ปล่อยภาพหลุดออกมาหลายรอบแล้ว สำหรับ OPPO N3 สมาร์ทโฟนกล้องหมุนได้ ที่จะมาสืบเชื้อสายต่อจากผู้พี่ N1 ซึ่งเมื่อวานนี้ทาง OPPO เองก็ได้จัดงานเปิดตัวยิ่งใหญ่อลังการที่สิงคโปร์ และทางเวบก็ได้รับเชิญให้ไปร่วมงาน เราก็เลยมีโอกาสได้ไปสัมผัวตัวเครื่องเป็นๆ ของเข้า OPPO N3 กัน
แต่อีกหนึ่งเซอร์ไพรส์ในงานนี้ที่แอบมาเปิดตัวเพิ่มอีกรุ่น OPPO R5 สมาร์ทโฟนสุดบางที่ตอนนี้พูดได้เต็มปากว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่บางที่สุดในโลก เพราะ OPPO R5 มันบางแค่ 4.85 มิลลิเมตรเท่านั้น
งานนี้คึกคักตั้งแต่ตอนลงทะเบียนแล้วครับ สื่อไทย สื่อเทศ เวบดังๆ จากต่างประเทศก็มารอดู OPPO N3 กันให้พรึ่บ
พอเริ่มงานก็มีการย้อนถึง Flagship แต่ละรุ่นของ OPPO กันบ้างเล็กน้อย โดยรุ่นแรกที่มีการกล่าวถึงคือ OPPO Finder (ถ่ายไม่ทัน) ที่ตอนนั้นเป็น World 1st Thinnest หรือสมาร์ทโฟนที่บางที่สุด และก็มาถึง OPPO Find 5 ก็เป็นสมาร์ทโฟเครื่องแรกที่มาพร้อมจอ Full HD 1080p
ปี 2013 มีอะไร ก็มี N1 เป็นเครื่องแรกของโลก World 1st อีกเหมือนกัน กับ สมาร์ทโฟนกล้องหมุนได้
ส่วนปีนี้ OPPO Find 7 ก็ยังเป็นเรื่องแรกในโลก ที่มาพร้อม VOOC Rapid Charge ครับ (แหม่) แต่อันนี้ยอมให้นะ เพราะ VOOC มันชาร์จไฟเร็วจริง และเครื่องไม่ร้อนด้วย
จากนั้นก็เริ่มมาเกริ่นถึง N1 ก่อน ว่ามันประสบความสำเร็จแค่ไหน ทั้ง N1 และ N1 mini ที่หลายๆ คนชอบมากกับกล้องหมุนได้ แต่ OPPO เองยังคิดว่ามันไม่พอ รวมถึงบางคนอาจจะพบว่ามันยุ่งยาก เพราะการจะหมุนกล้องนั้นต้องใช้ 2 มือช่วย ทาง OPPO เลยตีโจทย์ออกมาว่า “งั้นทำให้กล้องมันหมุนเองได้เลยดีมั้ย?“
และนั่นก็คือฟีเจอร์แรกของ OPPO N3 กับกล้องที่มันสามารถหมุนได้เอง และเราสามารถควบคุมการหมุนผ่านหน้าจอ OPPO N3, ใช้ O-Click และใช้ Fingerprint scanner ด้านหลังควบคุมให้มันหมุนขึ้นหมุนลงได้ตามใจ
ประโยชน์นอกเหนือไปจากการควบคุมกล้องของ OPPO N3 ให้หมุนได้ด้วยมือเดียวแล้ว การถ่ายภาพ Panorama ก็ง่ายขึ้นด้วย แค่เรากดเปิดโหมด Pamorama พอกดถ่ายแล้วกล้องมันก็จะหมุนเองทันที เราแค่ยืนอยู่กับที่เฉยๆ ก็พอ
นอกจากนั้นยังมีระบบ Tracking Focus ที่กล้องจะหมุนไปตามวัตถุทีเราแตะโฟกัสไว้ด้วย :O
ในตัวกล้องของ OPPO N3 นั้นได้ทาง Schneider Electric มาช่วยออกแบบและผลิตกล้องติดมอเตอร์ที่หมุนได้ 206 องศา โดยมีการทดสอบการหมุนเป็นแสนครั้ง (ผมจำตัวเลขไม่ได้) สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 5 ปี และถ้ามันเสียขึ้นมาจริงๆ OPPO ซ่อมได้ครับ
ส่วนตัวเลนส์กล้องนั้น ได้ร่มมือกับ Schneider Kreuznach ผู้ผลิตเลนส์ชื่อดังที่วงการกล้องน่าจะรู้จักกันดี กล้องความละเอียด 16MP มาพร้อมกับขนาดพิกเซลที่ใหญ่ 1.34 ไมโครเมตร เก็บแสงได้มากกว่า ภาพจะสว่างมากขึ้น
O-Click 2.0 นี่ เหมือนออกแบบมาเพื่อ OPPO N3 โดยเฉพาะ เพราะวงสีเงินกลมๆ เอานิ้วถูแล้วหมุนกล้องได้
ส่วนหม้อแปลง VOOC Charge นั้น OPPO บอกว่าตอนนี้เราทำให้มันเล็กลงกว่าเดิมได้ครึ่งนึง โอ้ว!
