฆที่อยู่ด้านหลังตัวเครื่องนั้นจะมีไฟ LED อยู่ด้านหลัง เพื่อแจ้งเตือนว่ามีการ sync ข้อมูลกับ cloud อยู่นะครับ

Play video

 

ด้านล่างไม่มีอะไรนอกจากโลโก้ Nextbit

nextbit-robin-review-unbox18.jpg

 

อ้อ ไฟแจ้งเตือน หรือ Notification LED ของมือถือรุ่นนี้อยู่ด้านล่างของตัวเครื่องนะครับ นี่ก็อินดี้เหมือนกัน 55

nextbit-robin-review-unbox20.jpg

 

โดยรวมงานออกแบบตัวเครื่องของ Robin ถือว่ามีความเป็นเอกลักษณ์สูงมาก เพราะมันไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน ทั้งเรื่องวัสดุที่ใช้และสีสันของตัวเครื่อง ถึงแม้ตัวเครื่องจะเป็นสี่เหลี่ยมแต่ก็มีการลบคมตามขอบเครื่องออกทั้งหมด ทำให้การจับถือในมือนั้นรู้สึกว่าเข้ามือ จับถือได้ง่าย ไม่ลื่นหลุดมือด้วย น้ำหนักก็ไม่เยอะ ถือได้สบาย ก็เรียกว่าถ้าใครงานออกแบบมือถือที่สวนกระแส มีความเป็นอินดี้สูง มือถือรุ่นนี้น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีเลย

nextbit-robin-review-unbox21.jpg

 

ระบบซอฟต์แวร์ Cloud First

Nextbit Robin นั้นมาพร้อมกับระบบซอฟต์แวร์ที่ชื่อว่า “Nextbit OS” ที่พัฒนาบน Android 6.0 Marshmallow โดยรวมการใช้งานไม่ต่างจากมือถือ Android ทั่วไปมากนัก โดยในส่วนของ App Drawer นั้นถูกตัดออกไป ดังนั้น App ทั้งหมดจะถูกวางอยู่บนหน้า Homescreen นอกจากนั้นหน้าตาและไอคอนต่างๆก็ถูกปรับให้เข้ากับคอนเซ็ปต์งานออกแบบ Simple and minimal ของมือถือรุ่นนี้ด้วย สังเกตได้จากสีของทั้งระบบจะเป็นสีแบบพาสเทลแบบเดียวกับตัวเครื่องรวมไปถึงไอคอนที่เป็นวงกลมด้วย

nextbit-robin-review-software01.jpg

 

และแน่นอนฟีเจอร์หลักที่เป็นหัวใจของ Nextbit OS จะต้องเป็นการรวมตัวเองเข้ากับระบบ Cloud อย่างไม่ต้องสงสัย โดยมือถือรุ่นนี้จะมีพื้นที่ cloud มาให้ใช้งาน 100GB และระบบจะเป็นคนคิดให้เองว่าจะใช้พื้นที่เหล่านี้เมื่อไหร่ ซึ่งเราสามารถเช็คพื้นที่ใช้งานที่เหลืออยู่ได้ผ่านทางเมนู Smart storage ที่อยู่ใน Settings โดยสามารถตรวจสอบการใช้งานพื้นที่ทั้งบน Cloud และที่อยู่ในเครื่องได้ นอกจากนั้นจะมี options ให้เลือกปรับได้ว่าจะให้มีการ backup อะไรขึ้นบน Cloud ทั้ง App และรูปถ่าย (วิดีโอไม่สามารถเอาขึ้น Cloud ได้) และจะ backup ได้เฉพาะตอนที่ต่อ Wifi และเสียบชาร์จอยู่ด้วยหรือไม่

nextbit-robin-review-software02.jpg

 

การเลือกว่าจะ backup ข้อมูลขึ้น cloud ตอนไหนนั้น ระบบจะเป็นคนคิดให้เอง โดยเท่าที่สังเกตคือ รูปถ่ายจะถูก backup ขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ App นั้นจะถูก backup เฉพาะตอนที่ระบบเห็นว่าพิ้นที่ในเครื่องเหลือน้อย และจะเลือกเอา App ที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน backup ขึ้น cloud ไป โดย App ที่ถูก backup ขึ้น cloud ไปแล้ว ไอคอนจะกลายเป็นสีเทา

nextbit-robin-review-software03.jpg

 

