ออปโป้เปิดตัวระบบปฏิบัติการ ColorOS 15 บนพื้นฐาน Android 15 อย่างเป็นทางการ ภาพรวมมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ 3 เรื่อง คือ ‘ความลื่นไหลและความสวยงาม’, ‘ประสิทธิภาพการใช้งาน’ และ ‘ฟีเจอร์ AI’ เตรียมติดตั้งล่วงหน้ามาใน OPPO Find X8 เป็นรุ่นแรกในเดือนนี้ ก่อนจะทยอยขยายการอัปเดตย้อนหลังให้รุ่นอื่น ๆ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป
ไอคอน และอินเทอร์เฟซสวยงามเป็นธรรมชาติ
ColorOS 15 ได้รับการยกเครื่องการออกแบบไอคอน วิดเจ็ต และอินเทอร์เฟซครั้งใหญ่ โดยให้ความสำคัญกับความสมจริงของแสงเงาที่ดูเป็นธรรมชาติ ควบคู่ไปกับการแสดงผลแอนิเมชันที่ลื่นไหล และตอบโต้แบบไดนามิก (ตามบริบท) ในแทบทุกส่วนของระบบ เช่น การปรับระดับเสียง และการเลื่อนแถบแจ้งเตือน
รันแอนิเมชันแบบคู่ขนาน ตีบวกความลื่นไหล
กุญแจสำคัญของความลื่นไหลข้างต้น เบื้องหลังคือ Aurora Engine ที่ออปโป้พัฒนาขึ้นมาเอง ซึ่งจะรองรับการเรนเดอร์แบบคู่ขนาน ระบบสามารถเรนเดอร์แอนิเมชันต่อเนื่องกันได้เป็นเรียลไทม์ โดยไม่ต้องรอให้การแสดงผลแอนิเมชันสิ้นสุดลงก่อน นอกจากนี้ยังรองรับการเบลอพื้นหลังแบบไดนามิกด้วยเช่นกัน
เกาะหรรษาที่คุ้นเคย
ColorOS 15 มีเกาะหรรษาเป็นของตัวเอกแล้ว ในชื่อ Fluid Cloud ลักษณะการทำงานจะคล้ายกับ Dynamic Island ของแอปเปิล โดยระบบจะดึงข้อมูลบางอย่างมาแสดงผลบนผ่านพื้นที่ขนาดเล็กด้านข้างกล้องเซลฟี ตัวอย่างการใช้งานที่ออปโป้โชว์ให้ดูคือ สถานะนาฬิกาจับเวลา และสถานะบริการเรียกรถแท็กซี่
ส่ง AirDrop ข้ามค่ายกับ iPhone ได้แล้ว
การรับส่งไฟล์ข้ามค่ายระหว่าง Android และ iOS ยังทำได้ไม่สะดวกนักในปัจจุบัน ที่ผ่านมาผู้ใช้งานจึงต้องอาศัยแอปภายนอกเป็นตัวกลางในการรับส่งแทน เพื่อแก้ปัญหานี้ ออปโป้จึงได้อัปเกรด OPPO Share บน ColorOS 15 ให้รองรับการส่งไฟล์กับ iPhone ได้โดยตรงเป็นครั้งแรก สามารถรับส่งได้ทั้ง รูปภาพ วิดีโอ เอกสาร และไฟล์อื่น ๆ ในคลิกเดียว
ปรับแต่งหน้าจอล็อกได้หลายแบบ
ColorOS 15 มากับตัวเลือกการปรับแต่งหน้าจอล็อกแบบใหม่ มีเทมเพลตให้เลือกปรับได้หลายแบบ เป็นการเพิ่มความสวยงามให้กับหน้าจอล็อกและหน้าจอ always-on display พร้อมสะท้อนตัวตนของผู้ใช้งานไปในคราวเดียวกัน
เฟรมเรตเสถียรขึ้น ติดตั้งแอปไวขึ้น เปิดแอปไวขึ้น
ในแง่ประสิทธิภาพการใช้งาน ออปโป้เคลมว่า ColorOS 15 ได้รับการปรับปรุงให้ติดตั้งแอปไวขึ้น 26% เปิดแอปครั้งแรกไวขึ้น 50% การตอบสนองโดยรวมเร็วขึ้นและเสถียรขึ้น 18% และ 40% ตามลำดับ เป็นผลมาจากการจัดสรรทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพกว่าเดิมในระดับฮาร์ดแวร์ ขณะเดียวเดียวกันออปโป้ก็เคลมค่าเฟรมเรตเฉลี่ยเอาไว้ที่ 116.7 เฟรมต่อวินาที ทั้งการเล่นเกมและการวิดีโอคอล
สารพัดเครื่องมือพลัง AI
ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์อยู่ในจุดเฟื่องฟู จนกลายมาเป็นเทรนด์หลักบนโลกเทคโนโลยี การฝังฟีเจอร์ด้าน AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบปฏิบัติการได้กลายเป็นแนวปฏิบัติที่จะขาดไปเสียไม่ได้ เช่นเดียวกับออปโป้ที่ใส่เครื่องมือ AI เข้ามาหลายอย่างบน ColorOS 15 เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งานในแง่มุมต่าง ๆ ยกตัวอย่างฟีเจอร์บางส่วนที่น่าสนใจ ดังนี้
- ผู้ช่วยอัจฉริยะ (คล้าย Siri ของแอปเปิล)
- วงกลมเพื่อค้นหา (คล้าย Circle to Search ของกูเกิล)
- ฟีเจอร์ด้านการแต่งภาพ
- เพิ่มความคมชัดให้ภาพที่ถ่ายมาเบลอ
- ลบแสงสะท้อนเมื่อถ่ายผ่านกระจก
- ฟีเจอร์ด้านการสื่อสารและภาษา
- สรุปเนื้อหาจากเสียงหรือข้อความ เช่น การโทร การประชุม และเอกสาร
- จัดหน้ากระดาษ เกลาประโยค ปรับสำนวน เขียนแคปชัน แปลภาษา จากเอกสารโดยอัตโนมัติ
มัลติวินโดวแบบพาโนรามา
ColorOS 15 เพิ่มความสามารถในการมัลติทาสกิงแบบใหม่ เรียกว่าพารัลเลลวินโดว (parallel windows) หน้าต่างของแอปรองจะถูกหดซ่อนอยู่บริเวณขอบ โดยสามารถลากนิ้วเพื่อสลับมาเป็นแอปหลักได้ทันทีที่ต้องการ
จุดประสงค์ของฟีเจอร์นี้คือ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสลับแอปไปมาได้อย่างรวดเร็วแบบไร้รอยต่อ ซึ่งจะแตกต่างจากมัลติวินโดว (multi window) แบบเดิม ที่ออกแบบเพื่อการใช้งานแอป 2 หน้าต่างพร้อมกัน
น่าสนใจนะ
เห็นทางคุณ Aaron moderator ของ OPPO Community บอกว่า ColorOS 15 แค่ตัว OS กินพื้นที่แค่ 10GB