และแล้วก็มาถึงเวลาเปิดตัวเครื่องให้ทุคนในงานได้ลองไปสัมผัสกัน
ตัดภาพฉับออกมาจากงานเปิดตัว เข้าสู่ OPPO Experience Zone กันสักแป้บ มาลองดู OPPO N3 ตัวเป็นๆ กันสักเล็กน้อย ก่อนที่จะกลับไปดู OPPO R5
OPPO N3 ลดหน้าจอลงมาให้เหลือ 5.5 นิ้ว Full HD 1080p ตัวเครื่องออกแบบมาได้ดีกว่าตอน N1 ประหยัดพื้นที่ด้านหน้ามากขึ้น
ตัวกล้องความละเอียด 16MP พร้อม LED Flash ทูโทน ถ้าใช้โหมด Ultra HD จะได้ภาพความละเอียดสูงถึง 60MP
วัสดุไม่ได้เป็นพลาสติกด้านๆ เก็บคราบและความดำแบบ N1 แล้ว 😀 ตัวนี้เป็นสีขาวขัดมันนิดๆ ส่วนกล้องก้ตามภาพหลุดเลย มีการใช้วัสดุและดีไซน์คล้ายฝาหลัง Note 3 (อันนี้ก็งงว่าทำไปทำไม)
ส่วน Fingerprint scanner นั้นเป็นแบบเดียวกับ iPhone Touchh ID คือแค่แตะนิ้วลงไปครับ ไม่ต้อง ลาก ถู รูด ให้มันให้นิ้วมันถลอกปอกเปิกกันละ
ช่องใส่ซิมจะเป็นแบบถาดยาว คือสามารถเลือกใส่ใช้งานเป็นมือถือ 2 ซิม หรือจะเลือกใส่ 1 ซิมแล้วใส่ microSD ก็ได้
แต่เรื่องความหนา บอกเลย หนาจริง 8.7 มิลลิเมตร
UI กล้องแบบใหม่ มี Mode ให้เลือกใช้งานมากขึ้น แล้วก็มีให้ไปโหลดเพิ่มเติมได้ด้วย (กรุณาอย่าสนใจภาพเล็กๆ มุมขวาล่าง)
ตัดฉับ กลับเข้ามาที่เวทีงานเปิดตัวอีกรอบ กับ OPPO R5 สมาร์ทโฟนที่บางที่สุดในโลก โลก โลก โลก . . . (เอคโค่)
อันนี้แอบเก๋ มีการซ่อนเครื่องไว้บนเพดานในกล่องดำๆ ก่อน พอถึงเวลาก็ค่อยๆ หย่อนลงมาช้าๆ
บางแค่ไหน ก็ 0.01 มิล เอ๊ย! ผิด 4.85 มิลลิเมตรเท่านั้น
เรื่องความแข็งแรงไม่ต้องห่วง เพราะเลือกใช้ Aluminium Alloy และดูแลการประกอบและการผลิตทุกขั้นตอน
หลายคนอาจจะบ่นเรื่องมือถือบางๆ แล้วความร้อนมันจะไปไหนได้ ยังไงก็ต้องร้อนแน่นอน OPPO เลยเลือกใช้วัสดุที่คล้ายคลึงกับ Liquid Metal มาเป็นตัวดูดซับความร้อนให้กับ CPU
หลายคนอาจจะทำหน้างงว่า 4.85 มิลลิเมตรมันบางแค่ไหน ก็ประมาณ DVD 4 แผ่นวางซ้อนกัน หรือเหรียญ 4 เหรียญวางซ้อนกันนั่นแหละ แน่นอนครับว่าลงมันบางขนาดนี้แล้ว หูฟัง 3.5 มิลลิเมตรนั้นไม่มีที่อยู่ ใส่ไม่ได้ครับ