สำหรับ restore ตัว App กลับมาให้ใช้งานก็สามารถทำได้โดยการแตะไปที่ App นั้นแล้วระบบจะ download App กลับลงมาไว้ในเครื่อง เช่นเดียวกันกับการ restore รูปถ่ายของเรา โดยระบบจะ backup รูปความละเอียดสูงขึ้น cloud ไปแล้วสร้างรูปความละเอียดต่ำไว้ในเครื่อง เวลาดูรูปจะเร็วขึ้น เมื่อเราแตะดูรูปนั้นๆก็จะ download รูปความละเอียดสูงกลับมาในเครื่องอีกครั้ง

nextbit-robin-review-software04.jpg

ตัวอย่างการ restore app

 

nextbit-robin-review-software05.jpg

ตัวอย่างการ restore รูปถ่าย

 

แล้วถ้าเราไม่อยากให้มีการ backup App บางตัวขึ้น cloud ล่ะ จะทำยังไง? ตรงนี้ Nextbit OS จะปุ่มวงกลมสีม่วงอยู่มุมล่างขวาของหน้า Homescreen ทุกหน้า เมื่อเราแตะที่ปุ่มจะมีเมนูย่อยให้เลือกสามอัน คือ

  • Archived apps : รายชื่อ App ที่ถูก backup ขึ้น cloud ทั้งหมด

  • Pinned apps : รายชื่อ App ที่เราไม่ต้องการให้มีการ backup ขึ้น cloud เราสามารถเพิ่มชื่อ App ที่ต้องการให้อยู่ในเครื่องตลอดเวลาได้ โดยให้แตะ App ในหน้า Homescreen แล้วลากลง

  • All apps : รายชื่อ App ทั้งหมดทั้งที่อยู่ในเครื่องและอยู่ใน cloud จะมองว่ามันคือ App Drawer แบบแนวตั้งก็ได้เหมือนกัน

nextbit-robin-review-software06.jpg

 

แน่นอนว่าการใช้พื้นที่ cloud ในการ backup ข้อมูลต่างๆนั้นมีประโยชน์ตาม concept ของมัน คือไม่ว่าเราจะทำเครื่องหายหรือเครื่องพัง ข้อมูลของเราก็ยังอยู่ สามารถเรียกกลับมาใช้งานได้ทุกเมื่อ แต่จุดบอดใหญ่ของระบบ cloud คือ การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ถ้าเครื่องเราไม่สามารถต่ออินเตอร์เน็ตได้ เราก็ไม่สามารถเอาข้อมูลเหล่านั้นกลับมาใช้งานได้ หรือมีอินเตอร์เน็ตแต่ความเร็วช้า ก็น่ารำคาญเหมือนกัน เพราะกว่าจะ download ข้อมูลกลับลงมาใช้งานได้คงต้องรอนาน ไม่ทันกินในสถานการณ์ที่เร่งรีบ

 

ปัญหาเรื่องการ restore รูปถ่าย

ผมพบปัญหาการใช้งานส่วนของการ restore รูปถ่ายนั้นสามารถทำได้ทีละรูป และต้องเป็นการเปิดดูรูปนั้นแล้ว zoom จึงจะมีการ restore เกิดขึ้น ซึ่งถือว่าไม่สะดวกมาก ในกรณีที่เราสามารถ clear พื้นที่บนเครื่องไปเองแล้วอยากได้รูปกลับมา ก็ไม่สามารถเลือก restore หลายๆรูปหรือ restore ทั้งหมดได้ในทีเดียว

nextbit-robin-review-software05-1.jpg

Restore รูปถ่ายได้ทีละรูปเท่านั้น

 

ซ้ำร้ายคือ รูปถ่ายที่เคยถูก backup ขึ้น cloud แล้ว restore กลับมานั้น จะไม่ได้กลับมาอยู่ใน DCIM folder ตามปกติอีกต่อไป แต่มันจะไปอยู่ใน folder ภายในของ Nextbit ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้โดย App อื่น นอกจาก Nextbit Gallery เท่านั้น นั่นหมายความว่า เราไม่สามารถเสียบสาย USB แล้วก็อปรูปลงเครื่องคอมได้อย่างเดิมอีกแล้ว ซึ่งปัญหานี้ทาง Nextbit ได้เขียนอธิบายไว้บน website ของตัวเองว่า เพื่อไม่ให้การ restore รูปถ่ายของ Nextbit ไปขัดแย้งกับของ Google Photos รูปเหล่านี้จึงไม่ได้อยู่ใน DCIM folder ไม่งั้นจะเกิดรูปซ้ำๆขึ้นมากมาย ถ้าอยากได้รูปลงคอม วิธีการที่ Nextbit แนะนำคือ ให้แชร์รูปจาก Gallery ไปบริการอื่น (เช่น Google Drive หรือ email) แล้วค่อยไป download เอาเอง หรือรอตัวโปรแกรม WebClient ที่ทาง Nextbit ทำมาเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ

nextbit-robin-review-software07.jpg

ที่มา: Nextbit Help

 

