ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าคู่แข่งหลายราย เช่น OpenAI, Perplexity และ Yahoo แสดงความสนใจว่าหากศาลมีคำสั่งให้ Google ต้องแยกธุรกิจ Chrome ออกมาเป็นบริษัทใหม่ พวกเขาก็พร้อมจะยื่นข้อเสนอซื้อ แม้ยังไม่มีการเปิดเผยราคาชัดเจนในขณะนั้น
ล่าสุดในชั้นศาล Parisa Tabriz ผู้จัดการทั่วไปของ Chrome ได้ให้การต่อศาลในกรุงวอชิงตัน ระบุว่า Chrome ไม่ใช่แค่เบราว์เซอร์ธรรมดา แต่ผูกแนบแน่นกับระบบบริการหลังบ้านของ Google ไม่ว่าจะเป็นระบบ Safe Browsing หรือระบบแจ้งเตือนเมื่อรหัสผ่านผู้ใช้รั่วไหล ซึ่ง Tabriz ยืนยันว่ามีเพียง Google เท่านั้นที่สามารถสร้างระบบระดับนี้ได้ นอกจากนี้ เธอยังให้ข้อมูลว่า 90% ของซอร์สโค้ดในโครงการ Chromium ซึ่งเป็นโอเพ่นซอร์สที่ Chrome พัฒนาต่อยอดมา ถูกเขียนโดยวิศวกรของ Google มากกว่า 1,000 คน และไม่มีบริษัทใดลงทุนในระดับเดียวกัน

Tabriz ยังแย้งข้อเสนอของ James Mickens ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์จากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ที่มองว่า Chrome สามารถดำเนินงานต่อได้แม้แยกจาก Google โดยชี้ว่าความเชื่อมโยงระหว่าง Chrome และบริการของ Google มีความซับซ้อนและแนบแน่นเกินกว่าที่บริษัทอื่นจะรับช่วงต่อได้ นอกจากนี้เธอยังยอมรับว่า Google กำลังผสาน Chrome เข้ากับเทคโนโลยี AI Gemini อย่างใกล้ชิด แต่ก็เปรียบเทียบว่าคู่แข่งอย่าง Microsoft ก็ทำเช่นเดียวกัน ด้วยการผูก Bing และ Copilot เข้ากับเบราว์เซอร์ Edge
ในส่วนของความสนใจจากคู่แข่ง ข้อมูลจากศาลระบุว่า Yahoo ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของกองทุน Apollo Global ก็แสดงความสนใจซื้อ Chrome เช่นกัน โดยประเมินว่ามูลค่าของ Chrome อยู่ในระดับ “หลายหมื่นล้านดอลลาร์” ด้าน DuckDuckGo คู่แข่งในตลาดเสิร์ชเอนจินก็มองว่ามูลค่าของ Chrome น่าจะสูงถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท) แต่ยอมรับว่าเป็นตัวเลขที่เกินขีดความสามารถในการซื้อ

ปัจจุบัน Chrome ครองส่วนแบ่งตลาดเบราว์เซอร์ทั่วโลกถึง 66% การเปลี่ยนมือของ Chrome หากเกิดขึ้นจริง อาจส่งแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ในวงการเว็บเบราว์เซอร์ นอกจากการเสนอให้ Google แยกธุรกิจ Chrome แล้ว กระทรวงยุติธรรมสหรัฐยังเสนอให้สั่งห้าม Google ทำข้อตกลงจ่ายเงินเพื่อแลกกับการเป็นเสิร์ชเอนจินตั้งต้นบนเบราว์เซอร์อื่น ๆ เช่น ดีลใหญ่กับ Apple บน Safari เพื่อป้องกันการผูกขาดเพิ่มเติมอีกด้วย
Comment