สเปคของ OPPO R5 นั้นมีทีเด็ดมากกว่าแค่ความบาง เพราะได้เลือกใช้ Snapdragon 615 Octa Core หน่วยประมวลผล 8 แกนแท้ ทำงานได้พร้อมกันทั้ง 8 แกน แถมยังเป็น CPU 64-bit อีกต่างหาก
กล้อง OPPO มีความละเอียด 13MP มาพร้อม Pure Image 2.0+ ไฟ LED Flash 1 ดวง
จริงๆ แล้วตัวเฟรมของ OPPO R5 นั้นบางแค่ 4 มิลลิเมตรเท่านั้น แต่จะมีขอบฝาหน้าฝาหลังอีก 0.85 มิลลิเมตรที่เหลือนั่นเอง
หน้าจอของ OPPO R5 มีขนาด 5.2 นิ้ว เลือกใช้จอ AMOLED 1080p Full HD
oppo พยายามมากที่จะมายืนบนแถวหน้า แบบ ซัมซุงและแอลจี
คงต้องสร้าง นวตกรรม ทางด้าน ซอฟแวร์ให้มากกว่านี้
ดูจาก Color OS ผมว่าก็เป็นตัวอย่างนวัตกรรมซอฟต์แวร์ที่ดีแล้วนะครับ
ติดแค่ว่า Color OS มันทำให้อัพเดต OS ช้าไปหน่อย
เห็นด้วยอย่างยิ่ง Color OS เองก็มีการพัฒนาตัวเองเรื่อย ๆ
Samsung เรียกว่าดีหรอ? มีแต่นวัตกรรมที่ใส่แอพอะไรไม่รู้ แล้วกิน RAM กิน ROM ก็เท่านั้น ถ้าจะมีประโยชน์หน่อยก็คงเป็นตระกูลแอพที่ support s-pen บน Galaxy Note นั่นแหละ
ขนาด Color OS ไม่ค่อยมีอะไรแรมยังกินไม่ต่างจากโน๊ต 1.8 อัพอย่างบ่อย Fine7
ทำไมรู้สึกว่า n1 สวยกว่า n3 โหมด Panorama n3 เท่อ่ะ
ส่วนตัว คิดว่า Oppo พัฒนาได้ไวมาก (ยิ่งถ้าเทียบกับสมัยก่อนที่ยังไม่เป็นแอนดรอย)
ถ้าเทียบกับราคา ยิ่งเป็นมือถือที่มีประสิทธิภาพสูงและคุ้มค่า ยี่ห้อหนึ่ง
เพื่อนๆคนรู้จักให้ช่วยแนะนำซื้อมือถือใหม่ ในราคาหมื่นกว่าๆ ก็ แนะนำ Find7a เป็นตัวเลือกต้นๆ
ชอบตรง ทัชไอดีนี่แหละ ใช้ Note 4 รูดทีเดียวไม่เคยผ่าน 3 ครั้งอัพ =_="
ตัวจริง N3 ไม่ได้ดูแย่เหมือนภาพเรนเดอร์แฮะ โดยเฉพาะลายหนังที่กล้อง มันก็พอดูได้
รอดูตอนขายจริงดีกว่า ว่ากล้องหมุน(เอง)ได้ จะมีปัญหาเวลาใช้จริงรึเปล่า
แต่ R5 นี่บางจริง แถม Oppo ไม่โมเมเรื่องจุดที่ยื่นออกมาด้วย
ติดตามชมตอนต่อไปครับ 😀
ลายหนังนี้ Co_py ฝาหลังโน๊ต 3 มาเบย
N3 นี่ แบตแบบฝังหรือถอดได้อ่ะครับ แล้วกล้องนี่ถ้าเราไม่เอามอเตอร์หมุน เอามือหมุนเองจะเป็นไรมั้ย
ตอนลองผมเอามือหมุนมันก็ขยับได้นะ แล้วสลับไปใช้มอเตอร์มันก็ขยับเหมือนกัน แต่หมุนง่ายมาก ไม่แข็งเหมือนตอน N1
OPPO N3 ดูดีมากทีเดียว ทั้งหน้าตาและลูกเล่นต่าง ๆ เสียอย่างเดียว ปลายปีแบบนี้เค้าไป SD805 กันแล้ว