ประสิทธิภาพและความอึดของแบต

Nextbit Robin มาพร้อมกับชิปเซต Qualcomm Snapdragon 808 Hexa-core ความเร็ว 1.8GHz และมี RAM 3GB คร่าวๆคือ สเปกจะเท่ากับ LG G4 มือถือเรือธงของปีที่แล้วเลย ซึ่งประสิทธิภาพการใช้งานนั้นต้องบอกว่า “ลื่นไหลหายห่วง” ไ่มีอาการกระตุกให้เห็น เพราะสเปกระดับนี้ยังรับมือการใช้งานใน พ.ศ นี้ได้สบาย ไม่ว่าจะเล่น Social app หรือเล่นเกมก็ถือว่าสบายๆ ผลทดสอบ benchmark ถือว่าเซอร์ไพรส์หน่อยๆ เพราะ Geekbench 4 ได้คะแนนสูงกว่ามือถือที่ใช้ชิปเซ็ตดีกว่าอย่าง OnePlus 2 ซะอีก

nextbit-robin-review-perf01.jpg

Antutu Benchmark

 

nextbit-robin-review-perf02.jpg

Geekbench 4 : CPU

 

nextbit-robin-review-perf03.jpg

Geekbench 4 : GPU

 

ในส่วนของแบตเตอรี่ขนาด 2680mAh ที่ให้มานั้น เท่าที่ลองใช้งานดูถือว่าผิดหวังนิดๆ เพราะสามารถใช้ได้ไม่ถึง 1 วันแบบเต็มที่สักเท่าไหร่ จะรอดมิรอดแหล่ แล้วแต่ว่าวันนั้นจะใช้งานมือถือหนักขนาดไหน โดยส่วนตัวผมใช้งานเล่นพวก Social app เป็นหลัก มีการถ่ายรูปบ้างประปราย กลับถึงบ้านก็ต้องรีบเสียบชาร์จกันแล้ว เข้าใจว่าระบบยัง optimize มาไม่สุด

nextbit-robin-review-perf04.jpg

 

ผมได้ทดลองชาร์จ 100% แล้วทิ้งมือถือไว้ทั้งคืน เพื่อทดสอบการ standby ว่าแบตลดมากแค่ไหน ตื่นเช้ามาพบว่าแบตเตอรี่เหลือ 93% ลดไป 7% แตกต่างจากปกติที่ต้องลดเพียง 1-2% เท่านั้น อาจจะมีปัญหาเรื่องการ optimize battery อยู่ คงต้องรอดูอัพเดตซอฟต์แวร์เวอร์ชันต่อไปว่าจะดีขึ้นหรือไม่

nextbit-robin-review-perf05.jpg

 

อย่างไรก็ตาม Robin นั้นรองรับระบบชาร์จเร็ว Quick Charge 2.0 อยู่แล้วอาจจะช่วยผ่อนปรนเรื่องแบตไม่พอใช้ไปได้อยู่ครับ แต่ในกล่องนั้นไม่ได้ให้ตัว Adapter มา คนที่ซื้อก็ลองตรวจสอบดูว่าร้านได้ให้ Adapter มาด้วยหรือเปล่านะครับ

 

กล้องถ่ายรูป

nextbit-robin-review-camera01.jpg

Nextbit Robin มีกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) และ Dual-tone flash ซึ่งตัวโหมดในการถ่ายรูปไม่มีอะไรพิเศษมาให้เล่นมากนัก มีเพียงโหมด Auto และ Manual ให้เลือกใช้งาน ซึ่งในโหมด Auto จะสามารถเปิดปิด HDR ได้อีกที

nextbit-robin-review-camera02.jpg

 

โหมด Manual ที่ปรับค่าได้ไม่มาก ได้แก่ ระยะโฟกัส, WB, EV และ ISO

nextbit-robin-review-camera03.jpg

 

