หากในเวลานี้เราพูดถึง Samsung Galaxy Note คงไม่มีใครจะไม่รู้จักเจ้ามือถือ Android จอยักษ์ขนาด 5.3 นิ้ว พร้อมปากกา S-Pen ให้เราสามารถละเลงศิลปะและจินตนาการส่วนตัวลงไปบนหน้าจอของมือถือได้อย่างอิสระ และเจ้า S-Pen อันนี้ไม่ใช่แค่สักแต่ว่าขีดเขียนให้เป็นเส้น แต่มันสามารถรับระดับน้ำหนักในการกดปากกาได้ถึง 16 ระดับ ทำให้เราสามารถเขียนเส้นหนาเส้นบางได้เหมือนกับปากกาหรือดินสอจริงๆ
ย้อนเวลากลับไป Samsung Galaxy Note เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายน 2011 ณ ตอนนั้นที่ผมได้เห็นเจ้า Note ในข่าวครั้งแรกผมคิดว่า “เนี่ยนะมือถือ?” เพราะขนาดจอที่ใหญ่มโหฬารของมัน เกินกว่าจะใช้งานๆได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ซัมซุงนิยาม Galaxy Note ว่า “Phablet” คือเอาคำว่า Phone มารวมกับ Tablet เพื่อที่จะแสดงถึงความเป็นทั้งโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตในอุปกรณ์อันเดียวกัน
ด้วยความสัตย์จริง ผมคิดว่า Samsung Galaxy Note ไม่น่าจะขายได้ดีแน่นอน เพราะขนาดของมัน เต็มที่กลุ่มเป้าหมายคงเป็นผู้ชาย และนักวาดรูปที่ชอบสเก็ตช์ภาพเล่นบ่อยๆ และมันไม่ใช่สำหรับ “ผู้หญิง” อย่างแน่นอน
แต่หลังจากการวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน 2011 เจ้า Note สามารถทำยอดขายได้ 5 ล้านเครื่องในเดือนมีนาคม 2012 ยอดขายนี้ถือว่า “ขายดีมาก” สำหรับผม และทำให้ซัมซุงสามารถเป็นเจ้าตลาดของมือถือขนาด 5.3 นิ้วไปโดยปริยายเพราะ ไม่มีคู่แข่งเลย จะมีก็แต่ LG Optimus Vu ที่เห็นแต่ข่าวเปิดตัว แต่ยังไม่มีวางขาย
ประเด็นที่ผมสงสัยคือ “ใครซื้อ Samsung Galaxy Note ไปใช้บ้าง?” แล้วผมก็ได้คำตอบในไม่ช้าหลังจากเจ้า Note วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย “ผู้หญิงหรือสาวๆไทย” ซื้อเจ้า Note ใช้กันเยอะมากๆ สามารถเห็นได้ทั่วไปตั้งแต่ นักศึกษา วัยเริ่มทำงาน และวัยทำงานมานานแล้ว
ผมลองถามผู้หญิงรอบๆตัวที่ใช้เจ้า Note ว่า “ทำไมถึงซื้อมาใช้?” คำตอบที่ได้คือ “จอมันใหญ่ดี”
…ผู้หญิงนี่เข้าใจยากจริงๆ แฮะ >_<"
source: http://tech-barista.com
ผมก็ซื้อให้แฟนใช้ แฟนชอบมากเลย ^^
สุดท้ายผมเลยต้องกลับมาตายรัง ใช้ Note อีกจนได้ ><
4.0.4 ไทยยังโอเชขนาดนี้ แทบจะอดใจรอ JB ไม่ไหวเลย
ยินดีด้วยครับที่คุณแฟนชอบ ถือว่าเป็นคน in trend นะเนี่ย อิอิ