งอได้มะ -.,-
N3 สงสัยเรื่อง 2 ซิม กับ micro sd card ว่ามันใส่กันยังไง อ่ะครับ
น่าจะเป็น รุ่น 2 SIM กับ รุ่น 1 SIM + microSD ขายแยกกันครับ
Slot 1 : SIM หลัก เป็น Micro SIM
Slot 2 : เลือกใส่ได้ระหว่าง SIM ที่ 2 nano SIM กับ micro SD ครับ
Oppo N3 SIM Card Tray Dual Sim + MicroSD Card Explained
http://www.youtube.com/watch?v=yYFDQijvZGs
อยากลองจับตัว R5 จังเลยย
เค้าน่าจะจับงอให้ดูบนเวทีน่ะ อิอิ มันจะเหมือน……ไหมเอ่ย
เสียบหูฟังไม่ได้ แล้วฟังเพลงยังไงอะครับ
เท่าที่รู้มีตัวแปลง จากช่อง microUSB to ช่อง3.5 ครับ
หูฟัง Bluetooth ก็ได้ครับ
สวยดี
N3 พาโนราม่านี่ไอเดียแจ่มจริงๆ 🙂 //ผมว่า K900 ก็บางเกินแล้วนะ R5 บางกว่าตั้ง 2 มม. -0-
ถ้าหนาขึ้นแล้วได้แบตเพิ่มเป็น 3500 จะดีกว่านะ
ว่าแต่ OPPO นี่ยังล็อคเนื้อที่เมมเครื่องอยู่รึป่าวอ่ะ หรือว่าลงได้อิสระแล้ว
มีเป็น beta ให้เลือกใช้แล้วครับ
แต่ยังไม่ทำมากับ official rom
จากที่ดูรีวิวในยูทูบ ผมสังเกตุว่า ปุ่มซอร์ฟคีย์ ไม่มีไฟสว่างให้ใช้ตอนกลางคืนนี่กดเดาๆเลย และช่องหูฟังด้านข้างลำบากในการใส่เป๋า ถ้าหัวแจ็คหูฟังแบบตรงจะเกะกะมาก (ปล. ถ้าผิดพลาดขออภัยด้วย)
ปกติแล้ว ไฟ soft key มันตั้งปิด-เปิด ไฟได้ N3 เป็นผลงานชิ้นเอก oppo ไม่น่าพลาดเรื่องเล็กๆ แบบนี้
คอยมาดูกันดีกว่าว่า ตอนถ่ายวีดีโอ จะติดเสียงมอเตอร์มาไหม 555+
แต่ถึงมี ก็ นวตกรรม ยอมย่อมกันได้ จะได้พัฒนาไปเยอะๆ
สนใจR5 แต่ไม่มี 3.5 แบบนี้คงเป็นหูฟัง เสียบช่อง usb. อักแน่เหมือนตอน Finder แบบนี้แบตหมด ก็อดฟัง
ไม่สวยอะเสียดาย น่าจะออกแบบให้ดูดีหรูกว่านี้หน่อย
ตกลงว่า body N3 ไม่ได้เป็นโลหะ ยานอวกาศ เหมือนข่าวที่หลุดออกมาแรกๆ เหรอครับ
ไอเดีย N3 เจ๋งดี แต่ยังไงก็คงรอ N3 mini เพราะชอบ
กล้องฟรุ้งฟริ้ง แต่ไม่ชอบจอใหญ่
N3 แจ๊ค 3.5 ย้ายไปอยู่ข้างเครื่อง จบข่าว.
สวยครับ อยากได้มาก ราคาเท่าไรนิ
แอบถ่ายเมียที่บ้านดีกว่าคริ ๆ
สวยดีครับเห็นบอกว่า สามารถใช้ Oclick หมุนกล้องได้ด้วยนะ อ่อ function ก็ทำได้มั้ง
อยากได้อยู่แต่กลัวราคาเบา ไป