กล้องหลังสามารถถ่ายภาพนิ่งละเอียดสูงสุดคือ 13MP อัตราส่วน 4:3 ในขณะที่ถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ 4K

nextbit-robin-review-camera04.jpg

 

คุณภาพของรูปถ่ายจากกล้องของ Robin นั้นถือว่าใช้ได้เลยครับ ไม่ได้เด่นมาก แต่ไม่ได้ขี้เหร่เลย ภาพมีการเก็นรายละเอียดได้ดี ให้สีได้แม่นยำ ถ่ายได้สนุกๆไม่ผิดหวังแน่นอน แม้ตอนแสงน้อยที่กล้องจะเริ่มจับโฟกัสช้าลง ภาพที่ออกมาก็ถือว่าดีพอตัวเลยทีเดียว มาดูภาพตัอย่างกันดีกว่า

 

 

กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซลก็ถือว่า ถ่ายได้สวยแบบของจริง เพราะว่าไม่มีโหมด Beauty มาให้นะครับ ตรงอาจจะขัดใจขา Selfie นิดนึง

 

บทสรุป

เดินทางมาถึงบทสรุปของการรีวิวในครั้งนี้แล้วสำหรับ Nextbit Robin มือถือน้องใหม่สายอินดี้ที่เพิ่งเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยครั้งแรก จริงๆก็คงเป็นครั้งแรกของแต่ละประเทศทั่วโลก เพราะ Robin คือมือถือรุ่นแรกของ Nextbit ครับ สำหรับมือถือรุ่นนี้จะเน้นที่งานออกแบบที่แปลกสะดุดตา ทั้งรูปร่างและสีสันของตัวเครื่องเรียกว่า ใครเห็นก็ต้องสะดุดมอง รวมไปถึงระบบซอฟต์แวร์ Cloud First ที่เน้นการรวมพื้นที่ใช้งานทั้งในเครื่องและบน Cloud เข้าไว้ด้วยกัน โดยอาจจะมีปัญหาการใช้งานในบางจุด เช่น การ restore รูปถ่ายจาก cloud แต่ก็พอมีวิธีกล้อมแกล้มไปได้ ในด้านสเปกของตัวเครื่องก็ถือว่าแรงพอตัว สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหลไม่มีอาการสะดุดเลย ผมขอสรูปจุดดีและจุดที่ควรปรับปรุงของมือถือรุ่นนี้ไว้ดังนี้

จุดดี

  • งานออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร สีสันสะดุดตา

  • กล่อง packaging ก็เป็นเอกลักษณ์

  • หน้าจอ IPS 5.2 นิ้วสีสวยและภาพมีความคมชัดดี

  • ประสิทธิภาพดี การใช้งานลื่นไหล ไม่มีสะดุด

  • ลำโพงคู่สเตอริโอเสียงดังฟังชัด

  • ฟังเพลงผ่านหูฟังก็เสียงดีเช่นกัน

  • Quick Charge 2.0 ถึงจะเก่าแต่ก็ชาร์จเร็วอยู่ดี

 

จุดที่ควรปรับปรุง

  • ระบบ Cloud ที่ยังดูมีปัญหาในการใช้งานอยู่

  • ควาอึดของแบตเตอรี่ที่น่าจะดีกว่านี้

  • การสแกนนิ้วเพื่อปลดล็อดเครื่อง ต้องกดปุ่ม Power ก่อน 1 ครั้ง

Nextbit Robin วางจำหน่ายแล้วในราคา 12,900 บาท ซึ่งผมว่าพอดีๆไม่ถูกไม่แพงจนเกินไป เหมาะสำหรับคนที่มองหาความแตกต่าง ไม่ชอบเหมือนคนอื่น มือถือรุ่นนี้ตอบโจทย์คุณแน่นอน สำหรับช่องทางจำหน่ายนั้นมือถือรุ่นนี้จะเน้นขาย Online ผ่านหลายเจ้าทั้ง Lazada, Central, Shopat24, Shopee และ WeLoveShopping ส่วนช่องทาง Offline นั้นจะขายผ่านทาง Power Mall เป็นหลัก สำหรับคนที่สนใจสามารถสำรวจรายชื่อร้านค้าที่ได้ที่ ช่องทางจำหน่าย วันนี้ผมขอลาไปก่อน สวัสดีครับ

nextbit-robin-review-end.jpg