OpenAI เปิดตัว GPT-5 โมเดลใหม่ล่าสุดที่ Sam Altman มองว่าฉลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้นแบบก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับโมเดลเวอร์ชันที่ผ่านๆ มา ทั้งความสามารถในการเขียนโค้ด คำนวณตัวเลข เขียนบทความ และให้คำแนะนำด้านสุขภาพด้วยระบบการคิดเชิงลึก (Thinking) ซึ่งช่วยให้ ChatGPT สามารถตอบคำถามที่ซับซ้อนได้ดียิ่งกว่าเดิม เปิดให้ใช้งานฟรีตั้งแต่วันนี้

จุดเด่นของ GPT-5 คือการเป็น “ระบบรวม” ที่มีทั้งโมเดลตอบเร็วสำหรับคำถามทั่วไป และ GPT-5 Thinking สำหรับปัญหาหรือคำถามยากๆ ที่มีความซับซ้อนสูง พร้อมตัว Router ที่จะช่วยเลือกให้เราอัตโนมัติว่าควรจะใช้โมเดลไหนตอบ ตามความซับซ้อนของคำถามหรือคำสั่งที่เราพิมพ์ ลดปัญหาข้อมูลผิดพลาดและไม่เออออตามผู้ใช้แบบไร้เหตุผลเหมือนโมเดลก่อนๆ

พูดง่ายๆ คือถ้าเกิดเป็นคำถามทั่วไป ChatGPT จะเลือกใช้โมเดลที่ประมวลผลหรือทำงานได้รวดเร็วเป็นหลัก แต่หากเป็นคำถามที่ซับซ้อนขึ้นกว่าเดิม ChatGPT จะสลับไปใช้ GPT-5 thinking ให้โดยอัตโนมัติ และถ้าเราใช้งานจนครบโควต้าเมื่อไหร่ ก็จะสลับไปใช้โมเดลรุ่น GPT-5 mini แทน

ในส่วนของคะแนนทดสอบ GPT-5 ก็สามารถทำสถิติคะแนนทดสอบได้สูงขึ้นกว่าเดิมในหลายๆ หัวข้อการทดสอบ เช่น คณิตศาสตร์ (AIME 2025) ทำคะแนนได้สูงถึง $94.6% (ไม่ใช้เครื่องมือช่วยเพิ่ม) การเขียนโค้ด (SWE-bench Verified) ทำคะแนนไปได้ $74.9% คะแนนการแก้ปัญหาแบบรอบด้าน (MMMU) อยู่ที่ $84.2% และการทดสอบการให้เหตุผลระดับสูง (GPQA) ก็ทำคะแนนได้สูงถึง $88.4%

นอกกจากนั้นเพื่อให้ ChatGPT เข้ากับสไตล์การสื่อสารหรือคำถามของผู้ใช้แต่ละคนได้มากขึ้นกว่าเดิม ผู้ใช้จะสามารถปรับแต่งบุคลิกหรือสไตล์การตอบคำถามให้กับ ChatGPT ได้ถึง 4 บุคลิกได้แก่ Cynic (ชอบเหน็บแนม), Robot (ตรงไปตรงมา), Listener (ผู้ฟังที่ดี) Nerd (สไตล์เด็กเนิร์ด) และเปลี่ยนสีแชทได้ด้วย

GPT-5 จะกลายเป็นโมเดลเริ่มต้นใหม่ใน ChatGPT และมาแทนที่โมเดลพื้นฐานอย่าง GPT-4o, o3 หรือโมเดลอื่นๆ ก่อนหน้านี้ทั้งหมด โดยลูกค้าที่สมัคร Pro จะสามารถใช้งาน GPT-5 ได้แบบไม่จำกัด และเข้าถึงสิทธิ์การใช้งาน GPT-5 Pro ได้ด้วย ลูกค้า Plus จะสามารถใช้งานได้เยอะกว่าผู้ใช้ฟรีซึ่งจะมีโควต้าที่จำกัดในแต่ละวัน เมื่อใช้ครบโควต้าก็จะสลับไปใช้โมเดล GPT-5 mini แทนอย่างทีไ่ด้กล่าวไปก่อนหน้านี้

ที่มา: OpenAI